สัมผัสวิถีชีวิตชนเผ่า เที่ยวเชียงราย ชมหมู่บ้านอาข่า ขับข้ามเขา ลุยหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาว
เชียงราย… จังหวัดที่ไม่ได้มีดีแค่ดอยตุง หรือวัดร่องขุ่นเท่านั้น แต่ยังซ่อนไว้ซึ่งเสน่ห์แห่งวิถีชีวิตชนเผ่าที่น่าค้นหา วันนี้เราจะพาคุณไปสัมผัสกับสองชนเผ่าที่น่าสนใจ นั่นคือ อาข่า และกะเหรี่ยงคอยาว ที่พร้อมจะเปิดบ้านต้อนรับเราด้วยรอยยิ้มและมิตรภาพ
หมู่บ้านอาข่า สีสันแห่งขุนเขา จากยูนนานสู่ดอยแม่สลอง
เชื่อไหมว่า การเดินทางของเราวันนี้ เทียบไม่ได้เลยกับการเดินทางอันยาวนานของชาวอาข่า? พวกเขาเดินทางจากที่ราบสูงอันห่างไกลในมณฑลยูนนานของจีน ผ่านหุบเขาและป่าดงดิบ จนมาถึงดินแดนล้านนาอันงดงามแห่งนี้
ชาวอาข่า หรือที่คนไทยเรารู้จักในชื่อ “อีก้อ” นั้น มีชื่อเรียกมากมายราวกับพวกเขามีหลายชีวิต! ในขณะที่พวกเขาเรียกตัวเองว่า “อาข่า” ส่วนคนจีนและเวียดนามกลับเรียกพวกเขาว่า “ฮานี” คนไทยและลาวก็เรียก “อีก้อ” “ก้อ” หรือ “ข่าก้อ”
ภาษาของพวกเขาก็น่าสนใจไม่แพ้กั! ลองนึกภาพว่าคุณกำลังฟังภาษาที่ผสมผสานระหว่างธิเบต พม่า ลาหู่ และลีซอ แต่ที่เจ๋งไปกว่านั้นคือ ภาษานี้ไม่มีตัวเขียน (ใช่แล้ว คุณอ่านไม่ผิด) พวกเขาถ่ายทอดเรื่องราวและวัฒนธรรมผ่านการเล่าปากต่อปากมาหลายชั่วอายุคน
มุ่งหน้าสู่ดินแดนในฝัน วิธีการเดินทางไปหมู่บ้านอาข่า
การเดินทางไปหมู่บ้านอาข่านั้นไม่ยากเย็นอะไร แค่นั่งรถจากตัวเมืองเชียงรายประมาณชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงแล้ว แต่ระหว่างทางนี่สิ ทัศนียภาพสวยจนแทบลืมหายใจ ขุนเขาสลับซับซ้อน ทุ่งนาเขียวขจี บางช่วงอาจเจอสายหมอกลอยละล่อง ราวกับหลุดเข้าไปในภาพวาด
เที่ยวทะยานขึ้นเขา เริ่มต้นต้องมีรถยนต์ แนะนำ > เช่ารถเชียงราย < จาก Drivehub จองสะดวก ราคาเป็นมิตร
พักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติที่บ้านดินอาข่า Akha Mudhouse Maesalong
เมื่อมาถึงดอยแม่สลอง หมู่บ้านหล่อโย ตำบลแม่สลองนอก สิ่งที่จะทำให้คุณตื่นตาตื่นใจคือ Akha Mudhouse Maesalong บ้านดินสไตล์อาข่าที่จะเป็นที่พักของเราคืนนี้ (และอาจจะอีกหลายๆ คืน เพราะมันน่ารักมาก!)
บ้านดินแห่งนี้ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา ล้อมรอบด้วยไร่ชาและป่าไม้เขียวขจี ตัวบ้านสร้างจากดินและวัสดุธรรมชาติตามภูมิปัญญาดั้งเดิมของชาวอาข่า แต่ตกแต่งภายในอย่างสวยงามและมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
ที่นี่มีบ้านดินให้เลือกพักหลายแบบ ตั้งแต่ห้องเดี่ยวไปจนถึงบ้านหลังใหญ่สำหรับครอบครัว แต่ละหลังมีระเบียงส่วนตัวให้คุณได้นั่งจิบชาอุ่นๆ ชมวิวภูเขาสุดลูกหูลูกตา (รับรองว่าตื่นมาเจอหมอกลอยเหนือไร่ชายามเช้า คุณจะไม่อยากกลับบ้านแน่นอน!)
กิจกรรมสุดพิเศษที่ Akha Mudhouse
ที่ Akha Mudhouse ไม่ได้มีดีแค่ที่พัก แต่ยังมีกิจกรรมสนุกๆ ให้คุณได้สัมผัสวิถีชีวิตอาข่าอย่างใกล้ชิดไม่ว่าจะเป็น
- สอนทำอาหารอาข่า เรียนรู้เคล็ดลับการทำอาหารอาข่าแท้ๆ เช่น น้ำพริกอาข่า ที่จะทำให้คุณติดใจจนต้องทำกินเองที่บ้าน
- ชั้นเรียนเกี่ยวกับวัฒนธรรมท้องถิ่น ทำความเข้าใจ ซึมเศร้าวิถีชีวิตประเพณีที่สืบทอดมาหลายชั่วอายุคน (
- เดินป่าชมธรรมชาติ ตามเส้นทางเดินป่าให้คุณได้สำรวจความงามของป่าดิบเขา พร้อมไกด์ท้องถิ่นที่จะเล่าเรื่องราวน่าสนใจระหว่างทาง
- ชงชายามบ่า นั่งชิลล์บนระเบียงบ้านดิน จิบชาอุ่นๆ ทานขนมพื้นเมือง พร้อมชมวิวภูเขาสุดลูกหูลูกตา
นอกจากที่พักสุดชิลล์แล้ว คุณยังสามารถเดินเที่ยวชมหมู่บ้านอาข่าใกล้ๆ ได้ด้วย พอเข้าหมู่บ้านปุ๊บ สิ่งแรกที่จะทำให้คุณอ้าปากค้างคือบ้านเรือนทรงสูงแบบดั้งเดิมของชาวอาข่า มองไกลๆ เหมือนหมู่บ้านในนิทาน แถมยังมีประตูไม้ใหญ่ที่เรียกว่า “ล่อโบ่” ตั้งตระหง่านอยู่หน้าหมู่บ้าน บอกเลยว่าถ่ายรูปตรงนี้ปังแน่นอน
แต่ที่เด็ดสุดๆ ต้องยกให้การแต่งกายของชาวอาข่า โดยเฉพาะผู้หญิงที่สวมชุดประดับด้วยเหรียญเงินและลูกปัดสีสันสดใส พร้อมหมวกทรงสูงที่ประดับด้วยขนไก่และพู่ห้อย สวยจนอยากขโมยมาใส่เองเลยทีเดียว! (แต่อย่าทำนะคะ เดี๊ยวโดนจับ)
มาถึงทั้งที ต้องลองทำ
นอกจากกิจกรรมที่ Akha Mudhouse แล้ว คุณยังสามารถเดินเล่นในหมู่บ้านและลองทำกิจกรรมอื่นๆ ได้อีก เช่น
- ชมการสาธิตการทำเครื่องเงินแบบอาข่า
- ลองลิ้มชิมรสกาแฟอาข่าที่ปลูกและคั่วเองในท้องถิ่น
- ซื้อของที่ระลึกฝีมือชาวบ้าน เช่น ผ้าทอ เครื่องเงิน หรือชาสมุนไพร
และแน่นอนว่าเรื่องอาหารก็ต้องลอง อาหารพื้นเมืองอาข่ารสชาติจัดจ้านไม่แพ้ใคร ลองชิมข้าวเหนียวนึ่งกับแกงผักเผ็ดๆ รับรองว่าติดใจจนอยากขอสูตรกลับบ้าน
ข้อควรระวัง (แต่ไม่ต้องกลัวจนเกินไป) อย่าลืมว่าเราเป็นแขกของที่นี่นะคะ ดังนั้น ควรแต่งกายสุภาพ ไม่เปิดเผยร่างกายมากเกินไป และขออนุญาตก่อนถ่ายภาพทุกครั้ง ชาวบ้านที่นี่ใจดีมาก แต่ก็อย่าทำตัวเป็นช้างเหยียบนะคะ
หมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาว ความงามที่เหนือกาลเวลา
เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินเรื่องราวของชาวกะเหรี่ยงคอยาวมาบ้างแล้ว แต่รู้ไหมว่าการสวมห่วงคอนั้นไม่ได้ทำให้คอยาวขึ้นจริงๆ แต่เป็นการกดไหปลาร้าลงต่างหาก! (แปลกดีนะ แต่อย่าเพิ่งลองทำตามที่บ้านนะคะ)
หมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวอยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านอาข่ามากนัก แค่นั่งรถยนต์ไปประชมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงที่อยู่ ต.นางแล (บ้านป่าอ้อ) อ.เมือง จ.เชียงราย แล้ว ระหว่างทางคุณอาจจะได้เห็นวิวทิวทัศน์เขียวขจีกลางหุบเขา สวยจนอยากหยุดรถถ่ายรูปทุกๆ 5 นาที
ตะลึงกับความงามที่ไม่เหมือนใคร
พอก้าวเข้าสู่หมู่บ้าน สิ่งแรกที่จะทำให้คุณตะลึงคือภาพของสตรีชาวกะเหรี่ยงที่สวมห่วงคอทองเหลืองวาววับ บอกเลยว่าสวยแปลกตาจนต้องมองตาค้าง แต่อย่าจ้องนานเกินไปนะคะ เดี๊ยวเขาเขิน
นอกจากนี้ยังมีงานหัตถกรรมที่สวยงามไม่แพ้กัน ทั้งผ้าทอมือ เครื่องเงิน และเครื่องประดับต่างๆ ที่ทำให้คุณอยากควักกระเป๋าซื้อกลับบ้านทั้งหมู่บ้าน
ถ้าคุณอยากลองสวมชุดกะเหรี่ยง พร้อมห่วงคอจำลอง (ไม่ต้องกลัว ไม่เจ็บ ไม่จริง) ก็สามารถทำได้ รับรองว่าได้รูปสวยๆ กลับไปอวดเพื่อนแน่นอน
ถ้าโชคดี คุณอาจจะได้ชมการแสดงรำพื้นบ้านของชาวกะเหรี่ยง ที่จะทำให้คุณอยากลุกขึ้นมาเต้นตามเลยทีเดียว
ข้อควรระวัง เช่นเดียวกับหมู่บ้านอาข่า การเคารพวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมของชาวกะเหรี่ยงเป็นสิ่งสำคัญ อย่าแตะต้องห่วงคอของพวกเขาโดยไม่ได้รับอนุญาต และควรขออนุญาตก่อนถ่ายภาพทุกครั้ง
เปรียบเทียบสองวัฒนธรรม ต่างกันแต่งดงามเหมือนกัน
ทั้งชาวอาข่าและกะเหรี่ยงคอยาวต่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่น่าทึ่ง แม้จะอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกัน แต่วิถีชีวิตและวัฒนธรรมก็แตกต่างกันอย่างน่าสนใจ
ชาวอาข่าโดดเด่นด้วยการแต่งกายสีสันสดใส ในขณะที่ชาวกะเหรี่ยงคอยาวมีเอกลักษณ์ที่ห่วงคอ แต่ทั้งสองเผ่าต่างก็มีความเชี่ยวชาญในงานหัตถกรรมที่สวยงามไม่แพ้กัน
ที่น่าสนใจคือ ทั้งสองชนเผ่ากำลังเผชิญกับความท้าทายในการรักษาวัฒนธรรมดั้งเดิมท่ามกลางกระแสโลกาภิวัตน์ แต่พวกเขาก็พยายามปรับตัวโดยไม่ทิ้งรากเหง้าของตัวเอง เรียกได้ว่าเป็นการผสมผสานระหว่างเก่าและใหม่ได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว
ผลกระทบของการท่องเที่ยว เหรียญสองด้านที่ต้องพิจารณา
การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมนั้นเปรียบเสมือนดาบสองคม ในด้านหนึ่ง มันช่วยสร้างรายได้และโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับชุมชน ทำให้คนรุ่นใหม่เห็นคุณค่าของวัฒนธรรมตัวเองมากขึ้น
แต่ในอีกด้านหนึ่ง หากไม่มีการจัดการที่ดี การท่องเที่ยวอาจส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตดั้งเดิมและสิ่งแวดล้อมได้ (ใช่แล้ว เราไม่อยากเห็นถังขยะล้นหมู่บ้านแน่ๆ)
ดังนั้น เราในฐานะนักท่องเที่ยวจึงต้องตระหนักถึงความรับผิดชอบของเราด้วย การท่องเที่ยวอย่างมีจิตสำนึก เคารพวัฒนธรรมท้องถิ่น และใส่ใจสิ่งแวดล้อม จะช่วยให้เราได้สัมผัสประสบการณ์ที่แท้จริง และชุมชนก็ยังคงรักษาเอกลักษณ์ของตนไว้ได้
คำแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยว เตรียมตัวให้พร้อม แล้วออกเดินทาง
- เวลาที่เหมาะสม ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงกุมภาพันธ์ เป็นช่วงที่อากาศดีที่สุด ไม่ร้อนเกินไปและยังมีโอกาสเห็นทะเลหมอกสวยๆ ด้วย
- อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมตัวให้พร้อม
- เสื้อผ้าที่สุภาพ และรองเท้าที่สวมใส่สบาย (เตรียมเดินเยอะ!)
- ครีมกันแดดและหมวก (แดดบนดอยแรงนะคะ)
- ยาประจำตัว และยาแก้เมารถ (ถนนขึ้นเขาคดเคี้ยวอยู่บ้าง)
- กล้องถ่ายรูป (รับรองว่าคุณจะถ่ายรูปไม่หยุดแน่นอน)
- มารยาทสำคัญ
- ขออนุญาตก่อนถ่ายภาพเสมอ
- แต่งกายสุภาพ ไม่โป๊เกินไป
- เคารพความเชื่อและประเพณีท้องถิ่น
- อย่าให้ของกับเด็กๆ โดยตรง ควรมอบให้ผู้ใหญ่หรือผู้นำชุมชน
- ซื้อของที่ระลึกจากชุมชนเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจท้องถิ่น (แถมได้ของสวยๆ กลับบ้านด้วยนะ)
ประสบการณ์ที่จะอยู่ในความทรงจำตลอดไป
การได้สัมผัสวิถีชีวิตของชาวอาข่าและกะเหรี่ยงคอยาวนั้น ไม่ใช่แค่การท่องเที่ยวธรรมดา แต่เป็นการเปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้น ได้เรียนรู้ว่าความงามนั้นมีหลากหลายรูปแบบ และวัฒนธรรมที่แตกต่างก็สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน
เชื่อว่าหลังจากทริปนี้ คุณจะกลับไปพร้อมกับภาพความทรงจำที่สวยงาม ความเข้าใจในวัฒนธรรมที่ลึกซึ้งขึ้น และอาจจะติดใจจนอยากกลับมาเยือนอีกครั้ง!
ดังนั้น อย่ารอช้า! แพ็คกระเป๋า เตรียมกล้อง แล้วออกเดินทางไปสัมผัสมนต์เสน่ห์แห่งวิถีชีวิตชนเผ่าที่เชียงรายกันเถอะ รับรองว่าคุณจะได้ประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืมอย่างแน่นอน
จบทริปนี้แล้ว อย่าลืมแวะไปกินโอเลี้ยงที่ไนท์บาซาร์เชียงรายด้วยนะคะ ถือว่าเป็นการปิดทริปที่สมบูรณ์แบบเลยล่ะ
อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง