เปิดทำเนียบ “นายกรัฐมนตรีหญิง” ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
รายชื่อนายกรัฐมนตรีหญิงของประเทศไทย อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร และนางสาวยิ่งลักษณ์ สองหัวเรือใหญ่แห่งครอบครัวชินวัตรแห่งพรรคเพื่อไทย
อัปเดตหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทยอันยาวนาน นับตั้งนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 28 ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดในฝ่ายบริหาร เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงไทยคนแรก จนกระทั่งล่าสุด “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้ผ่านการรับรอง เสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีเป็นคนที่ 31 จึงนับเป็นนายกรัฐมนตรีหญิงของไทยคนที่ 2 ในประวัติศาสตร์นั่นเอง
แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 2
เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2567 ท่ามกลางความคาดหมายของประชาชนทั่วประเทศ การประชุมสภาผู้แทนราษฎรเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยมีการเสนอชื่อ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หรือ “อุ๊งอิ๊ง” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นผู้สมควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของไทย
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ได้เปิดการประชุมและชี้แจงขั้นตอนการเสนอชื่อและลงคะแนนเสียง โดยเน้นย้ำว่าการลงคะแนนจะต้องเป็นไปอย่างเปิดเผย ด้วยวิธีเรียกชื่อตามลำดับเลขประจำตัวสมาชิกและออกเสียงเป็นรายบุคคล
นายสรวงศ์ เทียนทอง ส.ส. สระแก้ว และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้ทำหน้าที่เสนอชื่อ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งที่ประชุมได้มีมติรับรองการเสนอชื่อด้วยคะแนนเสียง 291 เสียง เกินกว่าจำนวนขั้นต่ำ 50 คนที่กำหนดไว้ตามรัฐธรรมนูญ
การเสนอชื่อครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี อันเนื่องมาจากการแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่เคยมีคดีความในอดีต ซึ่งถือเป็นการขาดคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนด
ทั้งนี้ ผู้ที่จะได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีจะต้องได้รับคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 493 คน นั่นหมายความว่า “อุ๊งอิ๊ง” จะต้องได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนอย่างน้อย 248 เสียงจึงจะสามารถดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้
อย่างไรก็ตามท้ายที่สุด อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ได้รับการโหวตในสภาชนะด้วยคะแนน 319 เสียง และมีผู้ที่โหวตไม่เห็นด้วยจำนวน 145 เสียง ส่งผลให้เธอก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงไทยคนที่ 2 และลำดับที่ 31
ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 1
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 28 ของประเทศไทย ระหว่างปี พ.ศ. 2554-2557 รวมระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่ง 2 ปี 275 วัน โดยยิ่งลักษณ์เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อหมายเลข 1 และเป็นน้องสาวของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร
ยิ่งลักษณ์ เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2554 และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 หลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งจากคดีจำนำข้าว
ชีวิตส่วนตัวและครอบครัว
ยิ่งลักษณ์สมรสกับอนุสรณ์ อมรฉัตร อดีตผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณฑ์ อาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และอดีตกรรมการผู้อำนวยการ บริษัท เอ็มลิงก์เอเชียคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เมื่อปี พ.ศ. 2538 โดยมีธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกลุ่มเครือเจริญโภคภัณฑ์ และ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร เป็นประธานในพิธีมงคลสมรส
อย่างไรก็ตาม ยิ่งลักษณ์และสามี ไม่ได้จดทะเบียนสมรส ทั้งคู่มีบุตรชายด้วยกันชื่อว่า ศุภเสกข์ อมรฉัตร หรือ น้องไปค์
การพ้นจากตำแหน่ง
เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2557 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ยิ่งลักษณ์พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เหตุผลคือการโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี จากตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ในปี 2554 ศาลเห็นว่าการโยกย้ายดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ
ต่อมาช่วงปลายปี 2556 ถึงต้นปี 2557 เกิดการชุมนุมประท้วงขนาดใหญ่ต่อต้านรัฐบาลยิ่งลักษณ์
ผู้ชุมนุมเรียกร้องให้ยิ่งลักษณ์ลาออกจากตำแหน่ง โดยกล่าวหาว่ารัฐบาลมีการทุจริตและถูกครอบงำโดยอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร
ในวันที่ 9 ธันวาคม 2556 ยิ่งลักษณ์ประกาศยุบสภาผู้แทนราษฎรและกำหนดให้มีการเลือกตั้งใหม่
อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งในวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2557 ถูกขัดขวางโดยผู้ชุมนุม และต่อมาถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้เป็นโมฆะ
หลังจากยิ่งลักษณ์พ้นจากตำแหน่งตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ รัฐบาลรักษาการยังคงบริหารประเทศ
ในวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำโดยพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ทำการรัฐประหาร ยึดอำนาจจากรัฐบาลรักษาการ
หลังการรัฐประหาร ยิ่งลักษณ์ถูกดำเนินคดีในหลายข้อหา โดยเฉพาะคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวในปี 2560 ยิ่งลักษณ์หลบหนีออกนอกประเทศก่อนการอ่านคำพิพากษาคดีจำนำข้าว
การพ้นจากตำแหน่งของยิ่งลักษณ์จึงเป็นผลมาจากหลายปัจจัยทั้งทางกฎหมายและการเมือง ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของสถานการณ์ทางการเมืองไทยในช่วงเวลานั้น
เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2567 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้อ่านคำพิพากษาคดีที่ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมพวกรวม 6 ราย ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต เกี่ยวกับโครงการ Roadshow “สร้างอนาคตประเทศไทย” หรือ “Thailand 2020” มูลค่า 240 ล้านบาท
คณะผู้พิพากษามีมติเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ให้ยกฟ้องจำเลยทั้งหมด โดยให้เหตุผลว่าไม่พบหลักฐานที่แสดงถึงเจตนาในการเอื้อประโยชน์ในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของโครงการดังกล่าว นอกจากนี้ ศาลยังมีคำสั่งให้เพิกถอนหมายจับนางสาวยิ่งลักษณ์ด้วย
จำเลยในคดีนี้ประกอบด้วยบุคคลสำคัญหลายท่าน อาทิ นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล อดีตรักษาการนายกรัฐมนตรี นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตเลขาธิการนายกรัฐมนตรีสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ รวมถึงบริษัทสื่อชั้นนำอย่างบริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) และบริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน)
คำตัดสินนี้ถือเป็นการปิดฉากคดีสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการบริหารงานของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ และอาจส่งผลต่อภูมิทัศน์ทางการเมืองไทยในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีกับอดีตผู้นำประเทศ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
อ้างอิง : ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร, แพทองธาร ชินวัตร