‘พี่ศรี’ บุกศาลปกครอง ยื่นเอาผิดกรมประมง ปมปลาหมอคางดำ
ศรีสุวรรณ บุกศาลปกครอง ยื่นหนังสือร้องเรียนเอาผิดกรมประมง ปมปลาหมอคางดำ ชี้ใช้ดุลยพินิจโดยมิชอบและละเลยต่อหน้าที่ จนระบาดหนัก
นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน เดินทางมายังศาลปกครองกลาง ถ.แจ้งวัฒนะ เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนกรมประมง กรณีปล่อยให้นายทุนทำปลาหมอคางดำแพร่ระบาดทำลายสัตว์น้ำอย่างล้างผลาญไปทั่วกว่า 25 จังหวัด
โดยนายศรีสุวรรณ กล่าวว่า วันนี้มายื่นฟ้องอธิบดีกรมประมง ที่ 1 คณะกรรมการด้านความหลากหลายและความปลอดภัยทางชีวภาพของกรมประมง (IBC) ที่ 2 และรมว.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ 3 ฐานใช้ดุลยพินิจโดยมิชอบและละเลยต่อหน้าที่ ปล่อยให้นายทุนใหญ่นำปลาหมอคางดำซึ่งเป็นเอเลี่ยนสปีซีซีส์เข้ามาในประเทศ จนเกิดการแพร่ระบาดไปทั่ว โดยไม่ยอมเอาผิดผู้นำเข้าต้นตอของปัญหา ให้เป็นผู้รับผิดชอบ แต่กลับนำเงินภาษีของประชาชนไปใช้แก้ปัญหา
ทั้งนี้สืบเนื่องจากการที่กรมประมง โดยคณะกรรมการ IBC ซึ่งมีอธิบดีกรมประมงเป็นประธานอนุญาตให้บริษัททุนใหญ่นำเข้าปลาหมอคางดำจากประเทศกานา ทวีปแอฟริกา เมื่อปี 53 เพื่อนำมาปรับปรุงพันธุ์สัตว์น้ำ แต่ปลาชนิดดังกล่าวกลับมาแพร่ระบาดทำลายสัตว์น้ำอย่างล้างผลาญไปทั่วกว่า 25 จังหวัดในพื้นที่ประเทศไทย ทั้งในทะเล และแหล่งน้ำกร่อย น้ำจืด น้ำเค็ม ในบ่อกุ้ง บ่อปลาของชาวประมงพื้นบ้าน สร้างความเสียกับชาวประมงนับหมื่นล้านบาท ถือได้ว่าเป็น “อาชญากรรมด้านสิ่งแวดล้อม”ที่ร้ายแรงที่สุด
กรมประมงรู้ปัญหาที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่ต้น แต่กลับเพิกเฉยในการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจังและรวดเร็ว โดยไม่รีบดำเนินการเอาผิดบิ๊กนายทุนใหญ่ที่นำเข้าปลาดังกล่าวแต่อย่างใด แต่กลับนำเงินภาษีประเทศมาแก้ไขปัญหาตลอดมาหลายพันหมื่นล้านบาท ทั้งๆที่โดยหลักกฎหมายสิ่งแวดล้อม ม.97 กรมประมงสามารถฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายต่อทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่เสียหายไปไปได้ รวมทั้งใช้ ป.อาญา ม.360 ประกอบ ม.56 ในการฟ้องศาลอาญา เอาผิดนายทุนใหญ่ดังกล่าวได้ เพราะกฎหมายเขียนไว้ชัดเจนว่าผู้ใดทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้ให้เสื่อมค่าหรือทำให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
แต่ตลอดระยะเวลาที่เริ่มปรากฏการแพร่ระบาดของปลาหมอคางดำ ตั้งแต่ปี 2555 จนมีชาวประมงนำไปร้องคณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) เมื่อปี 2560 กรมประมงและพวก ก็ไม่ได้ป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างจริงจังและรวดเร็ว จนทำให้ปลาดังกล่าวแพร่ระบาดไปจนสุดจะควบคมได้แล้ว การแก้ไขปัญหาทุกวันนี้เป็นเพียงปลายเหตุของปัญหาเท่านั้น ชาวประมงที่เดือดร้อนและเสียหายจึงมาร้องขอให้องค์การรักชาติ รักแผ่นดิน ช่วยเป็นธุระอย่าปล่อยให้กรมประมงและนายทุนใหญ่ลอยนวลไปได้ องค์กรฯจึงจะนำความไปยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อให้ศาลออกคำบังดับใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาดให้เอาผิดบิ๊กเอกชนต้นเหตุของปัญหาและให้รับผิดชอบต่อความเสียหายของชาวประมงทั้งหมด และสั่งให้นายทุนใหญ่ฟื้นฟูทรัพยากรสัตว์น้ำที่สูญหายไปไปให้กลับมาดังเดิมต่อไป
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง