หนุ่มเล่าประสบการณ์ เป็นหนี้ 14 ล้าน เพราะ งานพิเศษที่นายจ้างสั่งทำ แต่ไม่จ่ายเงิน
หนุ่มไอทีการตลาด เล่าประสบการณ์เสียรู้นายจ้าง สั่งทำงานพิเศษเพิ่มเติมจากหน้าที่ ยื่นข้อเสนอเป็นตัวเงิน สุดท้ายกลายเป็นหนี้ 14 ล้าน เพราะลบข้อมูลทิ้ง
เรื่องนี้เกิดประมาณปี 2564 หนุ่มเจ้าของคลิปเริ่มเล่าเรื่องราวตั้งแต่ต้นว่า ตนเรียนจบจากมหาวิทยาลัยและได้เข้าไปทำงานกับบริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่ง ในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ IT จัดทำเกี่ยวกับการตลาด ยิงโฆษณา และทำเว็บไซต์สำเร็จรูปต่าง ๆ แต่กลับเหมือนถูกเอาเปรียบเนื่องจากทำงานล่วงเวลาไม่จ่ายค่าล่วงเวลา (OT) ให้, วันหยุดพิเศษต่าง ๆ ไม่ได้หยุด และไม่มีวันชดเชยให้
@bas.tec แพ้คดี เคยโดนฟ้อง 14 ล้านบาท เพราะนายจ้าง ให้สร้างโปรแกรมงาน แต่ไม่ยอมจ่ายเงินซื้อ ใช้ฟรีถึงเก้าเดือน ก่อนลาออกจึงตัดสินใจลบ แล้ว ก็เรียบร้อย โดนฟ้องแพ้คดี
♬ เสียงต้นฉบับ – มือถือสเปคแรง ราคาถูก Bas.Tec – มือถือสเปคแรง ราคาถูก Bas.Tec
ร่วมงานมาได้ประมาณ 1 ปีก็มีความคิดที่อยากจะลาออก เนื่องจากหลาย ๆ อย่างทางบริษัทไม่ทำตามที่คุยไว้ตั้งแต่แรก อีกทั้งเงินเดือนออกไม่ตรงสิ้นเดือน บางเดือนก็จ่ายเงินเดือนเกินไปถึงวันที่ 2 หรือ 3 จากสาเหตุหลาย ๆ อย่างนี้ทำให้ตนพยายามหาลู่ทางในการย้ายงาน หาสมัครงานใหม่ไปเรื่อย ๆ
กระทั่งช่วงเดือนธันวาคม 2563 นายจ้างบริษัทดังกล่าวได้เห็นว่าตนกำลังทำโปรแกรมหนึ่งอยู่ซึ่งเกี่ยวกับการทำสูตรในโปรแกรมเอ็กซ์เซล จึงได้มอบหมายงานชิ้นหนึ่งมาให้เป็นการแยกข้อมูลเกี่ยวกับธนาคารของลูกค้า หนุ่มรายนี้ใช้เวลาแยกคัดกรองข้อมูลตามคำสั่งด้วยโปรแกรมโดยใช้เวลาครึ่งวัน พร้อมทั้งรีเช็กข้อมูลและตัวโปรแกรมอย่างละเอียดว่าไม่มีอะไรผิดพลาด จนได้รับคำชมและได้รับมอบหมายงานชิ้นใหม่มา
งานชิ้นใหม่ที่ได้รับคือการเขียนโปรแกรมเพื่อพัฒนาองค์กร โดยนายจ้างบริษัทแห่งนี้ให้ข้อเสนอว่าหากทำได้ดีจะยอมซื้อตัวโปรแกรมนี้ เจ้าตัวใช้เวลาไม่ถึง 1 เดือนในการสร้างตัวโปรแกรมดังกล่าวขึ้นมา เพราะคิดแค่ว่ากำลังจะลาออกแล้ว อย่างน้อยถ้าขายโปรแกรมตัวนี้ได้ก็คงได้เงินหลักพัน แต่เมื่อส่งงานเสร็จได้รับคำชม แต่นายจ้างยังไม่ซื้อเพียงแต่บอกให้ใจเย็น ๆ และพัฒนาโปรแกรมให้ดี เจ้าของเรื่องนี้ยอมรับว่าตอนนั้นตนไม่ทันเหลี่ยมนายจ้าง จึงทำงานตามที่บอก กระทั่งมีโปรแกรมที่ถูกสร้างขึ้นมาทั้งหมด 9 ตัว แบ่งเป็นของแต่ละแผนก โดยใช้เวลาทำทั้งหมดตั้งแต่มกราคม-เมษายน 2564
เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นก็ตัดสินใจถามนายจ้างอีกครั้งว่าจะซื้อตัวโปรแกรมที่เขาสร้างอย่างไรบ้าง โดยตัวโปรแกรมที่เขาสร้างขึ้นมานั้นจะต้องเชื่อมต่อกับ Google Sheets บน Google Drive ที่เป็นอีเมลล์ของหนุ่มรายนี้ ซึ่งคำตอบที่ได้จากนายจ้างก็เป็นการผลัดวันประกันพรุ่งไปก่อน เจ้าตัวก็ไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากรอ เพราะตนเป็นพนักงานบริษัทของเขา มีหน้าที่ประจำอยู่แล้ว เพียงแค่งานดังกล่าวเป็นงานที่เพิ่มขึ้นมาพิเศษและจะได้รับค่าตอบแทนต่างหากตามที่ตกลงกันไว้ก็เท่านั้น แต่ใจตัวเองก็คิดแล้วว่าไม่น่าจะได้แน่ ๆ
จนเวลาล่วงเลยมาถึงเดือนกันยายน หนุ่มไอทีเจ้าของคลิป เล่าว่า ตนถุกกดดันจากนายจ้างให้นำตัวโปรแกรมที่สร้างขึ้นลงในไดร์ฟของนายจ้างทั้งหมดเพื่อนำไปใช้งาน เหมือนเป็นการหลอกให้ทำงานฟรี โดยไม่จ่ายเงินตามที่ตกลงกันไว้ แถมยังโดนลอยแพถูกถอดออกจากหน้าที่ที่ต้องทำประจำแล้ว เจ้าตัวจึงรู้สึกว่าไม่แฟร์กับตัวเอง ทั้งยังถือโอกาสเตือนเด็กรุ่นใหม่หากได้ทำงานและมีการว่าจ้างหรือตกลงอะไรนอกเหนือจากงานประจำจะต้องทำสัญญาขึ้นมาเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อป้องกันเอาไว้ อย่างน้อยก็ยังมีหลักฐานในการยืนยัน แต่ตอนนั้นตนไม่มีประสบการณ์เรื่องดังกล่าวจึงไม่ได้ทำเอกสารเอาไว้
ณ ตอนนั้นเห็นท่าไม่ดี จึงตัดสินใจออกจากบริษัทตั้งแต่ช่วงกลางวันเลย ถึงแม้จะยังไม่มีบริษัทใหม่รองรับก็ตาม เมื่อคิดเช่นนั้นแล้ว ตนจึงดีดอีเมลล์ของทุกคนในบริษัทแห่งนี้ออกจากไฟล์งานทั้งหมดที่มี ทำให้ทุกคนไม่สามารถใช้ไฟล์งานนั้นได้นอกจากตัวเขาเอง หลังจากวันนั้นเขาได้รับการติดต่อและโดนข่มขู่มากมายจากคนของนายจ้างถึงขั้นโดนตามถึงบ้าน แถมเรื่องนี้ก็ยังมีนักการเมืองซึ่งเป็นเพื่อนกับเจ้าของบริษัทเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยขู่ว่าจะฟ้องและดำเนินคดีตามกฎหมายฐานทุจริตและทำให้ข้อมูลของบริษัทเสียหาย หากยังไม่ออกมาพบ
จากนั้นเรื่องราวก็เกิดขึ้นเป็นคดีความ แต่ทางฝั่งของเจ้าของเรื่องมองว่าตนไม่ผิด เนื่องจากเป็นงานที่ตนสร้างขึ้นมา และในเมื่อบริษัทไม่ซื้อเขาก็มีสิทธิ์ในตัวงานนั้น และหลังจากที่นายจ้างไปแจ้งความในวันที่ 23 ก.ย. ในวันที่ 27 ก.ย. ตนก็เดินทางไปพบพนักงานสอบสวนในทันที พร้อมด้วยเอกสารทั้งหมดเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ แต่จนท.ไม่ดูเอกสารทางฝั่งตนเลย ได้แต่บอกให้ยอมรับความผิดอย่างเดียว แต่เรื่องก็เงียบไปผ่านไป 3 เดือนเมื่อเข้าเดือนที่ 4 ก็ไปทำงานกับบริษัทคู่แข่งของบริษัทที่มีปัญหาอยู่ แต่ตนยืนยันว่าไม่ได้เอาข้อมูลบริษัทเก่าไปขายหรือบอกให้กับบริษัทใหม่ทราบเลย ไม่ได้ใช้โดเมนที่มีข้อมูลของบริษัทเก่าเลยแม้แต่นิดเดียว
แต่เหมือนทางนายจ้างเก่าจะรู้ว่ามาทำงานให้กับบริษัทคู่แข่ง จู่ ๆ ก็มีตำรวจยศใหญ่โทรมาสอบปากคำถามว่าได้ไปลบข้อมูลบริษัทหรือเปล่า แค่ยอมรับไปก็จะได้จบ ชดใช้ค่าเสียหายเท่านั้น ตนขอหมายเรียก แต่ทางตำรวจคนดังกล่าวอ้างว่าหมายเรียกส่งไปแล้วแต่เหมือนจะผิดบ้าน แต่ยังไงก็จะรอหมายเรียกเพื่อไปคุยกันต่อหน้าไม่คุยผ่านโทรศัพท์
เมื่อได้หมายเรียกมาฉบับแรกตนก็เดินทางไปให้ปากคำตามปกติ ต่อมาก็มีพนักงานจากบริษัทที่มีปัญหารายหนึ่งออกจากที่นั่นและมาเข้าทำงานที่บริษัทคู่แข่งที่ตนทำอยู่ด้วย ซึ่งก็ไม่ทราบว่าเข้ามาด้วยเหตุผลอะไร จากนั้นก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจโทรมาอีกเพื่อให้ไปไกล่เกลี่ยพูดคุยเรื่องคดีความว่าจะเอายังไงต่อ ซึ่งตนแจ้งกลับไปว่าให้ทางนายจ้างฝั่งนั้นมาไกล่เกลี่ยเอง เพราะติดต่อถามไถ่ไปแล้วไม่ได้รับการตอบกลับ มีแต่ทางฝั่งเขาเอาไปพูดกับคนอื่นว่าทางตนไปอ้อนวอนต่าง ๆ นานา ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยมีการพูดคุยกันเลย กระทั่งมีหมายเรียกให้ไปขึ้นศาล
เมื่อถึงเวลาไปสู้กันในชั้นศาลก็เตรียมหลักฐานไปทั้งหมดว่ามีการว่าจ้างให้ทำงานชิ้นดังกล่าวขึ้น โดยมีการบอกว่าจะจ่ายเงินเมื่อทำงานชิ้นนี้สำเร็จ แต่ทางนายจ้างอ้างว่าไม่ได้พูดแบบนั้น แต่นั่นคือหน้าที่ที่ต้องทำ ทั้ง ๆ ที่ก็รู้อยู่แก่ใจว่ามีการว่าจ้างและตกลงงานพิเศษชิ้นนี้ขึ้นมา แต่กลับให้การตรงกันข้าม ซึ่งเถียงกันในชั้นอัยการก็ยังไม่จบ ได้ไปเถียงกันต่อที่หน้าบัลลังก์ศาล
ศาลก็สรุปมาว่า ตนไปให้การว่าไม่ได้ลบแต่ไปดีดให้พนักงานเขาใช้งานไม่ได้ ทำให้เขาเกิดความเสียหาย ตนจึงเป็นฝ่ายผิด ส่วนที่เขาจ้างงานเราแล้วไม่จ่ายค่าจ้าง เราไปเรียกร้องเขาได้ แต่ที่ทำให้เขาใช้งานไม่ได้จนบริษัทเกิดความเสียหาย อันนี้ผิดคดีอาญา แต่ในส่วนที่เขาไม่จ่ายผิดแค่คดีแพ่ง
สรุปเขาเรียกค่าเสียหาย 14 ล้าน ศาลมองว่าเยอะเกินไป คู่กรณีจึงลดให้เหลือ 7 ล้าน แต่ศาลก็ยังมองว่าเยอะไปอยู่ดี คุยไปคุยมาเขาเรียกมาเหลือ 2 ล้าน ศาลเห็นว่าเป็นตัวเลขที่เหมาะสม และในส่วนของค่าใช้จ่ายเรื่องโปรแกรม ศาลก็ให้สิทธิ์ตนในการเรียกค่าใช้จ่ายตรงนี้แล้วเอาไปหักลบกับ 2 ล้าน เมื่อคิดตามความเป็นจริงแล้ว เบ็ดเสร็จเหลือหนี้ 1.5 ล้าน ด้านทนายก็ต่อรองให้จนจบที่ 1.2 ล้าน
สุดท้ายตนเป็นฝ่ายแพ้คดี รอลงอาญา 2 ปี และต้องใช้หนี้อีก 1.2 ล้านบาท ตกผ่อนเดือนละ 4,000 บาท ทั้งนี้เจ้าตัวเผยว่า ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะไม่รับทำงานเสริมพิเศษชิ้นนี้แน่นอน ทั้งยังฝากเรื่องนี้เอาไว้เตือนใจและเป็นอุทาหรณ์ให้กับหลาย ๆ คนที่ได้เข้ามาฟังด้วยว่า อย่าไปไว้ใจอะไรใครง่าย ๆ ยิ่งเป็นเจ้าของบริษัทได้รับเงินทีหลาย ๆ ล้าน คนจำพวกนี้มักจะมีเหลี่ยมที่คนธรรมดาอย่างเราจะตามไม่ทัน
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- หัวหมอ พนง.เนียนเอาทองนายจ้างไปขาย อ้างบริษัทตรวจสอบพลาดเอง
- แก้เผ็ดนายจ้างหน้าเลือด ช่าง ‘ทุบ’ พื้นคอนกรีตสร้างเองกับมือ หลังโดนเบี้ยวค่าจ้าง
- สาสม สาวปวดท้องเมนส์ ขอลาป่วย กลับถูกไล่ออก ฟ้องศาลชนะ นายจ้างถูกปรับ 1.2 ล้าน
อ้างอิงจาก : TikTok @bas.tec