สิ้นร่มธรรม ‘พระราชปรีชาญาณมุนี’ เจ้าคณะอำนาจเจริญ มรณภาพ สิริอายุ 79 ปี
สิ้นร่มพระธรรมเจ้าคณะจังหวัดอำนาจเจริญ ‘พระราชปรีชาญาณมุนี’ เจ้าอาวาสวัดบ่อชะเนง มรณภาพแล้ว เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 67 สิริอายุ 79 ปี 59 พรรษา
เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2567 เพจเฟซบุ๊ก สำนักงานเจ้าคณะภาค ๑๐ โพสต์แจ้งข่าวแก่ศิษยานุศิษย์ ว่า พระราชปรีชาญาณมุนี (หลอม มหาวิริโย ป.ธ.๗) เจ้าคณะจังหวัดอำนาจเจริญ เจ้าอาวาสวัดบ่อชะเนง ได้มรณภาพอย่างสงบ เมื่อเวลา 08.00 น. ของวันที่ 25 มิถุนายน ที่โรงพยาบาลอำนาจเจริญ สิริอายุรวม 79 ปี 59 พรรษา
กำหนดการพิธีพระราชทานน้ำหลวงสรงศพพระราชปรีชาญาณมุนี จัดขึ้นในวันพุธที่ 26 มิถุนายน 2567 ณ วัดดบ่อชะเนง ตำบลหนองแก้ว อำเภอหัวตะพาน จังหวัดอำนาจเจริญ
ในเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ที่ผ่านมา ว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าราชการจังหวัดอำนาจเจริญ ได้เดินทางไปยังวัดบ่อชะเนง เพื่อเป็นประธานในพิธีพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ พระราชปรีชาญาณมุนี (หลอม มหาวิริโย ป.ธ.๗) อดีตเจ้าคณะจังหวัดอำนาจเจริญ และอดีตเจ้าอาวาสวัดบ่อชะเนง
พระเดชพระคุณ พระพรหมวชิโรดม เจ้าคณะภาค 10 เจ้าอาวาสวัดโมลีโลกยาราม กรุงเทพมหานคร เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พระเถระชั้นผู้ใหญ่ คณะสงฆ์ หัวหน้าส่วนราชการ และบรรดาศิษยานุศิษย์ทั่วทุกสารทิศเดินทางเข้าร่วมพิธีพระราชทานน้ำหลวงสรงศพ เป็นจำนวนมาก
ประวัติ ‘พระราชปรีชาญาณมุนี’ เจ้าคณะแห่งจังหวัดอำนาจเจริญ
พระราชปรีชาญาณมุนี เดิมชื่อ หลอม มณีวงศ์ เกิดเมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2487 ที่บ้านบ่อชะเนง ตำบลหนองแก้ว อำเภอหัวตะพาน จังหวัดอุบลราชธานี (ณ ขณะนั้น) บรรพชาเป็นสามเณรเมื่ออายุ 14 ปี และอุปสมบท ในวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2508 ณ วัดบ่อชะเนง ขณะนั้นอายุได้ 22 ปี
ท่านสำเร็จการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 และสอบได้นักธรรมชั้นเอกในปี พ.ศ. 2505 ก่อนจะสอบได้เปรียญธรรม 7 ประโยคในปี พ.ศ. 2524
ด้วยคุณูปการที่ท่านได้ทำต่อพระพุทธศาสนา ท่านได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสำคัญมากมาย ได้รับถวายปริญญาพุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ตำแหน่งฝ่ายปกครอง ในพ.ศ. 2514 เป็นเจ้าอาวาสวัดบ่อชะเนง ต่อมาในพ.ศ. 2515 เป็นรักษาการเจ้าคณะอำเภอหัวตะพาน ก่อนที่พ.ศ. 2516 จะเป็นเจ้าคณะอำเภอหัวตะพาน
พระราชปรีชาญาณมุนี ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าคณะอำเภอชั้นเอก ในปี พ.ศ. 2519 และเลื่อนเป็นพระราชาคณะชั้นสามัญในปี พ.ศ. 2530 ก่อนจะได้รับพระราชทานสมณศักดิ์สูงสุดเป็นพระราชาคณะชั้นราชในปี พ.ศ. 2547
ท่านเป็นที่เคารพศรัทธาของคนทั่วไป ด้วยจริยาวัตรที่งดงามและการช่วยเหลือสงเคราะห์ผู้อื่น ท่านมีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ทั้งบรรพชิตและฆราวาส
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง