ผกก.พลับพลาไชย โต้ กระแสข่าว เผาไล่ที่เยาวราช ชี้เป็นข่าวลือมากกว่า
ผกก.พลับพลาไชย 2 โต้ กระแสข่าว เผาไล่ที่เยาวราช หลังมีเพจดังบอกว่าเป็นการบีบเอาที่ไปสร้างโรงแรม เชื่อเป็นข่าวลือมากกว่า ขอให้รอผลสอบตำรวจ
จากกรณีที่มีเพจเฟซบุ๊กได้โพสต์ข้อความถึงเหตุไฟไหม้เยาวราช บริเวณชุมชนตรอกโพธิ์ ว่าไม่ใช่อุบัติเหตุ และเป็นการเผาไล่ที่ โดยระบุว่า “คนในพื้นที่บอกว่า #ไฟไหม้เยาวราช คือความตั้งใจที่ไม่ใช่อุบัติเหตุ กำลังโดนบีบเอาที่ไปสร้างโรงแรมและห้าง (ถ้าจริง นี่เศร้ามาก)
ส่วนตัวคิดว่ามีความเป็นไปได้สูง เพราะขนาบข้างกับความเจริญรายล้อม เหมือนเป็นพื้นที่ไข่แดง Hot Zone ที่ใครๆก็อยากได้ จ้องเขมือบอยู่ เป็นโอกาสการค้า และการทำธุรกิจของนายทุน” โดยโพสต์ดังกล่าวได้มีประชาชนเข้ามาแสดงความคิดกันเป็นจำนวนมากนั้น
ล่าสุด พ.ต.อ.วิทวัส เข่งคุ้ม ผกก.สน.พลับพลาไชย 2 กล่าวภายหลังได้เข้าไปร่วมสำรวจพื้นที่จุดเกิดเหตุภายในชุมชนตรอกโพธิ์ ร่วมกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ว่า สาเหตุการเกิดเพลิงไหม้ในครั้งนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปที่แน่ชัด ต้องรอผลการตรวจสอบอย่างละเอียดจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานอีกครั้ง โดยเฉพาะผลตรวจทางนิติวิทยาศาสตร์ ตอนนี้ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัด
จากแนวทางการสอบสวน ยังไม่ตัดประเด็นอะไรใดๆ ทิ้ง โดยเฉพาะประเด็นที่ประชาชนตั้งข้อสันนิษฐานว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจะเป็นการลอบวางเพลิงเพื่อนำที่ดินไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์หรือเผาไล่ที่หรือไม่ แต่คาดว่าประเด็นดังกล่าวคงเป็นเพียงแค่ข่าวลือมากกว่า ขอให้รอผลการสอบอย่างละเอียดจากเจ้าหน้าที่ตำรวจจะดีที่สุด
นอกจากนี้ ยังได้ดำเนินการสอบปากคำประชาชนที่เห็นเหตุการณ์และพักอาศัยในชุมชนไปแล้วร้อยกว่าปาก ส่วนใหญ่ให้การบอกว่า ได้ยินเสียงตะโกนว่าไฟไหม้ จึงรีบวิ่งออกมากัน พนักงานสอบสวนจะนำผลการสอบปากคำไปประกอบสำนวนควบคู่กับผลการตรวจพิสูจน์จากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานและผลนิติทางวิทยาศาสตร์ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของเหตุการณ์ครั้งนี้ต่อไป ทั้งนี้ยังไม่มีชาวบ้านคนใดให้ข้อมูลเกี่ยวกับประเด็นว่า พบบุคคลต้องสงสัยเข้าออกในชุมชน ซึ่งหากประชาชนพบเบาะแสหรือคาดว่าน่าจะมีบุคคลต้องสงสัย สามารถมาแจ้งเบาะแสได้ที่ สน.พลับพลาไชย 2
“ขณะนี้ได้เร่งประสานงานกับเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานโดยเฉพาะพิสูจน์หลักฐานในการตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียดและรวดเร็วที่สุด เพื่อที่จะได้ดำเนินการส่งมอบคืนพื้นที่ให้แก่พี่น้องประชาชนในการเข้ามาตรวจสอบทรัพย์สินของตนเองต่อไป โดยจะยังคงมีเจ้าหน้าที่ในการเฝ้าตรวจตราบริเวณทางเข้าออกชุมชน เพื่อป้องกันไม่ให้มีบุคคลไม่หวังดีเข้ามาลักขโมยทรัพย์สินในพื้นที่” พ.ต.อ.วิทวัส กล่าว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง