บันเทิง

“ปู มัณฑนา” ยันหนี้จริง 1.4 ล้าน จ่ายแน่ ถามกลับเสียชื่อเสียง เยียวยายังไง

วันนี้ 10 กรกฎาคม 2567 ถูกพาดพิงจากคู่กรณีในหลายประเด็น จน ปู มัณฑนา พร้อมสามี หาญส์ ภักดีหาญส์ และ ทนายประมาณ เลืองวัฒนะวณิช ได้ออกมาตั้งโต๊ะชี้แจงข้อเท็จจริงในฟากฝั่งของตัวเอง สรุปดังนี้

ทนายประมาณ กล่วว่า วิธีการเจ้าหนี้ทวงถามลูกหนี้ด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ทางกฎหมาย ถ้าตนเป็นทนายความโจทก์ มีคนมาปรึกษา ก็ต้องมีหนังสือบอกกล่าวไปยังลูกหนี้ว่าจะชำระหนี้ไหม ให้เวลา 7 วัน 15 วัน ถ้าไม่ชำระหนี้ก็จะไปตรวจสอบว่ามูลคดีเรื่องที่รับมาเป็นคดีอะไร คดีผิดสัญญาซื้อขาย ผิดสัญญากู้ยืมเงิน คดีตั๋วเงิน และฟ้องไปตามรูปคดีและพยานหลักฐานที่มีอยู่

ปรากฏว่าในเรื่องนี้มันมีความผิดปกติตรงที่ ปูส่งดอกเบี้ยมาตลอดเวลา วันสุดท้ายก่อนที่จะเกิดเรื่องคือวันที่ 3 นัดจะจ่ายดอกเบี้ยกันแล้วผิดนัด คู่กรณีก็แจ้งความวันที่ 4 เลย พอคดีมันเกิดขึ้น จึงไม่สามารถที่จะทำเหมือนเดิมได้ ก่อนหน้าที่จะแจ้งความ เขาทยอยจ่ายกันทีละแสน ทีละห้าหมื่น พอมีการแจ้งความ มันต้องคุยกันว่าจะเอายังไง จะตกลงกันยังไงให้คดีเสร็จไป เลยไม่สามารถที่จะทยอยจ่ายได้

อีกทั้ง คุณปูมาเจอปัญหาเกี่ยวกับเรื่องถูกโกงที่ดิน เงินที่นำไปลงทุนต่าง ๆ มันขาดมือ แล้วที่ดินที่จะไปขอกู้ยืมเงินประมาณร้อยล้านก็ถูกโกงไป เรื่องนี้เดี๋ยวว่ากันอีกทีเพราะคนละเรื่องกัน การถูกโกงที่ดินก็ดี การที่ลูกหนี้ไม่นำเงินมาชำระก็ดี ไม่ได้เป็นเหตุที่จะปฏิเสธไม่ชำระหนี้

ต้องเรียนให้ทราบว่า หนี้รายนี้ชำระครับ คิดมูลค่า 2 ล้านบาท แต่ตนตรวจสอบจากบัญชีเงินฝากของคุณปูที่มีการโอนเข้าออกระหว่างคุณปูกับคุณลูกหมี ปรากฏว่าคุณลูกหมีโอนให้ตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนจนถึงธันวาคม (2566) และมี มกราคม (2567) อีกครั้งเดียว รวมเบ็ดเสร็จแล้ว 4 ล้าน

คุณปูโอนไปให้คุณลูกหมี ตั้งแต่เดือนตุลาคม (2566) เรื่อยมาจนถึงมีนาคม (2567) คือเดือนที่เช็คถึงกำหนด ทั้งหมด 2 ล้าน 6 แสน ฉะนั้นถ้ามีเงินของคุณลูกหมีอยู่ที่คุณปูก็คือ 1 ล้าน 4 แสน ไม่ใช่ 2 ล้าน ดังนั้นตัวเลขที่จะไกล่เกลี่ยตกลงกันได้จึงอยู่ที่ 1 ล้าน 4 แสน

ในทางกฎหมายเวลาจะบอกว่า ลูกหนี้ต้องชำระหนี้กับเจ้าหนี้เท่าไหร่ คือต้องชำระตามมูลหนี้จริง ไม่ใช่มูลหนี้ตามสัญญาที่เขียนหรือมูลหนี้ตามเช็คที่เขียน เรื่องนี้หลักยุติธรรมก็คือ 1 ล้าน 4 แสนบาทที่พึงชำระหนี้ต่อกัน

ทนายประมาณ
ภาพจาก YouTube : AMARINTV : อมรินทร์ทีวี

ทนายประมาณ แจงชัด มูลหนี้ 1 ล้าน 4 แสน กับคดีหมิ่นประมาทไม่เกี่ยวกัน

มาถึงวันนี้สังคมถามว่า ทำไมเป็นหนี้ไม่จ่าย ต้องเรียนให้ทราบว่า 1 ล้าน 4 แสนบาทจ่ายให้คุณลูกหมี มันไม่จบ เพราะมีคดีหมิ่นประมาท ใส่ความ ทวงถามผิดกฎหมาย ดอกเบี้ยผิดกฎหมาย วันนั้นที่ไกล่เกลี่ยก็บอกว่า ฝ่ายตนจ่ายล้านสี่ แล้วคดีความที่เกิดขึ้น ใครทำอะไรผิดก็ไปว่ากันตามคดีต่าง ๆ แปลว่ามันไม่จบใช่ไหม พอไม่จบก็ไม่ใช่การไกล่เกลี่ย สมานฉันท์ ปรองดองที่ดี เพราะการปรองดองหรือสมานฉันท์ที่ดีคือ มันต้องจบ และพวกคุณเลิกไปศาล จับมือกัน ต่างคนต่างไปทำมาหากิน

ต้องเรียนให้ทราบว่า 1 ล้าน 4 แสนบาทกับคดีหมิ่นประมาทไม่เกี่ยวกัน แยกออกจากกัน ล้านสี่ฝั่งนี้ชำระแน่นอน ส่วนคดีหมิ่นประมาท คดีที่ทำลายชื่อเสียง จะมีมาตรการแก้ไขปัญหานี้อย่างไร รอดูผลการไกล่เกลี่ยอีกครั้งในวันที่ 16 กรกฎาคม ตามที่นัดหมายกันไว้ และจะแยกกับคดีหมิ่นประมาท ว่าคุณจะเยียวยากันยังไง

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า สรุปแล้ววันที่ 16 กรกฎาคม จะจ่ายล้านสี่ล้านใช่หรือไม่ ทนายประมาณระบุว่า ไม่ใช่ ล้านสี่จ่ายแน่ แต่วิธีการจ่ายจะจ่ายยังไง วันไหน แบบไหน เป็นรายละเอียดที่จะคุยกัน ไม่ใช่จ่ายวันที่ 16 ตนคิดว่าเรื่องล้านสี่ลงเอย แต่เรื่องหมิ่นประมาท วิธีการทวงถาม ประจารลูกหนี้มันไม่จบ ยังหาทางออกไม่ได้

ถ้ากลับไป 2 ล้าน ล้านสี่ที่เคยพูดกันก็เลิกพูดซะ มาว่ากัน 2 ล้านแล้วไปพิสูจน์ในศาลว่าร้อง 2 ล้านหรือล้านสี่ วันนั้นตนนำเสนอให้กับผู้ไกล่เกลี่ยว่าทั้งหมดมันเขย่งกันอยู่ล้านสี่ ฉะนั้นตัวเลขที่จะไกล่เกลี่ยกันต่อไปได้ก็คือล้านสี่ไม่ใช่ 2 ล้าน ตัวเลขนี้มันไปไม่ได้ เพราะว่าไม่ใช่ของจริง

ปู มัณฑนา
ภาพจาก YouTube : AMARINTV : อมรินทร์ทีวี

ปู มัณฑนา ระบุ มูลหนี้จริงคือ 1.4 ล้าน ไม่ใช่คู่กรณีลดให้ เป็นหนี้ต้องจ่าย ถามกลับปมเยียวยา

จากนั้น ปู มัณฑนา ได้กล่าวต่อว่า วันนั้นในห้องไกล่เกลี่ย มีเจ้าหน้าที่ไกล่เกลี่ย 4 ท่าน มีท่านรองผู้กำกับ ร้อยเวร พี่ปู พี่หาญส์ ทนายกิ่ง พี่ลูกหมี และทนายฝั่งเขา พี่ลูกหมีโอเคอยู่ที่ยอดหนี้ตามจริงล้านสี่ จึงถามต่อว่าแล้วจะเยียวยาชดเชยให้ตนยังไง ไม่ใช่เรื่องเงิน หมายถึงเรื่องที่ทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียง

เขาบอกว่าจะเดินสายออกขอโทษทุกรายการที่ด่าตน พอขอโทษจบก็ให้จ่ายเงินเขาล้านสี่ วันนั้นเขาก็ได้ขอโทษพี่ปูพี่หาญส์ บอกว่าเดี๋ยวออกไปขอโทษต่อหน้าสื่อ เพราะสื่อก็เยอะอยู่วันนั้น จู่ ๆ ก็มีคนเดินเข้ามาบอกว่า ผมไม่จบ ผมไม่เอาล้านสี่ ใครบอกให้ลูกความผมเอา ผมจะเอา 2 ล้าน จริง ๆ มันจะจบด้วยดีแล้ว พี่ลูกหมีเขาก็ยอมรับ ต่อหน้าเจ้าหน้าที่ไกล่เกลี่ยด้วย

ผู้สื่อข่าวถามต่อถึงเหตุผลที่อีกฝ่ายยอมรับล้านสี่ จะได้จบปัญหาใช่หรือไม่ ปูระบุว่า ไม่ใช่เขาลดให้เรา เขาไปออกสัมภาษณ์ว่ายอมลดให้ล้านสี่ แต่มันไม่ใช่ เพราะมูลหนี้จริงคือล้านสี่ พี่ลูกหมีโอเคตั้งแต่วันนั้นแล้วว่ายอดล้านสี่ตามจริง ไม่ใช่เขาลดให้เรา แต่ตนก็ไม่รู้ว่าใครยุยงให้เขาพูดหรือเปล่าว่าไปเริ่มต้นที่ 2 ล้าน

วันนั้นตนกับอีกฝ่ายคุยกันด้วยดีในห้องไกล่เกลี่ย แต่พอมีคนมายุ พี่ลูกหมีก็เปลี่ยนไปพูดอีกเรื่องหนึ่งเลย ส่วนเรื่องการจ่ายเงิน วันนั้นตนถามว่าจะชดเชยยังไงที่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง เขาพูดต่อหน้าเจ้าหน้าที่ไกล่เกลี่ยและตำรวจว่า จะเดินสายออกรายการขอโทษพี่ปูพี่หาญส์ จบแล้วก็จ่ายล้านสี่

ตนจบตรงนั้นเรื่องล้านสี่กับเรื่องที่ขอโทษออกรายการ แต่ส่วนคดีก็เป็นเรื่องของคดีไป ตนเป็นหนี้ก็ต้องจ่าย เมื่อถามต่อว่า จะเป็นการจ่ายแบบก้อนเดียวหรือทยอยจ่าย ปูกล่าวว่า ก้อนเดียว และตนไม่เคยบอกอีกฝ่ายว่าไม่จ่าย มีแชตไลน์ติดต่อกันตลอด ไม่เคยห่างหายไปไหนเลย

ปู หาญส์ ทนาย แถลงข่าว
ภาพจาก YouTube : AMARINTV : อมรินทร์ทีวี

ทนายประมาณ ชี้แจง คดีหมิ่นประมาท ไม่ใช่ฟ้องเพื่อต่อรองการจ่ายล้านสี่

นักข่าวถามต่อถึงประเด็นหมิ่นประมาท ทนายประมาณระบุ คุณหาญส์มีความรู้สึกว่า ถ้าจะให้ยุติคดีหมิ่นประมาททำลายชื่อเสียง ทำมาซะขนาดนี้ แค่คำขอโทษเพียงพอหรือไม่ มีวิธีการที่จะดีกว่านี้หรือเปล่า ถ้าจะให้เหมือนเลิกคดีไปเลย ไม่ต้องมาว่าความขึ้นศาลกันแล้ว ทำกันถึงขนาดนี้ แค่คำขอโทษแล้วจบเลยมันใช่เหรอ

จะคำนวณออกมาเป็นเงินมันไม่ใช่ไง มันไม่ใช่เรื่องของเงิน และที่บอกว่าจะดำเนินคดีหมิ่นประมาทเอาไว้ต่อรองเกี่ยวกับการจ่ายเงินล้านสี่ ไม่ใช่นะครับ เงินล้านสี่กับคดีหมิ่นประมาทคนละงานกัน เทียบอะไรกันไม่ได้เลย คือเงินล้านสี่มันเยียวยาด้วยการชำระหนี้ แต่การทำลายชื่อเสียงมันไม่รู้จะเยียวยายังไง ตนก็ยังหาทางออกที่จะเยียวยาไม่ได้ แล้วของปูกับหาญส์กระทบไปถึงลูก มันยิ่งลึกขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง

ขอบคุณไลฟ์สดจาก YouTube : AMARINTV : อมรินทร์ทีวี

อ่านข่าวอื่น ๆ เพิ่มเติม

Thaiger

If you have story ideas, a restaurant to review, an event to cover or an issue to discuss, contact The Thaiger editorial staff.

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button