รีวิว “วิมานหนาม” สงครามรักที่ขับเคลื่อนด้วยแรงแค้น เมื่อกฎหมายไม่ให้สิทธิในการครอบครอง ตัวละครจึงต้องแย่งชิงด้วยกำลังและเล่ห์เหลี่ยมที่มี
ภาพยนตร์ “วิมานหนาม” ผลงานใหม่แกะกล่องจากค่ายหนังยักษ์ใหญ่ GDH ได้เปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในงานกาล่าพรีเมียร์ วันที่ 19 ส.ค. 67 ท่ามกลางเสียงชื่นชมของผู้ชมกลุ่มแรกที่ได้สัมผัสกับหนังเรื่องนี้อย่างเต็มอิ่ม หลังจากที่จีดีเอชได้ปล่อยตัวอย่างมาเรียกความฮือฮาจากคอหนัง 1 เดือนก่อนฉายจริง
เรื่องย่อภาพยนตร์วิมานหนาม
“วิมานหนาม” เป็นหนังที่ว่าด้วยเรื่องราวของคู่รัก ‘ทองคำ’ (เจฟ ซาเตอร์) และ ‘เสก’ (เต้ย พงศกร) ที่ช่วยกันปลูกสวนทุเรียนจนเริ่มผลิดอกออกผล แต่โชคชะตาก็เล่นตลกให้เสกประสบอุบัติเหตุจนต้องเข้าห้องไอซียู เป็นเหตุให้ประเด็นความไม่เท่าเทียมในสังคมได้ออกมาโลดแล่นท่ามกลางความหดหู่ เมื่อคู่รักชายรักชายไม่มีสิทธิเซ็นเอกสารรับรองการผ่าตัดในโรงพยาบาล ทองคำจึงต้องนั่งกอดความจริงอันเจ็บปวด ว่าสถานะสามีทางพฤตินัยที่เขามีต่อเสก ยังไม่ถูกรับรองสำหรับกฎหมายในประเทศไทย จนทำให้เสกถึงแก่ความตาย เพราะหมอไม่สามารถทำการผ่าตัดที่มีความเสี่ยงสูงได้ หากญาติของผู้ป่วยไม่เซ็นยินยอม
เมื่อเสกเสียชีวิตไปปมเรื่องสิทธิก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น เมื่อโฉนดที่ดินสวนทุเรียนเป็นชื่อของเสก คนที่รับช่วงต่ออย่างถูกต้องตามกฎหมายกลับไม่ใช่คู่ชีวิตอย่างทองคำ แต่กลายเป็น ‘แม่สาย’ (สีดา พัวพิมล) มารดาโดยสายเลือดที่มาพร้อมกับ ‘โหม๋’ (อิงฟ้า วราหะ) ลูกสาวที่แม่ของเสกเก็บมาเลี้ยง และทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลอย่างใกล้ชิด
ความเจ็บช้ำของทองคำที่ต้องเห็น ‘คนอื่น’ มาแย่งชิงวิมานของตนเองและเสกที่ร่วมสร้างกันมา จึงเริ่มเปลี่ยนเป็นความแค้น เขาต้องการทวงคืนสิทธิทุกอย่างที่ควรได้รับ วางแผนทำดีกับแม่สายเพื่อขอเป็นลูกชายอีกคน และหวังว่าสักวันแม่จะยกที่ดินแห่งนี้ให้ทองคำได้กลับมาครอบครองอย่างถูกต้อง
ทว่าเรื่องราวต่าง ๆ ก็ไม่จบลงง่าย ๆ เมื่อลูกเลี้ยงอย่างโหม๋ ก็อยากได้สวนทุเรียนแห่งนี้เช่นกัน การขับเขี้ยวระหว่างคนที่ไม่มีสิทธิทั้ง 2 ฝ่ายจึงเริ่มขึ้น โดยมี ‘จิ่งนะ’ (เก่ง หฤษฎ์) น้องชายของโหม๋ยื่นมือเข้ามาช่วยทำสวนทุเรียน และทำให้วังวนความสัมพันธ์ในวิมานหนามแห่งนี้ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
“วิมานหนาม” สุขสมบนความเจ็บปวด กลางสงครามแห่งการช่วงชิง
ถ้าถามว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังที่ดีหรือสนุกแค่ไหนคงอธิบายได้ยาก เพราะรสนิยมในการดูของแต่ละคนแตกต่างกัน แต่สิ่งที่การันตีได้ว่าภาพยนต์เรื่องวิมานหนาม ทำได้ดี คือ พล็อตเรื่องที่หักมุมไปมาจนคนดูเดาทางไม่ถูก เรื่องราวที่เห็นในทีเซอร์เป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็ก ๆ ท่ามกลางจักรวาลของเนื้อหา ที่พร้อมจะปะทุความดุเดือดสู่สายตาผู้ชมในทุกขณะ
บอส นฤเบศ กูโน ผู้กำกับวิมานหนาม สร้างสรรค์ผลงานออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม แม้งานภาพในหนังเรื่องนี้อาจจะไม่เนี้ยบทุกระเบียดนิ้ว เหมือนที่เคยสร้างมาตฐานไว้ในผลงานเก่า “ซีรีส์แปลรักฉันด้วยใจเธอ” แต่ความละเอียดในการควบคุมโทนสี และการจัดวางองค์ประกอบต่าง ๆ ก็ยังทำได้ดีเช่นเคย
อีกสิ่งที่ต้องเอ่ยปากชื่นชมคือการเขียนบทที่สามารถขับเคลื่อนประเด็นความไม่เท่าเทียมในสังคมได้อย่างหลากหลาย ทั้งกฎหมายสมรสเท่าเทียมที่ยังไม่เกิดขึ้น การเป็นบุตรที่ไม่ถูกเซ็นรับรองทำให้ไม่มีสิทธิในมรดก พร้อมทั้งขมวดปมฉายภาพปัญหาที่เกิดจากสังคม ‘ปิตาธิปไตย’ ที่ทำให้ตัวละครในเรื่องนี้ต้องเจ็บปวดปางตายกันถ้วนหน้า
ในแง่ของการแสดงต้องชื่นชมทีมนักแสดงทุกท่าน เพราะไม่ว่าจะเป็นตัวละครหลัก หรือตัวละครที่ออกมาไม่กี่ซีน ก็สามารถสร้างความตราตรึงให้กับผู้ชมได้ไ่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะอิงฟ้าและเจฟที่รับบทหนัก สาดอารมณ์กันไม่ยั้งจนแทบไม่มีช่วงให้พักหายใจ
การแสดงหนังเรื่องแรกของอิงฟ้า วราหะ ทำให้คนดูหลายคนถึงกับเซอร์ไพรซ์ เพราะเธอตีบทโหม๋ได้แตกกระเจิง จนรับรู้ได้ถึงความขับแค้นใจของผู้ถูกกดขี่ ที่วันหนึ่งก็อยากลืมตาอ้าปากมีชีวิตที่ดีไม่ต่างจากคนอื่น ในเมื่อสังคมและครอบครัวไม่อนุญาต โหม๋จึงต้องต่อสู้เพื่อตัวเอง ไม่ว่าจะต้องกัดปาก หรือใช้ตีนถีบอุปสรรคจนตัวเองแทบหมดแรงก็ตาม
เจฟ ซาเตอร์ ศิลปินหนุ่มสุดฮอตที่มีดีทั้งหน้าตาและความสามารถ เปล่งประกายในบททองคำอย่างสมบูรณ์แบบ เคมีสาธารณะของเจฟทำงานได้ดีกับตัวละครทุกตัว ไม่ว่าจะเป็นฉากวาบหวามกับเต้ย พงศกรก็สามารถทำได้อย่างไม่เคอะเขิน สมกับที่เคยเล่นซีรีส์แนวชายรักชายมาก่อน
หรือจะเป็นฉากปะทะความเดือดกับอิงฟ้า ก็สามารถรับส่งอารมณ์กันได้อย่างสมจริงและลงตัว การแสดงของเจฟในภาพยนตร์เรื่องนี้เหมือนน้ำที่อยู่ในกา แรกเริ่มอาจจะไม่ได้หวือหวา แต่ในท้ายที่สุดเมื่อความร้อนถึงจุดเดือด นักแสดงคนนี้ก็พร้อมที่จะระเบิดความสามารถออกมาให้ผู้ชมได้เห็นเสมอ
อีกหนึ่งตัวละครที่มองข้ามไม่ได้คือจิ่งนะ ที่ได้นักแสดงหน้าใหม่อย่าง เก่ง หฤษ บัวย้อย มาเสริมสีสันให้เนื้อหากลมกล่อมขึ้น ตัวละครจิ่งนะเสมือนการเติมคอฟฟี่เมดลงไปในกาแฟเพื่อให้รสขมลดลง แต่ในท้ายที่สุดชะตาชีวิตของจิ่งนะกลับต้องเผชิญกับความขมขื่นซะเอง
เก่ง หฤษ โชว์ฝีมือพูดภาษาท้องถิ่นได้อย่างรื่นหู ทั้งยังเข้าซีนเนื้อแนบเนื้อกับเจฟได้อย่างสมจริง เน้นปรากฏตัวบนหน้าจอแบบพูดน้อยแต่ต่อยหนัก ถือเป็นดาวรุ่งอีกหนึ่งคนที่น่าจับตามอง
เป็นภาพยนตร์อีกเรื่องหนึ่งของ GDH ที่มีสิทธิ์กวาดรางวัลทั้งจากในประเทศและนอกประเทศได้ไม่ยาก ด้วยตัวเรื่องที่หยิบยกความเจ็บปวดของคนชายขอบมาพูดได้อย่างลึกซึ้ง ความไม่มีสิทธิที่ถูกนำเสนอในหนังเรื่องนี้ทำได้ถึงแก่น จนอาจทำให้หลายคนที่ดูจบแล้วตระหนักได้ว่า ความเห็นแก่ตัวภายใต้จิตสำนึกของมนุษย์ ที่สะท้อนผ่านเรื่องราวของตัวละคร ล้วนมาจากการถูกกดขี่และริดรอนสิทธิของตนเองทั้งสิ้น
ดังนั้น ถ้าสังคมมีพื้นที่ในการใช้สิทธิอย่างเท่าเทียมกันมาตั้งแต่ต้น ทองคำ โหม๋ แม่แสง และจิ่งนะ คงไม่ต้องมาเผชิญชะตากรรมอันน่าอดสูในวิมานแห่งนี้จนหาทางออกไม่เจอแบบในภาพยนตร์
รีวิวคะแนนภาพยนต์วิมานหนาม ในด้านบทภาพยนตร์ถือว่าทำได้ดี 9/10 หักมุมพลิกล็อกจนคนดูเดาตอนจบไม่ออก ส่วนเรื่องนักแสดงถือว่าแคสติ้งมาได้ดี 8/10 โปรดักชันอาจไม่ได้หวือหวามาก แต่ก็ยังมีความละเมียดละไมในการจัดองค์ประกอบ 7.5/10
หากใครอยากพิสูจน์ว่าสงครามการช่วงชิงในวิมานหนามจะดุเดือดจริงหรือไม่ สามารถรับชมได้ที่โรงภาพยนตร์ทั่วประเทศในวันที่ 22 สิงหาคมนี้
ภาพจาก : Youtube GDH, Facebook GDH
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง