“ต้อม รชนีกร” ตั้งโต๊ะแถลงข่าวครั้งแรก ปมยื่นฟ้องคู่กรณี 50 ล้านบาท
วันนี้ 1 กรกฎาคม 2567 ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวเป็นครั้งแรก สำหรับนักแสดงชื่อดัง ต้อม รชนีกร ปมยื่นฟ้องสถาบันความงามแห่งหนึ่งเป็นจำนวนเงิน 50 ล้านบาท อ้างว่าไม่เป็นไปตามข้อตกลง
ผู้สื่อข่าวเริ่มต้นเปิดประเด็นด้วยเรื่องของข้อตกลง ซึ่ง ต้อม รชนีกร ชี้แจงดังนี้ “มันมีการตกลงค่ะ แต่ว่าการตกลงของเขาเนี่ย เขาไม่ได้ทำตามที่เขาตกลง และเขาก็ละเมิดจากเราตั้งแต่เริ่มแรกที่เขาเอาภาพไปลงแล้ว
จากเรื่องนิดเดียว แค่เรื่องสัญญา ตนเคยพูดไว้ว่า เราคุยกันไม่รู้เรื่องสักทีนึง หรือสัญญาคนละฉบับ แต่พอเวลาเอาไปพูด ไปพูดว่าสัญญาคนละฉบับ คำว่าหรือมันหายไป มันก็เลยเป็นการผิดเพี้ยน
ส่วนประเด็นที่มีการฟ้องร้องนั้น ต้อมชี้แจงว่า “ได้มีการคุยกับเราไว้ก่อนที่แม่ (เรียกแทนตัวว่าแม่) จะออกจากโรงพยาบาลเลยว่า เรื่องการส่งข่าวใด ๆ ขอเป็นว่า รอให้พี่ต้อมสวยซะก่อน แล้วเราถึงค่อยทำเรื่องทำกระแส ถูกมั้ยคะ หลังจากนั้นก็มีวันเกิดของแม่ที่ทุกคนอาจจะเห็นว่ามันเป็นคลิปที่จะต้องไปถอดแม็กซ์บนศีรษะ นั่นแหละค่ะ มันเป็นคือประเด็น
เป็นคลิปวันเกิด ไปหน้าเหมือนน้องคนหนึ่ง หลังจากนั้นมันก็เริ่มเป็นกระแสละ นู่นนี่นั่นหลายอย่าง ก่อนหน้านี้เขาก็เคยออกมาพูดเหมือนกันว่า ต้อมใช้ชีวิตลำบากมากเลย ถ้าหน้าเขาไม่มีปัญหาเนี่ย เขาจะเอาหน้าเขามาให้เราผ่า มาให้เรากรีดเหรอ เขาจะต้องใช้สติ๊กเกอร์ติดพยุงเอาไว้ ไม่งั้นเขาจะใช้ชีวิตลำบากมาก
เราก็เลยมีความรู้สึกว่า ถ้าปล่อยพูดไปเนี่ย จะพูดไปเยอะแยะมากมายก่ายกองและ นอกจากภาพที่คุณทำหลุดไปตั้งแต่เริ่มแรกที่เราคุยกันเอาไว้เรียบร้อยแล้วว่า หลังจากนี้ไปเราจะต้องตามสัญญานะ จะต้องคุยกันทั้ง 2 ฝ่ายก่อน แล้วถึงค่อยนำเสนอ แต่พอมันมีภาพที่เอาคลิปออก ซึ่งมันเป็นภาพเบิร์ธเดย์
อันนี้คือแม่จำได้ง่ายมาก เพราะมันเป็นวันเกิด เขาก็เอาเค้กมาฉลองวันเกิด ถ่ายคลิปนู่นนี่นั่น แม่ก็คิดว่าแม่ยอมให้ถ่ายเพราะว่า คลิปวันเกิดเนี่ย เขาคงไปใช้รวมกับตอนที่เราสวยแล้ว เอาไปใช้พร้อม ๆ กัน แต่ไม่ หลังจากวันเกิดเขาลงคลิปเลย”
การลงคลิปครั้งนี้คือการลงคลิปที่เขาไม่ได้ขออนุญาตเราตามที่ได้พูดเอาไว้ก่อนที่จะออกจากโรงพยาบาล ก็เลยเป็นกระแสเยอะแยะมากมาย หน้าเหมือนคนนู้น หน้าเหมือนคนนี้ หลังจากนั้นคุยแซ่บโชว์ ก็เอาแม่ไปออกรายการ แม่ก็ไม่เคยว่า (เปิดคลิปจากรายการให้ดู)
จากนั้น อีกฝ่ายก็ไปออกคลิปว่า ไปพูดทำให้เขาต้องเสียหาย ซึ่งแม่ก็ไม่เข้าใจว่าแม่พูดให้เขาเสียหายตรงไหนก่อน และเขาไปออกคลิปประมาณว่า เกี่ยวกับเรื่องศัลยกรรมว่าไปทำมาเยอะแยะมากมายก่ายกองเลย และก็มาหาทางเขา มาให้เขาแก้ให้ แม่ไม่เข้าใจว่าใช้ประโยคนี้คือใช้ได้ยังไง เขาเบี่ยงเบนทุกอย่างไปหมดเลย
พอแม่ไปออกรายการเสร็จ เขาก็โทร.มาคุยส่วนตัว แต่ไม่ได้คุยกับแม่ เขามีปัญหากับแม่ต้องคุยเคลียร์ปัญหากับเราถูกมั้ยคะ ไม่คุย แต่โทร.ไปหาแฟนว่า พี่ไม่เคยรู้เลยค่ะว่าน้องต้อมมีงาน ก็คือเป็นงานสกินที่ถูกยกเลิกไป
ซึ่งจะบอกไม่รู้ก็ไม่ได้ เพราะเราบอกว่าพี่มีการแต่งภาพนะคะ ฝ้า กระ ก็มาแบบนี้ แบบนี้งานของหนูเสีย แต่เขาไปออกสื่อว่าเขาไม่รู้ มาคุยกับแฟนพี่ทีหลังว่า เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าน้องต้อมมีงานสกิน แล้วก็มาขอโทษ
มันไม่ใช่แค่เจรจาไม่ลงตัว การเจรจาไม่ลงตัวคือมันเริ่มตอนแรกมากกว่า แต่พออยู่มาสักพักเนี่ย เราถึงได้รู้ว่ามันเกิดความพิการหลังจากนี้ด้วย มันไม่ใช่แค่นี้ มันเกิดจากที่ระยะเวลาตั้งแต่เดือนธันวาคมจนมาถึงปัจจุบันนี้ เราไม่เคยออกสื่อ สามารถไปดูติ๊กต็อกของแม่ได้ แม่ไม่เคยลงว่า ไม่เคยลงแม้แต่แก้ตัวใด ๆ ทั้งสิ้น
แต่ว่า ณ ตอนนี้เราอยู่นิ่งไม่ได้เพราะอะไร เพราะความพิการเกิดขึ้น ความบกพร่องเกิดขึ้น การงานมีปัญหาเกิดขึ้น คุณบอกกับทุกคนว่าไม่เห็นเขาเป็นอะไร ไม่เห็นเขามีอะไร ความสวยก็ประจักษ์อยู่แล้วนี่คะ ทุกคนต้องเข้าใจว่า เรามีงานเราก็ต้องออกงาน เราจะต้องออกไปหน้าสด ๆ หน้าพิการ หรืออะไรใด ๆ ให้คนเขาเห็นเหรอคะ เราก็ต้องยังทำธุรกิจอยู่ เพราะฉะนั้นมันจะพูดลอย ๆ แบบนี้มันไม่ใช่
จริง ๆ แล้ววันที่ 4 มกราคม มันจะต้องเข้าไปเช็กอัปกับคุณหมอหลังจากที่เราทำหน้าเสร็จแล้วนะคะ ณ ตอนนั้นเราก็มีความรู้สึกว่า การคุยมันยังไม่ลงตัวกับการที่คุณเอาภาพหรืออะไรไปลงโดยที่คุณยังไม่ได้ขออนุญาตจากเราตามข้อตกลง และก็ได้เขียนจดหมายไปฉบับนึงเหมือนกัน เขียนไปในหัวข้อและเนื้อหาเรียบร้อยว่า บรรเทาเรื่องรูป รูปในการตกแต่งที่มันบิดเบือนจากความเป็นจริง”
นอกจากนี้ ต้อม รชนีกร ยังเผยถึงหลักฐานว่า “เราก็มีตามที่เรามีนะคะ ตามความเจ็บปวด ตามแผลทางร่างกายที่ทุกคนอาจจะไม่ได้เห็น ซึ่งตรงนี้พี่คิดว่าพี่น่าจะมีให้ศาลท่านได้เห็น ว่ามันเกิดอะไรกับพี่บ้าง การใช้ชีวิตของพี่ลำบากยังไงบ้าง ก็อยากจะให้ทุกคนได้รู้ พี่ไม่เคยออกมาพูด
ก่อนหน้านี้พี่ไม่ได้มีปัญหาที่จะบอกว่ามันเกิดอะไร แต่พอหลังจากทำไปเรียบร้อยแล้ว เราเห็นว่าฟันเราเหยิน พี่ก็ไปหาหมอ พอไปหาหมอเนี่ยมันชัดเจนขึ้นเลยค่ะ หมอบอกว่า มันอันตรายนะคะ คุณไม่รู้เหรอว่า คุณมีฟันกราม ฟันคุดอยู่ข้างใน แล้วมันนอนอยู่ ทำไมเขาไม่ให้คุณถอนคุดซี่นั้นก่อน เพราะในอนาคตข้างหน้ามันอาจจะเป็นมะเร็ง เป็นถุงน้ำก็ได้
แล้วกรามที่ตัดออกมาเนี่ย มันเหลือน้อยมาก อยู่ในจุดที่อันตรายมาก ง่าย ๆ ถ้าคุณเข้าฉากตบ แล้วโดนตบพลาดเนี่ย กรามพี่หักนะ ถ้าอนาคตข้างหน้า เขาบอกว่าฟันซี่นี้มันเป็นมะเร็งหรือมันเป็นถุงน้ำแล้วจะต้องเอาออก ถ้าหาหมอไม่เก่ง กรามพี่อาจจะร้าวหรือแตกได้ นี่คือสิ่งที่คุณหมอบอกนะคะ”
ส่วนจะฟ้องในประเด็นอะไรบ้างนั้น ทนายความของ ต้อม รชนีกร ระบุ “อย่างแรกนะคะ ในส่วนของความผิดพลาดจากการศัลยกรรมนะคะ เราฟ้องเป็นคดีละเมิดแผนกผู้บริโภค จำนวนทุนทรัพย์ 50 ล้านบาทนะคะ ในส่วนของดีเทลเราก็จะฟ้องโรงพยาบาลและคุณหมอที่เป็นคนผ่าตัดให้รับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้น
ส่วนที่จะตามไปคือรูปตอนพี่ต้อมอยู่ในห้องผ่าตัด อันนี้ไม่ได้นะคะ คุณจะมาอ้างว่าเป็นสัญญารีวิวเนี่ยมันไม่ได้นะคะ ต้องคุยแบบนี้ก่อนว่า พ.ร.บ.สถานพยาบาลเนี่ยกำหนดไว้ว่า การที่คลินิกศัลยกรรมหรือโรงพยาบาลศัลยกรรมอะไรก็แล้วแต่ จะเอารูปไปโฆษณา จะต้องขออนุญาตก่อนนะคะ ต้องเป็นไปตามมาตรฐานของเขา มีคดีผู้บริโภคและคดีละเมิด เดินหน้าในส่วนของคดีละเมิด 50 ล้านแล้วค่ะ ในส่วนของรูปที่พี่ต้อมนอนอยู่ในห้องผ่าตัดกำลังจะตามไปเร็ว ๆ นี้ค่ะ”
ชมคลิปฉบับเต็ม ต้อม รชนีกร ตั้งโต๊ะแถลงข่าว ปมยื่นฟ้องคู่กรณี 50 ล้าน
อ่านข่าวอื่น ๆ เพิ่มเติม