ลิลลี่ เหงียน ขอโทษ ทักษิณ ปมพูดผิด ประมุขของไทย ที่แท้สื่อถึงแฟนเก่า
ลิลลี่ เหงียน ขอโทษเข้าใจผิดเรียกแฟนเก่า ‘ประมุขของไทย’ ยอมรับว่าเป็นอดีตประธานสภาฯ นักการเมือง ยืนยันไม่เคยเป็นเมียน้อย และไม่เคยเป็นแฟนทักษิณ
หลังจากที่โลกโซเชียลโยงดราม่า ลิลลี่ เหงียน หรือ วันมะนี พอนสะหวัน เป็นแฟนกับ อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ล่าสุดเจ้าตัวได้ออกมาชี้แจงกับสื่อมวลชน กรณีเคยกล่าวในรายการแฉว่าเคยคบหากับอดีตนักการเมืองที่เป็นถึงระดับระดับประมุขของประเทศไทยก่อนหน้านี้ ยืนยันว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด ไม่ใช่ตำแหน่งประธานสภาฯ อย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่เป็นการกล่าวถึงอดีตแฟนคนที่ 3 ว่าเป็นนักการเมืองจริง แต่ไม่เคยไปเป็นเมียน้อยขณะคบกัน และเลิกรากันไปกนานกว่า 10 ปีแล้ว
ในระหว่างการตอบคำถามสื่อมวลชน ลิลลี่ ได้ยกมือไหว้ พร้อมทั้งกล่าวขอโทษ ทักษิณ ปมทำคนทั้งประเทศเข้าใจผิดว่า
“กราบขอประทานอภัยจริงๆ ลี่ไม่มีเจตนาจริงๆ ลี่ไม่รู้จักท่านทักษิณ โดยส่วนตัว เคยเห็นข่าว แต่ไม่เคยเจอตัวท่าน ไม่รู้จักท่านโดยส่วนตัว ต้องขอประทานอภัยครอบครัวของท่านทักษิณ ถ้าลี่ทำให้เดือดร้อน ลี่ขอโทษจริง ๆ”
จากกระแสข่าวลือที่ว่า ลิลลี่ เหงียน ไปเป็นเมียน้อยคนอื่นนั้นไม่เป็นความจริง เจ้าตัวยอมรับว่าเคยคบกัน แต่ไม่มีสถานะเป็นเมียน้อยอย่างที่เข้าใจผิดแน่นอน
“ต้องขอโทษมาก ๆ ขอชี้แจงว่า ลี่เข้าใจผิด ประมุขของประเทศไทย อดีตแฟนของลี่ คนที่3 ท่านเป็นนักการเมือง”
“สามารถพูดได้อย่างเปิดอกว่าคบกับท่าน ท่านไม่เคยมีภรรยา ท่านเป็นอดีตประธานสภาฯ ตอนที่ลี่อยู่กับท่านเคยได้ยินว่า ตำแหน่งประธานสภา ก็เหมือนตำแหน่งประมุขของประเทศไทย ลี่อาจจะไม่ค่อยเข้าใจความหมายมาก ลี่ต้องขอโทษจริง ๆ”
ลิลลี่ กล่าวเสริมอีกว่า ปัจจุบันยังเคารพนับถือแฟนเก่าคนนี้อยู่ แต่ตนจะไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดชื่อเพราะเรื่องราวก็ผ่านไปนานมากแล้ว
“เนื่องจากเราเลิกกันมานานแล้ว 10 กว่าปีแล้ว ไม่อยากให้ท่านต้องมาลำบากใจเรื่องนี้ แต่หลายคนก็คงรู้ว่าท่านคือใคร แต่ลี่จะไม่เอ่ยชื่อ”
จากนั้น ลี่ ได้ออกมาปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ถูก เอิร์ก เลเดอเรอร์ กล่าวหาว่าเป็นเมียน้อย โดยยืนยันว่าเธอได้รับอนุญาตจากทั้งบิดาและอดีตแฟนแล้ว แม้จะไม่ได้เอ่ยชื่อบุคคลที่เกี่ยวข้องโดยตรง แต่เธอก็แสดงความเคารพต่อบิดาและครอบครัวของเขาที่ยังคงเมตตาเธออยู่
“ส่วนที่ลี่โดนนายเอิร์ก (เอิร์ก เลเดอเรอร์) กล่าวหาว่า ลี่ เป็นเมียน้อย ณ วันนี้ ลี่ขอชี้แจงอีกครั้ง อย่างชัดเจน ลี่ก็ได้ขออนุญาต ปาป๊า แล้ว ขออนุญาตแฟนเก่าของลี่ ท่านก็อนุญาต จริงๆก็พูดชื่อได้เลย แต่ด้วยความเคารพปาป๊า และเคารพครอบครัวปาป๊า ยังเมตตาลี่อยู่”
เมื่อสื่อมวลชนสอบถามลิลลี่ถึงกรณีข่าวลือว่า หากไม่พอใจใครจะมีการนำอาวุธปืนไปขู่ด้วยหรือไม่ ลิลลี่ ตอบว่า เนื่องจากลูกชายของตนเองมีปืนหลายกระบอก เคลียร์เลยว่าตนไม่เคยแสดงพฤติกรรมเสียมารยาทแบบนั้น พร้อมกับกล่าวประชดว่า จะกล่าวหาว่าร้ายถึงตนอย่างไรก็ได้ เพราะมันเป็นนิสัยของนาย (เอิร์ก เลเดอร์เรอร์) อยู่แล้ว
“ตนก็พูดตรงนี้ด้วยความภาคภูมิใจว่า พวกเขาคือผู้มีพระคุณ และทำให้ตนเติบโตมาได้อย่างสวยงาม และการที่ตนคบกับอดีตประธานรัฐสภา เราคบกันด้วยใจที่บริสุทธิ์ และเหตุผลที่ตนเลิกกับป๊า เพราะตนทำตามกฎของป๊าไม่ได้ เลิกกันเพราะเงิน เพราะตนใช้จ่ายเงินเยอะ เพราะก่อนมาคบกับป๊า
ตนก็มีอดีตสามีที่เลี้ยงดูเราด้วยเงิน พอมามีป๊า เป็นผู้ชายคนเดียวที่อุปถัมภ์ และให้เงินน้อยที่สุด เพราะพยายามสอนให้เราทำงาน ให้เราเรียนรู้ชีวิตของโลก แต่ตนก็ไม่สามารถทำตามข้อตกลงของป๊าได้เราก็เลยเลิกกันไป”
ส่วนเรื่องที่จะดำเนินคดีกับ เอิร์ก ลิลลี่ เหงียน กล่าวว่า หลักฐานที่เขาโชว์เงินในคอนโดตอนนั้น นั่นคือเงินที่เขามาเอาเงินจากตน ตนยังไม่ได้เงินจากนาย เอิร์ก เลเดอเรอร์ สักบาทเดียว มีแค่ช่วงที่เขายืมเงิน และเขาเอาเงินมาคืนแล้วก็ยืมอีก เพื่อให้ตนตายใจ
สำหรับประเด็นเรื่องคดีหมิ่นประมาทของ เอิร์ก เลเดอเลอร์ ตนยืนยันของฟ้อง เอิร์ก อีกหนึ่งข้อหา เนื่องจากการกล่าวหาว่าตนเป็นเมียน้อย อาจกระทบต่อจิตใจของลูก ซึ่งอาจโดนพูดถึงเรื่องนี้ที่โรงเรียนหรือสถานที่อื่น ๆ อาจสร้างผลกระทบทางจิตใจของลูกเธอในอนาคต
นอกจากนี้ ในการแถลงข่าววันนี้ (25 ก.ค. 67) แทนคุณ จิตต์อิสระ หรือ อี้ แทนคุณ ก็ได้ออกมาให้สัมภาษณ์พร้อมกับ ลิลลี่ เหงียน ชี้แจงข่าวมั่วที่ว่า ‘อดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร’ เคยเป็นสามี
“ขอโทษที่ทำให้เข้าใจผิด อดีตแฟนของคนที่ 3 เป็นนักการเมืองจริง ท่านเป็นอดีตประธานสภาฯ ตอนที่คบกัน ท่านไม่เคยมีภรรยา ตนจึงไม่ใช่เมียน้อย”
จากนั้น แทนคุณ ก็เสริมไปอีกว่า หากเป็นไปได้ ขอร้องสักครั้ง วอนอย่าฟ้องร้องสาวลิลลี่ รวมถึงทั้ง ‘อาจารย์ประมาณ’ และทนายความคนอื่น ๆ ขอร้องให้พูดคุยกันหลังบ้าน โดยเฉพาะประเด็นเกี่ยวกับการชำระหนี้สิน หากติดปัญหาอะไรก็อยากให้พูดคุยกัน สำหรับสิ่งที่สาวลิลลี่เคยพูดพลาดพลั้งไป เจ้าตัวขอเป็นตัวแทนในการขอโทษ และขอโอกาสไกล่เกลี่ยกันหลังบ้าน วอนอย่าฟ้องร้องคดีหมิ่นประมาท
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง