ประวัติ เฉลิม อยู่วิทยา เศรษฐีรวยสุดในไทย แซงเจ้าสัวซีพี
เฉลิม อยู่วิทยา ทายาทรุ่นที่สอง จักรพรรดิแห่งอาณาจักรกระทิงแดง ผู้ผงาดขึ้นสู่จุดสูงสุดของมหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2024 โค้นพี่น้อง ธนินท์ เจียรวนนท์ ถอยมาอยู่อันดับ 2
จากเด็กชายผู้เติบโตในครอบครัวคนขายยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สู่การก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีไทยผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก นี่คือเรื่องราวของ เฉลิม อยู่วิทยา ทายาทรุ่นที่สองแห่งอาณาจักรกระทิงแดง ผู้สืบทอดมรดกธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังระดับโลกที่บิดาของเขา เฉลียว อยู่วิทยา ริเริ่มไว้
สานต่อธุรกิจ “สู่มหาเศรษฐี” อันดับหนี่งในไทย
เฉลิม อยู่วิทยา เกิดเมื่อวันที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2493 เป็นบุตรคนที่สองของเฉลียว อยู่วิทยา ผู้ก่อตั้งบริษัท TCP Group และผู้คิดค้นสูตรเครื่องดื่มกระทิงแดง เฉลิมเติบโตขึ้นมาพร้อมกับพี่น้องอีก 4 คน ในครอบครัวที่อบอุ่นและมีฐานะ ความมุมานะบากบั่นของบิดาในการสร้างเนื้อสร้างตัวจากธุรกิจเล็กๆ สู่ธุรกิจระดับโลก ได้หล่อหลอมให้เฉลิมซึมซับความขยันหมั่นเพียรและความมุ่งมั่นตั้งแต่ยังเยาว์วัย
หลังจากสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี เฉลิมได้เข้าร่วมงานกับบริษัทของครอบครัว และเริ่มเรียนรู้การบริหารธุรกิจจากบิดา ด้วยความสามารถและวิสัยทัศน์อันกว้างไกล เฉลิมได้พิสูจน์ตัวเองอย่างรวดเร็ว และได้รับความไว้วางใจให้รับผิดชอบงานสำคัญหลายอย่าง
เฉลิมเริ่มต้นเส้นทางธุรกิจด้วยการสานต่อกิจการของครอบครัว เขาเข้ามาบริหารบริษัท สยาม ไวเนอรี่ เทรดดิ้งพลัส จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มกระทิงแดงในประเทศไทย และยังเป็นผู้ผลิตไวน์เพื่อสุขภาพ “มอนซูน แวลลีย์” และเครื่องดื่มอื่น ๆ อีกด้วย
ด้วยวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและความมุ่งมั่นที่จะนำพาธุรกิจของครอบครัวไปสู่ระดับโลก เฉลิมได้ขยายอาณาจักรกระทิงแดงไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะในยุโรปและอเมริกา เขาได้ร่วมมือกับ ดีทริช เมเทสซิทซ์ (Dietrich Mateschitz) นักธุรกิจชาวออสเตรีย เพื่อก่อตั้ง Red Bull GmbH บริษัทเครื่องดื่มชูกำลังระดับโลกที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศออสเตรีย
ภายใต้การนำของเฉลิม ทำให้ Red Bull ประสบความสำเร็จอย่างล้นหลาม กลายเป็นเครื่องดื่มชูกำลังที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก และเป็นสปอนเซอร์หลักของกิจกรรมกีฬาและบันเทิงมากมาย เช่น ฟุตบอล ฟอร์มูลาวัน และการแข่งขันกีฬาเอ็กซ์ตรีมต่าง ๆ
ความสำเร็จของ Red Bull ทำให้เฉลิมและครอบครัวกลายเป็นมหาเศรษฐีระดับโลก เขาได้รับการจัดอันดับจากนิตยสาร Forbes ให้เป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศไทยหลายปีซ้อน
นิตยสาร Forbes ได้เปิดเผยรายชื่อมหาเศรษฐีไทย ประจำปี 2567
อย่างไรก็ตาม เส้นทางชีวิตของเฉลิมไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เขาต้องเผชิญกับความท้าทายและอุปสรรคมากมาย ทั้งเรื่องการแข่งขันทางธุรกิจ การดำเนินคดี และเหตุการณ์ไม่คาดฝันต่าง ๆ แต่ด้วยความเข้มแข็งและความมุ่งมั่น เฉลิมสามารถฝ่าฟันอุปสรรคเหล่านั้นมาได้ และยังคงนำพาอาณาจักรกระทิงแดงให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน เฉลิม อยู่วิทยา ยังคงเป็นบุคคลสำคัญในวงการธุรกิจของไทยและของโลก เขาเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ และเป็นที่ยอมรับในฐานะนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จและมีวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล
ส่งผลให้นิตยสาร Forbes Thailand ซึ่งเป็นแหล่งรวบรวมข่าวสารแวดวงธุรกิจชั้นนำ ได้จัดอันดับให้ เฉลิม อยู่วิทยา และครอบครัว เป็นมหาเศรษฐีอันดับ 1 ในประเทศไทย ประจำปี 2567 โดยมีมูลค่าทรัพย์สินมากถึง 1,325,664 ล้านบาท
ตำแหน่งอันดับหนึ่งในปีนี้ตกเป็นของนายเฉลิม อยู่วิทยา และครอบครัว เจ้าของธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลัง Red Bull ซึ่งมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นถึง 2.6 พันล้านเหรียญ ส่งผลให้มูลค่าความมั่งคั่งรวมอยู่ที่ 3.6 หมื่นล้านเหรียญ (1.32 ล้านล้านบาท) โดย Red Bull สามารถสร้างรายได้เพิ่มขึ้นถึง 1.1 หมื่นล้านเหรียญในปีที่ผ่านมา จากยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังกว่า 1.2 หมื่นล้านกระป๋องทั่วโลก
- สินทรัพย์ปี 2567 : 36.0 พันล้านเหรียญ
- สินทรัพย์ปี 2566 : 33.4 พันล้านเหรียญ
- สินทรัพย์ปี 2565 : 26.4 พันล้านเหรียญ
- สินทรัพย์ปี 2564 : 24.5 พันล้านเหรียญ
- สินทรัพย์ปี 2563 : 20.2 พันล้านเหรียญ
การขึ้นสู่อันดับ 1 ของนายเฉลิม ส่งผลให้พี่น้องตระกูลเจียรวนนท์แห่งกลุ่มเจริญโภคภัณฑ์ ต้องหล่นลงมาอยู่อันดับ 2 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 1.06 ล้านล้านบาท หลังจากครองตำแหน่งยาวนานเกือบทศวรรษ โดยได้รับผลกระทบจากการตกต่ำของหุ้น Ping An Insurance ของจีน
อันดับที่สามยังคงเป็นของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี มหาเศรษฐีธุรกิจเครื่องดื่ม แม้ว่าความมั่งคั่งจะลดลงไปราว 1 ใน 4 ของมูลค่าในปีก่อน เหลือเพียง 1 หมื่นล้านเหรียญ (3.68 แสนล้านบาท)
ส่วนตระกูลจิราธิวัฒน์ เจ้าของกลุ่มเซ็นทรัล ร่วงลงมาอยู่อันดับ 4 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 3.64 แสนล้านบาท หลังจากสูญเสียมูลค่าไปราว 20%
อันดับ 5 เป็นของนายสารัชถ์ รัตนาวะดี มหาเศรษฐีด้านพลังงานและโทรคมนาคม ซึ่งมูลค่าทรัพย์สินลดลงเป็นครั้งแรกเหลือ 3.38 แสนล้านบาท
อันดับ 6 นายปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ ธุรกิจแพทย์ มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 3.8 พันล้านเหรียญ/1.39 แสนล้านบาท (ขึ้นจากอันดับ 7)
อันดับ 7 นายอัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา และครอบครัว ธุรกิจแฟชั่นและค้าปลีก มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 3.6 พันล้านเหรียญ/1.32 แสนล้านบาท (ขึ้นจากอันดับ 8)
อันดับ 8 นายวานิช ไชยวรรณ ธุรกิจการเงินและการลงทุน มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 3.3 พันล้านเหรียญ/1.21 แสนล้านบาท (ร่วงจากอันดับ 6)
อันดับ 9 ครอบครัวโอสถานุเคราะห์ ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 2.2 พันล้านเหรียญ/8.10 หมื่นล้านบาท (ขึ้นจากอันดับ 10) ส่วนอันดับ 10 ตกเป็นของ นายประยุทธ มหากิจศิริ ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 2.15 พันล้านเหรียญ (7.91 หมื่นล้านบาท)
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
อ้างอิง: Forbes Thailand