“น้ำฝน เพชรปวีณ์” อดีตนางงามถูกสามีไฮโซทำร้าย รับบทเป็นทั้งเมียหลวงและเมียน้อย
“น้ำฝน เพชรปวีณ์” อดีตนางงามเวทีดังเผยมรสุมชีวิต ถูกสามีไฮโซทำร้ายร่างกาย ไม่ยอมเซ็นรับรองบุตร คิดแผนให้กลับไปหาสามีเก่าเพื่อปัดความรับผิดชอบ แต่ไม่กี่ปีต่อมาก็กลับเข้ามาในชีวิตเธอพร้อมขอดูแลแต่ให้สถานะเป็นบ้านเล็ก
น้ำฝน เพชรปวีณ์ หิรัญกุลชัชวาล เจ้าของตำแหน่ง Mrs. Thailand Globe 2022 จากเวที Mrs.Thailand ออกมาอัปเดตชีวิตผ่านรายการ TOP TALK เรื่องนี้ต้องเคลียร์ ออกอากาศเมื่อวันที่ 12 ส.ค. 2567 ผ่านช่องยูทูบ TOP NEWS LIVE โดยน้ำฝนได้เล่าถึงเรื่องราที่เคยเป็นข่าวใหญ่ กรณีสามีไฮโซตระกูลดังทำร้ายร่างกาย และไม่ยินยอมเซ็นรับรองบุตร ทั้งยังไล่กลับไปหาสามีเก่า เพื่อให้รับผิดชอบเด็กในท้องแทน
อดีตนางงามเล่าว่า บังเอิญเจอสามีไฮโซคนนี้บนเครื่องบินและมีชีวิตรักกันอย่างราบรื่น กระทั่งเธอตั้งครรภ์ ปัญหาก็เกิดทันที เมื่อฝ่ายชายต้องการให้เอาเด็กออก พอไม่ทำตาม ก็เป็นเหตุต้องเลิกรากัน
“เรารู้จักกันเจอกันด้วยความบังเอิญ เหมือนพรหมลิขิต เจอกันบนเครื่อง เราเดินทางไปลำปางบ้านเกิด เขาก็ทำธุรกิจอยู่ที่นั่น เราดีใจนะคะที่จะได้เป็นคุณแม่ โทรไปบอกเขาว่าเราตั้งท้องนะ สิ่งที่ฝนได้รับตอบกลับครั้งแรกคือ ทำไม เราก็อ้าว ไม่ดีใจเหรอ เราคบกันก็มีความสัมพันธ์ที่ดี ไม่มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันมาก่อน จนเราตั้งท้องแต่เขาไม่ดีใจกับเรา”
“เขาอยากทราบว่าท้องจริงหรือเปล่า เขาไม่ได้พูดว่าจะไม่รับ แต่ไปคุยกับคุณหมอว่าท้องตั้งแต่เมื่อไหร่ จนมาช่วงที่จบประโยคสุดท้ายของคุณหมอ เขาบอกว่ายุติการตั้งครรภ์ได้ไหม พูดต่อหน้าเลย เรารู้สึกแย่มาก ทำไมคุณถึงมีจิตใจแบบนี้ ปกติที่คบกันมาคุณจิตใจดีมาก คุณอยากรับเลี้ยง ดูแลชีวิตเรา หลังเราผิดพลาดกับสามีคนเก่ามาแล้ว”
นอกจากรบเร้าให้เอาลูกในท้องออกแล้ว ฝ่ายของสามีไฮโซยังบอกให้ น้ำฝน กลับไปหาสามีเก่า เพื่อให้รับเด็กในท้องเป็นลูกอีกด้วย
“เขาบอกเราผิดเงื่อนไข ถ้าเราเอาลูกออกเขาก็จะดูแลต่อ จิตใจเขาแย่มากที่ทำกับลูกแบบนี้ เรากลัวเรื่องบาปกรรมด้วย การที่จะเอาเด็กออกมันเป็นบาปเป็นกรรม ถ้าคุณไม่เลี้ยงไม่เป็นไร ฉันจะใช้ชีวิตของฉันเอง เขาออกอุบายว่าไปใช้ชีวิตกับสามีเก่าไหม ให้ทำยังไงก็ได้ ให้เขารับว่าลูกในท้องเป็นลูกของยู”
“เราก็ร้องไห้ฟูมฟาม ทำอะไรไม่ได้ เขาเหมือนหนีเราไปเลย ไม่ให้เราติดต่อได้ สุดท้ายเรามาคิดว่าเราต้องดำเนินชีวิตต่อไป ทำยังไงก็ได้ให้เก็บลูกเราไว้ เราเลยกลับไปหาแฟนเก่า”
แม้ตอนแรกสามีเก่าจะสงสัยเพราะเลิกรากันไปนานแล้ว ทำไมจู่ ๆ ถึงตั้งท้อง แต่สุดท้ายน้ำฝนและเด็กในท้องก็ได้กลับมาอยู่กับครอบครัวของอดีตคนรัก แต่ต่อมาเรื่องก็มาโป๊ะแตกว่า เด็กในท้องไม่ใช่ลูกที่เกิดกับฝั่งของสามีเก่า ผิดสังเกตตั้งแต่โตมาแล้วหน้าตาเริ่มไม่มีความคล้าย และพฤติกรรมของสามีเก่ากับเด็กก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไปจากเดิม
“เราขอโทษเรื่องทั้งหมดที่เคยทะเลาะกัน จนทำให้เลิกรากัน วันนี้ฝนอยากให้พี่ให้อภัย ให้เราสองคนกลับมาอยู่ที่บ้านได้ไหม เขาถามอีกคนคือใคร เราบอกว่าลูกในท้องของฝนกับพี่นั่นแหละ”
“ตั้งแต่เกิดมาหน้าน้องก็ไม่เหมือนลูกชายคนโตแล้วค่ะ เค้าโครงไม่เหมือนคุณพ่อ เราก็บอกว่าเป็นฝั่งฝนมั้ง แก้ตัวไปเรื่อย ๆ เขาสงสัยว่าเราไม่ได้มีอะไรกันแล้วจะท้องได้ยังไง แต่โอเคเขาสงสารเรา จนวันนึงเขาเริ่มสงสัย ค่อย ๆ สืบเรื่องมาเรื่อย ๆ”
“เขาจับลูกชายคนเล็กไปตรวจดีเอ็นเอเอง แล้วโป๊ะแตกว่าไม่ใช่ลูก เขาก็ยังมีจิตใจเมตตารักลูกอยู่นะคะ แต่ก็เริ่มให้ไปอยู่กับพี่เลี้ยง ไม่ให้ความสำคัญเว้นระยะห่างไปเรื่อย ๆ”
“ลูกร้องไห้ว่าไม่ได้ไปไหนกับป๊าเลย ทำไมให้หนูอยู่คนเดียว ลูกให้พี่เลี้ยงโทรหา เขาบอกว่าให้ฝนรับลูกไป เขาจะขอยกเลิกรับรองบุตรลูกคนเล็ก แจ้งความดำเนินคดีขอยกเลิกการรับรองบุตร เราพยายามอธิบายทุกอย่างแล้วค่ะ จากนั้นก็แยกกันอยู่ ออกจากบ้านเขา มาเลี้ยงลูกคนเล็กเอง”
หลังจาก เพชรปวีณ์ได้ย้ายออกมาอยู่คนเดียวรับบทเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวเต็มตัว ไม่กี่ปีให้หลังสามีที่เคยบอกให้เธอทำแท้งก็ติดต่อมา แจ้งความประสงค์ว่าอยากรับลูกไปเลี้ยง แต่เธอไม่ยอม เขาจึงขอให้กลับไปอยู่ด้วยกันทั้งแม่ทั้งลูก ซึ่งในขณะนั้นเขาเองก็มีภรรยาและครอบครัวอยู่แล้วด้วย
“ช่วงปี 65 (สามีไฮโซที่บอกให้ทำแท้ง) ได้ติดต่อมา เขาเห็นว่าฝนมีชีวิตที่ดีขึ้น มีตำแหน่งหน้าที่ในสังคม ลูกชายเรียนหนังสือเก่ง ได้รับรางวัลเหรียญทอง ได้เป็นนักกีฬาโรงเรียน เขาร้องไห้ด้วยนะคะ”
“ฝนไม่ได้ให้อภัยค่ะ คิดว่าจะกลับมาทำไม ตอนแรกไม่ได้อยากได้ลูกคนนี้ ด่าเขาว่าใจไม้ไส้ระกำ หมายังรักลูกแต่นี่เป็นลูกทั้งคนทำไมยังให้เอาออก”
“ตอนนั้นเขาจะเอาแค่ลูกค่ะ ฝนบอกว่าไม่ได้ คุณมีครอบครัวใหม่ไปแล้ว เขาบอกงั้นย้ายไปทั้งแม่ทั้งลูกเลยที่เชียงใหม่ เขาอยู่ลำปาง น่าจะไปมาหาสู่กันง่ายกว่า เขาก็ดูแล เช่าคอนโดให้อยู่ จ่ายค่าเลี้ยงดู ค่าเรียน”
“ตอนแรกภรรยาเขาไม่รู้ แต่หลังๆ รู้ เขาขอให้ยอมรับฝนและลูก อีกฝั่งน่าจะไม่ยอมรับ แต่สิ่งที่เขาทำคือเขาพาลูกไปสถานที่ต่างๆ และแนะนำให้เพื่อน ๆ รู้ว่าเป็นลูกชายคนแรกของเขาที่ปิดบังมานาน”
“ฝนเปรียบเสมือนเมียน้อยและเมียหลวงในคราวเดียวกันนั่นแหละค่ะ เหมือนฝนเป็นกรณีตัวอย่างให้คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่มีสถานะทั้งเมียน้อยและเมียหลวง”
ต่อมาน้ำฝนได้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เธอถูกสามีไฮโซทำร้ายร่างกาย เพราะเธอทวงถามเรื่องการเซ็นรับรองบุตรตามกฎหมาย แต่โดนพาลหาเรื่อง จนทำให้มีปากเสียง และถูกทำร้ายจนเธอต้องวิ่งหนีออกมา
“เราพยายามให้เขาจดทะเบียนรับรองบุตรตามกฎหมาย เขาบ่ายเบี่ยงไม่จดสักที เราไม่ต้องการให้เขายืดเวลาแล้ว เลยขอร้องเขาว่าเมื่อไหร่จะไปตรวจดีเอ็นเอ รับรองบุตร”
“ตอนฝนเป็นโจทก์ฟ้องเขา ฝนเซ็นให้เขาจ่ายค่าเลี้ยงดูบุตร แต่ไม่ได้ให้เซ็นเรื่องเซ็นรับรองบุตร เราอยากให้เขาเซ็นรับรองบุตร แต่เราไม่สามารถฟ้องเขาได้ เลยให้ลูกเขียนคำร้องเป็นโจทก์ขอร้องต่อศาลให้พ่อตัวจริงมารับรอง”
“พอเราคะยั้นคะยอ เขาก็เริ่มไม่พอใจ ต่อมาวันนึงเราถามว่าเมื่อไหร่จะทำ เขาให้เราไปหาสถาบันตรวจดีเอ็นเอ เราก็หาให้ ตอนแรกเขาบอกให้ไปตรวจดีเอ็นเอก่อนแล้วค่อยไปทำเรื่องที่ศาล เราพร้อมมากเพราะลูกเขาแน่นอน เขาบ่ายเบี่ยงจนเกิดทะเลาะกัน เราบอกว่าไหนลองเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรสิ จะทำให้วันไหน”
“เขาโมโห จะขอดูโทรศัพท์ว่ามีใครไลน์มา เขาเริ่มโมโหว่าเราไม่ให้โทรศัพท์ เขาก็มาตี ผลักให้ล้มหน้าห้อง ตอนนั้นลูกก็อยู่ เขาทำแบบนี้หลายครั้ง เราวิ่งลงมาข้างล่าง หากล้องวงจรปิดตรงสวน เขาก็ตี ๆ ผลักให้ล้ม ใช้โทรศัพท์ตบเรา จนมีเลือด มีแผล ตอนนั้นเราก็เริ่มขอความช่วยเหลือจากรปภ.”.
“ฝนไม่ทนแล้วเขาบอกจะทำให้ลูกเห็น เขาไม่แคร์ลูกเลย”
ในช่วงท้ายของรายการ น้ำฝนได้พูดถึงเหตุการณ์สะเทือนใจเมื่อลูกคนเล็กต้องกลับมาเจอพ่อแท้ ๆ อีกครั้งในศาล แต่กลับถูกเมินจนลูกน้ำตาคลอ น้ำฝนจึงต้องกอดลูกไว้ โดยเธอได้ทิ้งคำพูดถึงสามีใจคนนี้ไว้ด้วยความคับแค้นใจว่า “จิตใจต่ำกว่าหมาข้างถนน” ทั้งยังย้ำสิ่งที่เธอทำอยู่ตอนนี้เป็นการสู้เพื่อลูกจริง ๆ
“ลูกก็ถามถึงค่ะว่าปะปี๊หายไปอีกแล้วเหรอ เขารู้เรื่องทั้งหมดนะคะว่าเกิดอะไรขึ้น หลังย้ายมาจากเชียงใหม่ เขาเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดว่าทะเลาะกัน ส่วนมากก็ทะเลาะเรื่องให้เซ็นรับรองบุตรนี่แหละค่ะ”
“ล่าสุดเขาเจอพ่อที่ศาล เดินสวนกัน พ่อทำเป็นมองไม่เห็นเขาก็มองมาที่เรา เราก็รีบเอาเขามาซุกไว้ที่หน้าอก อย่าหันไปมอง เขาบอกไม่เห็นเป็นไรเลย จะได้รู้ว่าเขาไม่ได้รักเราแล้ว”
“เขาไม่ทักทายลูกเลยค่ะ เดินสวนกันสองรอบ ลูกไหว้สวัสดี ฝนก็ไม่ทักแค่มองดูว่าเขาจะมีปฏิกิริยาอะไร เขาก็ทำกับลูกเป็นเหมือนอากาศ ลูกก็เสียใจ น้ำตาคลอ เราก็บอกว่าไม่เป็นไรนะ”
“อย่าเรียกว่าไฮโซเลยค่ะ จิตใจเขาต่ำตมกว่าหมาข้างถนนอีก ลูกขอร้องให้คุณมารับในสิ่งที่ควรเป็น ทุกวันนี้ฝนไม่ได้ต่อสู้เพื่อตัวเอง ไม่ได้ต้องการเงิน อยากให้คุณมารับผิดชอบลูก สงสารลูกเถอะค่ะ ถามว่าต้องการเงินเขาหรือเปล่า ไม่ค่ะต้องการความยุติธรรมให้ลูก สู้เพื่อลูกเท่านั้นค่ะ ถ้าคุณเป็นคนมีจิตใจเป็นมนุษย์จริง ๆ รับลูกเถอะค่ะ อย่าทำร้ายลูกเลย ลูกเป็นลูกของคุณ มีจิตใจเหมือนกัน”.
ภาพจาก : IG @numfon_lanna, Youtube TOP NEWS LIVE
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ลือแซ่ด ‘คุณแม่สายแซ่บ’ ย่องหย่า ‘สามีชายแท้’ คำใบ้ชัด จบรักตั้งแต่ก่อนมีข่าวใหญ่
- เมียหลวงเดือด จับเมียน้อยได้คาหนังคาเขา เพราะสัญญาณแจ้งเตือนรถดัง
- เจ๊มอย โพสต์แซ่บ ออโรร่า ควรคู่ เจ้าชายไฮโซ? เตือนสติสาว ๆ อย่าเพ้อฝัน