นุส นุสบา นักแสดงสาวสุดแกร่ง เผยชีวิตหลังต้องเสียพ่อไปอย่างกะทันหันในอ้อมแขน เมื่อ 3 ปีก่อน ครอบครัวและลูกชายเป็นแรงผลักดันให้สู้ต่อ จนกลับมารับงานในวงการได้
เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2567 “นุสบา ปุณณกันต์” นักแสดงตัวแม่ เปิดใจถึงเหตุการณ์สุดช็อเมื่อคุณพ่อจากไปอย่างกะทันหันในอ้อมกอดของเธอ เมื่อวันที่ 30 กันยายน 2564 หลังจากล้มในบ้านและถูกนำส่งโรงพยาบาลเพียง 3 ชั่วโมง
นุสบา เล่าว่า คุณพ่อป่วยหลายโรค ทั้งโรคเบาหวาน โรคปอด และโรคหัวใจ ทำให้ต้องเข้าออกโรงพยาบาลเป็นประจำ ซึ่งการดูแลพ่อขณะที่ป่วยทำให้เธอเหนื่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคที่พ่อเป็นอยู่ต้องรักษาโดยการทำบอลลูน และต้องดูแลอย่างใกล้ชิด ทำให้ช่วงนั้นเธอน้ำหนักลดลง 5 – 6 กิโลกรัม จนกระทั่งวันหนึ่งได้รับโทรศัพท์แจ้งว่าคุณพ่อล้ม และพูดไม่ได้ เมื่อไปถึงก็พบว่าคุณพ่อหมดสติไปแล้ว และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
“เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องผ่านช่วงนั้นไป คนที่เรารัก โดยเฉพาะคุณพ่อ คุณแม่ แต่ของนุสนี่กระทันหันแล้วก็ไม่ได้คิดว่าจะเกิดขึ้น ในช่วง 2 ปีที่แล้วคุณพ่อเป็นหลายโรคมาก เบาหวาน ล้มแล้วมีเลือดคั่งในสมองนิด ๆ เรื่องปอด หัวใจต้องทําบอลลูน พร้อมกันไปหมดเลยช่วงปีนั้น ซึ่งก็เข้าออกโรงพยาบาลอยู่เป็นปีค่อนข้างเหนื่อยตอนนั้นน้ำหนักลดลงไป 5-6 โลเลย
นุสบาเล่าว่า ช่วง 11.00 น.ของวันนั้น ได้รับข่าวร้ายว่าคุณพ่อพูดไม่ได้รู้สึกร้อนใจและเป็นห่วงมาก จึงรีบขับรถกลับไปที่บ้าน แต่เมื่อไปถึงเกือบ 17.00 น. เธอเห็นพ่อนอนนิ่งไม่รู้สึกตัวและน้ำตาไหลอยู่บนเตียง ทำให้รู้สึกช็อกกับเหตุการณ์ตรงหน้า และไม่คาดคิดว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้เจอหน้าพ่อ เมื่อส่งตัวคุณพ่อถึงโรงพยาบาลแพทย์ก็แจ้งให้เธอทำใจรอไว้
“ตอนนั้นเกิดประมาณ 11 โมง โทรมาบอกว่าพ่อพูดไม่ได้ เราก็รีบขับรถไป เราก็ไม่คิดว่าจะกระทันหัน ฉับพลันขนาดนั้น พอไป 5 โมง เขาก็นอนนิ่งไม่รู้สึกตัวอะไรเลย เราก็ช็อกมาก ตรงนั้นเป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่ได้เจอหน้าเขา แล้วคุยกับเขา เห็นเขาหลับตาแล้วน้ําตาไหลมาข้าง ๆ เราก็นึกว่าเขาหลับไป พอรถพยาบาลมาก็พาเขาเข้าโรงพยาบาล หมอก็บอกว่าเขาคงไม่ได้กลับมาอีกแล้วให้ทําใจ”
นอกจากนี้นุสบายังอธิบายเพิ่มว่า เธอพยายามประคองคุณพ่อที่หลับไปแล้วไม่รู้สึกตัว ซึ่งพ่อนอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขน ไม่ว่าจะเขย่าหรือเรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง จนกลายเป็นภาพติดตามาจนถึงทุกวันนี้ ทำให้ทุก ๆ ตี 4 เธอจะสะดุ้งตื่นขึ้นมา เพราะเป็นเวลาที่คุณพ่อจากไป หลังจากที่เธอสูญเสียคุณพ่อ กลับฉุกคิดได้ว่าการสูญเสียและการจากลาเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเผชิญ ต้องเตรียมใจและทำความเข้าใจกับความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ
“ตอนที่เขาหลับไปก็คือในแขนของเราที่เราพยายามยกเขาขึ้นมาจากที่เขาลุกไม่ได้ไม่ทําอะไรแล้วนอนอยู่เฉย ๆ เขย่าก็ไม่รู้สึก แล้ว มันเป็นภาพที่ติดตามากจนถึงทุกวันนี้ ทุก ๆ ตี 4 เราจะสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะมันเป็นเวลาที่เขาจากไป ก็แปลกเหมือนกัน เป็นปี ๆ เลย ก็เป็นเรื่องที่มันอาจจะเกิดขึ้นกับทุกคนต้องเตรียมใจแล้วก็ต้องซ้อมความสูญเสียไว้บ้าง”
หลังจากที่คุณพ่อจากไป เธอยอมรับว่าทำใจลำบากมาก ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงที่จะกลับมาทำงานในวงการบันเทิงหรือรับงานแสดงเหมือนเดิม แม้จะมีเพื่อนร่วมวงการมาชักชวนให้กลับไปเล่นละคร แต่เธอตอบปฏิเสธกลับไป เพราะไม่สามารถทำได้จริง ๆ
เมื่อไม่ได้รับงานแสดงแล้ว เธอได้ใช้เวลากับลูกและครอบครัวมากยิ่งขึ้น ได้คิดทบทวนอะไรหลาย ๆ อย่าง แต่ลูกชายเห็นว่าแม่ยังรักงานแสดงอยู่จึงอยากให้กลับคืนสู่จอแก้ว ประจวบเหมาะกับมีโอกาสดีเข้า มีผู้กำกับติดต่อให้กลับไปเล่นซีรีส์ เธอจึงตัดสินใจรับงาน ซึ่งสาเหตุที่ทำให้เธอตอบตกลงเพราะครอบครัวให้กำลังใจเสมอมา ทำให้ผ่านความโศกเศร้าที่ต้องสูญเสียคุณพ่อมาได้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง