ลูกสาวถามเจอแบบนี้ไปร้องเรียนได้ที่ไหน พ่ออาชีพภารโรง เจอโรงเรียนเอาเปรียบไม่ไหว นอกจากดูแลความสะอาดยังต้องขับรถรับส่งนักเรียน ต่อมาเครื่องยนต์พังเจอให้รับผิดชอบคนเดียวกว่า 2 หมื่น ทั้งที่เงินเดือนแค่ 9500 แถมยังเป็นทรัพย์สินของโรงเรียน
กำลังเป็นประเด็นร้อน หลังจากเพจ “อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 7” ได้รับเรื่องร้องขอคาวมช่วยเหลือจากทางบ้าน ซึ่งเป็นลูกสาวของผู้เสียหายที่พ่อทำงานเป็นภารโรง ให้กับโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในตัวอำเภอจะเข้าปีที่ 10 ตลอดระยะเวลาในการทำงาน โรงเรียนให้คนเป็นพ่อขับรถรับส่งนักเรียนไปด้วย ซึ่งเป็นรถของทางโรงเรียนเอง อายุการใช้งานน่าจะเกิน 30 ปี
ลูกสาวยืนยันพ่อไม่เคยบกพร่องในหน้าที่ แม้จะเป็นแค่ภารโรง แต่ดูแลทุกส่วนในโรงเรียน กระทั่งเวลาเลิกงานหรือแม้ตอนพักกินข้าว ก็มีคนโทรเรียกพ่อให้ไปซ่อมอะไรอื่น ๆ อีกสารพัด ซึ่งตัวของพ่อไม่เคยบ่น
แต่อยู่มาวันหนึ่ง ลูกบอกมีเรื่องเกิดกับบิดาตัวเองขึ้นมา เมื่อรถโรงเรยนที่พ่อมาช่วยขับให้ เกิดต้องซ่อมและทางสถานศึกษาจะให้พ่อที่เป็นภารโรง ออกค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ทั้งหมดเป็นเงินกว่า 25,000 บาท ทั้ง ๆ ที่เงินค่าจ้างรับแค่เดือนละ 9,500 บ.
“รถโรงเรียนมีอายุการใช้งานมานานมากแล้วพอสมควร มันก็สึกหรอไปตามกาลเวลา คือ เครื่องยนต์สึกหรอ น้ำมันเครื่องหมด เครื่องน็อก บางครั้งพ่อขับรถไปส่งนักเรียนตามบ้าน น้ำมันหมดกลางทางก็มี ซึ่งระยะทางมันไกลมาก แล้วก็เกิดปัญหาแบบนี้ซ้ำ ๆ บ่อยครั้ง พ่อพยายามแจ้งทางโรงเรียน เพื่อขอเบิกเพื่อจะมาซ่อมส่วนนี้หลายต่อหลายครั้ง แต่ทางโรงเรียนไม่เคยสนใจ เพิกเฉยตลอด จนปล่อยให้พัง”
“แล้วสุดท้ายทางโรงเรียนมาโยนความผิดให้กับพ่อ ว่าพ่อไม่ดูแลรถ ทั้ง ๆ ที่พ่อก็แจ้งมาตลอดว่าขอเบิกเงินไปซ่อม”
ลูกของผู้เสียหาย ระบุอีกว่าทางโรงเรียนจะให้พ่อชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดคนเดียว เป็นจำนวนเงิน 25,000 บาท แต่พ่อพยายามคุยกับโรงเรียนหลายครั้ง แต่โรงเรียนไม่ยอมรับฟังเหตุผล
โพสต์ดังกล่าว ลูกที่เป็นคนส่งเรื่องมาขอความยุติธรรมยังสารภาพ เนื่องจากพ่อที่เป็นภารโรงไม่รู้จะหาเงินที่ไหนไปชดใช้ให้ เพราะเงินเดือนแค่ 9,500 บาท แถมยังมีภาระมากมาย แม้ รร. จะขอหักจากเงินเดือน เดือนละ 5,000 บ. จนกว่าจะหมด ฝั่งลูกสาวก็ตัดพ้อว่า คงไม่เหลืออยู่ดี
“สุดท้ายพ่อหนูก็ตัดสินใจเขียนใบลาออก และก็อาจเป็นไปได้ว่าเงินเดือนเดือนนี้ ก็จะถูกหักหมดเช่นกัน”
“หนูอยากจะขอความเป็นธรรมให้กับพ่อ หนูแค่ไม่เข้าใจ ทำไมพ่อหนูต้องชดใช้ทั้งที่เป็นทรัพย์สินของโรงเรียน และพ่อไม่ได้ทำรถพัง”
“ไม่ได้ทำให้รถเกิดความเสียหายแม้แต่น้อย ทำไมไม่เอางบประมาณตรงนั้นมาซ่อมบำรุง หนูอยากทราบว่าต้องไปร้องเรียนได้ที่ไหน และหนูคิดว่าเรื่องนี้มันไม่ถูกต้อง มันไม่ยุติธรรมสุด ๆ” ข้อความจากลูกสาวผู้เสียหายซึ่งจากนี้ คงต้องติตดามบทสรุปและความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดต่อไป.
อ่านข่าวเพิ่มเติม
- คนร้ายโหดใช้ท่อนไม้ทุบนักการภารโรงโรงเรียนชื่อดังกลางเมืองภูเก็ต
- สรุปดราม่า นกหวีดโรงเรียน หลังหมู่บ้านโวยวาย จนโรงเรียนยอมถอย
- สับเละ ลูกบ้านโวย โรงเรียนอยู่มาก่อน 30 ปี เป่านกหวีดเสียงดัง
