บุกทลาย เหมืองบิตคอยน์ ลอบใช้ไฟหลวง เสียหาย 10 ล้าน ใช้ขุด 700 เครื่อง
เจ้าหน้าที่ตำรวจ บุกทลาย เหมืองบิตคอยน์ ลอบใช้ไฟหลวง เสียหาย 10 ล้าน คาดใช้เครื่องขุด 700 เครื่อง แต่ยึดได้แค่ 59 เครื่อง พบร่องรอยการเคลื่อนย้าย
พ.ต.อ.ชัชชน นราวุฒิพร ผู้กำกับการ สภ.โพธาราม จ.ราชบุรี พร้อมด้วย นายสุรวุฒิ น้อยนิมิต ผู้จัดการการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคราชบุรี และ กองบริการลูกค้าการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เขต 1 (ภาคใต้) จ.เพชรบุรี นำหมายศาล จ.ราชบุรี ที่ ค 318/2567 เข้าตรวจค้น บริษัท ไมเนอร์ ยูเนี่ยน จำกัด หมู่ที่ 4 ต.เจ็ดเสมียน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี เพื่อยึดสิ่งของเครื่องชุดเหรียญบิตคอยน์ และอุปกรณ์ต่อพ่วง ซึ่งจะเป็นพยานหลักฐานประกอบการสอบสวน ไต่สวนมูลฟ้องหรือพิจารณาความอาญา ซึ่งมีไว้เป็นความผิดหรือได้มาโดยผิดกฎหมาย หรือได้ใช้ หรือตั้งใจจะใช้ในการกระทำความผิด หลังพบความผิดปกติภายในบริษัทดังกล่าวมีการใช้ไฟฟ้าที่ไม่ตรงตามข้อมูล และการจดขอใช้ไฟฟ้า
โดยเจ้าหน้าที่พบ นายวีระพล (สงวนนามสกุล) อายุ 41 ปี เป็นผู้ดูแลภายในบริษัทดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงและอ่านหมายศาล จากนั้นได้นำกำลังเข้าไปตรวจค้นภายในโรงงานดังกล่าว
เมื่อเจ้าหน้าที่เปิดประตูเข้าไปดูถึงกับผงะ เมื่อภายในเปิดเป็นเหมืองเหรียญบิตคอยน์ และอุปกรณ์ต่อพ่วง มีการต่อแบ่งเป็นห้องๆ และยัง พบเครื่องขุดบิตคอยน์ อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้เป็นเซฟเวอร์สำหรับเหมืองสกุลเงินดิจิทัล (Cryptocurrency) แบบ Cloud Mining และด้านหลังของโรงงานยังมีการนำตู้คอนเทนเนอร์มาทำเป็นเหมืองบิตคอยน์อีก 3 ตู้ ด้วยกัน รวมแล้วติดตั้งไว้กว่า 700 เครื่อง
โดยเจ้าหน้าที่สามารถตรวจยึดเครื่องได้เพียงแค่ 59 เครื่องเท่านั้น ส่วนที่เหลือพบร่องรอยการเคลื่อนย้าย เครื่องขุดบิตคอยน์ เซฟเวอร์ และอุปกรณ์ต่อพ่วง นอกจากนี้ ยังตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่ติดอยู่บริเวณโดยรอบพบว่ามีการถอดเมมโมรี่การ์ด และเครื่องเซฟเวอร์กล้องวงจรปิดหายไปด้วย
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ได้ทำการอายัดเครื่องไว้ทั้งหมด และนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.โพธาราม เพื่อทำการส่งกองพิสูจน์หลักฐานในการตรวจสอบกำลังไฟฟ้าที่ใช้แต่ละเครื่องว่ามีกำลังวัตเท่าไหร่เพื่อตรวจสอบถึงมูลค่าความเสียหายทั้งหมด พร้อมทั้งตรวจพบว่ามีการดัดแปลงมิเตอร์ไฟฟ้า ให้ไฟฟ้าผ่านมิเตอร์ไม่เต็มตามกระแสไฟฟ้าที่ใช้จริง
นอกจากนี้ ยังพบว่าเครื่องขุดบิตคอยน์นี้ราคาเครื่องละหลักแสนบาท โดยยึดไว้จำนวน 59 เครื่อง รวมมูลค่าประมาณ 5.9 ล้านบาท เพื่อดำเนินการตามกฎหมายในข้อหาการลักใช้ไฟหลวง หรือข้อหาลักทรัพย์ ส่วนมูลค่าเบื้องต้นพบลักใช้ไฟหลวงเสียหายเดือนละ 10 ล้านบาท
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง