รวบพ่อค้าทาสยา จับลูกโยนเข้ากองไฟเพื่อบูชายัญ โชคดีช่วยได้ทัน
รวบพ่อค้าทาสยา หลังบุกบ้านอดีตสะใภ้เพื่อขโมยกล้องวงจรปิด ผู้เสียหายเล่าเคยจับลูกโยนเข้ากองไฟเพื่อบูชายัญ โชคดีช่วยได้ทัน
เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 67 น.ส.อังษา อายุ 49 ปี เดินทางไปแจ้งความที่ สภ.เมืองอุดรธานี เพื่อเอาผิดนายประจักษ์ อดีตน้องเขย ที่ก่อเหตุบุกมาใช้มีดดาบฟันกล้องวงจรปิด และเอากล้องวงจรปิดไปด้วย ส่วนสาเหตุเพราะเสพยาจนหลอน และโกรธที่ น.ส.จิตตรา อายุ 37 ซึ่งเป็นน้องสาวของตนและเป็นอดีตภรรยาของนายประจักษ์ และลูกสาววัย 12 ปี มาอาศัยอยู่บ้านพี่สาวหลังจากศาลสั่งให้หย่ากันเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา
ผู้เสียหายเล่าว่า พวกตนมีพี่น้องทั้งหมด 5 คน เป็นผู้หญิงทั้งหมด แต่งงานและสร้างบ้านอยู่ในบริเวณเดียวกัน พ่อ-แม่เสียชีวิตหมดแล้ว ตนเป็นพี่สาวคนโต ซึ่ง น.ส.จิตรา แต่งงานกับนายประจักษ์มา 13 ปี มีลูกสาวอายุ 12 ปี ระยะแรกนายประจักษ์ทำงานก่อสร้างและชอบดื่มเหล้า เมียจึงหอบลูกหนีไปอยู่กรุงเทพฯ ทางนายประจักษ์ไปตามกลับมาและสัญญาจะเลิกเหล้า แต่หลังจากมาอยู่ด้วยกันไม่นานก็เลิกเหล้าได้แต่กลับติดยาบ้าแทน ไม่ยอมทำงาน พอมีอาการหลอนก็จะทำร้ายเมีย ทางน้องสาวตนจึงฟ้องหย่า ศาลได้สั่งหย่าเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา แต่นายประจักษ์ก็ยังกลับมารังควาน เมียกับลูกเป็นประจำ จนอยู่บ้านไม่ได้
โดยนายประจักษ์เคยเข้ามางัดเหล็กดัดหน้าต่างห้องของน้องสาว และเคยใช้มีดตัดหลังคาโรยตัวลงมาห้องครัว เพื่อจะเข้ามาหาลูก-เมีย แถมยังทุบบ้านจนลูกเมียอยู่ไม่ได้ หนักสุดขณะลูกสาวนอนป่วยอยู่ในบ้าน นายประจักษ์ได้เข้ามาก่อไฟหน้าบ้าน แล้วอุ้มลูกออกมาจะโยนใส่กองไฟเพื่อบูชายัญ แต่น้องสาวมาช่วยลูกไว้ได้ทัน เคยแจ้งความมาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 ที่มาทำลายกล้องวงจรปิด
ขณะที่ น.ส.จิตตรา อายุ 37 ปี อดีตภรรยาของนายประจักษ์ เล่าวว่า วันที่อดีตสามีจะเอาลูกสาวไปเผา เขาเข้ามาที่บ้านลักษณะคล้ายเมายามาทวงเงิน 200,000 บาท เป็นค่าหย่าบอกว่าไม่มีเงิน จากนั้นก็ไปก่อกองไฟหน้าบ้าน ตนบอกลูกสาวให้เข้าไปหลบอยู่ในห้องนอน หากตนไม่ออกไปเขาก็จะพังบ้าน แต่พอตนออกไปนายประจักษ์ก็เดินเข้าไปอุ้มลูกบอกว่าจะเอาไปเผาบูชายัญ ตนก็รีบเข้าไปช่วยลูกสาวได้ทัน ส่วนเรื่องหย่า นายประจักษ์เรียกเงินค่าหย่า 200,000 บาท ให้เป็นการจ้างหย่า ตนต้องดำเนินการเป็นฟ้องหย่าเอา ศาลตัดสินให้ตนดูแลบุตรเป็นผู้เดียวไม่ให้เขาเข้ามายุ่งเกี่ยวกับตนและลูกสาวอีก
ต่อมา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เดินทางมาพบ น.ส.อังษา และ น.ส.จิตตรา เพื่อสอบถาม ก่อนเดินทางไปพบ นายประจักษ์ โดยนายประจักษ์เดินออกมาพบตำรวจแต่โดยดี ตำรวจได้ตรวจค้นร่างกายและแจ้งข้อหา “เสพยาเสพติดประเภท 1 (ยาบ้า ) โดยผิดกฎหมาย และเป็นภัยต่อสังคม” ก่อนควบคุมตัวไปสอบสวนที่โรงพัก
ด้าน นายประจักษ์ เล่าว่า ตนไม่ได้เอาลูกสาวไปเผา ตนอุ้มลูกออกมาเพราะเห็นว่าไม่ยอมออกมาหาพ่อ ส่วนที่ไปฟันกล้องนั้น มีคนบอกให้ตนเอากล้องออกเพราะมีตาอยู่ที่ตัวกล้อง ส่วนเงิน 200,000 บาท ก็ไม่ได้ไป ยอมรับว่าเมื่อวานตนเสพยาบ้า ไป1 เม็ด
ขณะที่ แม่ของนายประจักษ์ เล่าว่า ลูกชายจะเอาหลานสาวไปเผานั้นตนคิดว่าอาจจะโมโหเมีย ซึ่งอดีตลูกสะใภ้พูดเกินความจริง ส่วนเรื่องเงิน 200,000 บาท ที่ลูกชายเรียกร้องนั้นเพราะหมดเงินไปเยอะจากการสร้างบ้านอยู่ด้วยกันกับอดีตภรรยา โดยได้เอาที่นาไปขาย 7 ไร่ ที่ดินอีก 3 ไร่ และสวนอีก 3 ไร่ สุดท้ายเมียก็ฟ้องหย่าไล่หนี และยอมรับว่าลูกชายติดยาเพสติดมาได้ 2-3 ปี
ส่วน พ่อเลี้ยงของนายประจักษ์ เล่าว่า อดีตภรรยาของนายประจักษ์ทำไม่ถูกถึงขั้นฟ้องหย่ากัน เพราะนายประจักษ์ได้ขายที่นาไปหลายไร่ เพื่อนำเงินไปสร้างบ้านอยู่กับเมีย การที่นายประจักษ์ขอเงิน 200,000 บาท ในการหย่ากัน แต่อดีตภรรยาไม่ยอมจ่ายเงินให้สักบาท
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ตำรวจเร่งไขคดี ชายถูกตัดคอ ศีรษะหาย รวบผู้ต้องสงสัยแล้ว เชื่อปมบูชายัญ
- ‘วอชด็อก’ จับตา ‘ลัทธิครูกายแก้ว’ เตือนประชาชน ห้ามจับหมาแมวบูชายัญ
- รวบ ‘พระวี’ พระวัดดัง ค้ายาไอซ์ ตอนกลางคืนแปลงกายเป็นสาวเที่ยวสีลม