ข่าว

ลูกค้าฟ้องคาเฟ่แมว เรียกค่าเสียหายปมถูกแมวกัด ทางร้านโต้เดือด

ดราม่าระอุ ลูกค้าฟ้องคาเฟ่แมว เรียกค่าเสียหาย 2.5 หมื่นบาท ถูกแมวกัดหลังเอากะโปรงไปเล่นด้วย ทางร้านออกมาชี้แจงความจริงอีกมุม

กลายเป็นประเด็นในสื่อสังคมออนไลน์ หลังจากที่ลูกค้าหญิง อายุ 26 ปี ฟ้องร้องร้านคาเฟ่แมวญี่ปุ่น โมฮุโมฮุคาเฟ่ หลังจากที่เล่นกับแมวในร้านแล้วโดนกระโปรงกัด โดยทางร้านได้ออกมาชี้แจงประเด็นดังกล่าว

โดยทางร้านระบุผ่านเว็บไซต์ว่า “1. วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2567 โจทก์ได้มาที่ Mohu Mohu Cafe เพื่อใช้บริการ ทางร้านจึงแจ้งโจทก์เกี่ยวกับข้อตกลงการใช้บริการ และแจ้งว่าแมวอาจกัดหรือข่วนได้ เมื่อแจ้งเงื่อนไขการใช้บริการเรียบร้อยแล้ว จึงให้โจทก์เข้าใช้บริการได้

2. ในวันเดียวกัน ระหว่างที่โจทก์ใช้บริการคาเฟ่อยู่ที่ชั้น 3 ซึ่งเป็นส่วนที่ทางคาเฟ่ใช้เป็นห้องแมว โจทก์ได้ทำการเล่นกับแมวชื่อเรนะ เรนะได้ขึ้นไปบนกระโปรงคู่กรณีและมีการกัดกระโปรงของโจทก์เล่น หลังจากนั้นโจทก์ได้ใช้กระโปรงในการเล่นกับเรนะ แต่เกิดความผิดพลาดทำให้ถูกเรนะกัดที่กระโปรง

3. หลังจากที่โจทก์ถูกแมวชื่อเรนะกัด โจทก์ได้เดินลงมาที่ชั้น 1 เพื่อแจ้งกับพนักงานว่าได้รับบาดเจ็บจากการถูกแมวกัด พนักงานจึงได้ทำการปฐมพยาบาลทันที ด้วยการทายาล้างแผลและติดพลาสเตอร์ให้กับโจทก์ และทางพนักงานได้แจ้งกับโจทก์ว่าแมวทุกตัวของทางร้านมีการฉีดวัคซีนกันพิษสุนัขบ้าและวัคซีนอื่น ๆ อย่างครบถ้วนแก่โจทก์

4. หลังจากที่พนักงานร้านได้ทำการปฐมพยาบาลให้โจทก์เสร็จแล้ว โจทก์ได้ทำการยืมผ้ากันเปื้อนจากทางร้านเพื่อไปเล่นกับแมวที่ชั้น 3 อีกเป็นเวลาประมาณ 50 นาที

จากนั้นเมื่อโจทก์ใช้บริการเสร็จ โจทก์เดินลงมาที่ชั้น 1 เพื่อทำการจ่ายเงินกับเจ้าของร้านซึ่งเป็นจำเลย และจำเลยได้มีการถามโจทก์ว่าถูกกัดมาหรือเปล่า โจทก์ได้แจ้งว่าแมวอาจจะคิดว่ากระโปรงคือทิชชู่จึงกัด หลังจากนั้นโจทก์ได้ทำการชำระค่าใช้บริการและออกจากร้านไป

ภายในวันเดียวกันเวลา 17.00 น. โจทก์ได้โทรติดต่อเข้ามาที่ร้านและถามว่า แมวได้มีการฉีดวัคซีนหรือไม่และมีใบรับรองการฉีดวัคซีนหรือไม่ ซึ่งจำเลยได้ตอบว่ามีการฉีดวัคซีนและมีใบรับรอง

หลังจากนั้นในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 19.16 น. โจทก์ได้มีการส่งข้อความผ่านแอพพลิเคชั่น Instagram มาที่กล่องข้อความของ Instagram ของทางร้าน และบอกให้ทางร้านตอบกลับภายในเวลา 1 วัน แต่จำเลยไม่ได้ตอบกลับในเวลาที่โจทก์ต้องการ เนื่องจากจำเลยไม่ได้ตั้งค่าการแจ้งเตือนของแอพพลิเคชั่นดังกล่าวเอาไว้ จึงถูกโจทก์ตำหนิว่าละเลยและไม่มีความรับผิดชอบต่อกรณีที่เกิดขึ้น

วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการโทรติดต่อมาที่ร้านและแจ้งว่าโจทก์ต้องการดำเนินคดีกับจำเลย โดยโจทก์ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเจ้าของร้านไม่ตอบกลับข้อความในแอพพลิเคชั่น Instagram และข้อความในเพจเฟสบุ๊ก Mohu Mohu Café รวมถึงมีการโทรติดต่อมาที่ร้านแล้วแต่กลับถูกจำเลยละเลย แต่ในความเป็นจริงโจทก์ส่งข้อความมาแค่ในแอพพลิเคชั่น Instagram เพียงที่เดียวเท่านั้น และยังโทรติดต่อเข้ามาหาจำเลยในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2567 เพียงครั้งเดียว

ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแจ้งจำเลยว่าให้ไปที่สถานีตำรวจในวันที่ 18 กุมภาพัน์ 2567 นั้นทันที แต่เนื่องด้วยจำเลยไม่สะดวกที่จะไปพบตำรวจในวันและเวลาดังกล่าวเนื่องจากเป็นวันที่ร้านมีลูกค้าเยอะที่สุด จำเลยจึงไม่ได้ออกจากร้านไปพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่จำเลยได้แจ้งเจ้าหน้าตำรวจที่สถานีตำรวจบางรักว่า ให้มาที่ร้านที่เกิดเหตุได้หรือไม่ เพราะอยู่ห่างเพียง 240 เมตรจากสถานี แต่ถูกปฏิเสธ จำเลยจึงขอเบอร์โทรศัพท์เพื่อติดต่อกลับ แต่ก็ถูกโจทก์ปฏิเสธเช่นกัน

หลังจากได้วางสายโทรศัพท์จากเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2567 แล้ว จำเลยได้เข้าแอพพลิเคชั่น Instagram เพื่อทำการอ่านข้อความของโจทก์และตอบข้อความของโจทก์ทันที และโจทก์กล่าวว่า ‘ไม่ต้องขอโทษแล้ว มันสายไปแล้ว’
วันที่ 11 พฤษภาคม 2567 จำเลยได้รับหมายศาลจากกรณีที่เกิดขึ้น จึงได้ทำการรวบรวมข้อมูลหลักฐานเพื่อชี้แจงต่อศาล”

ในเวลาต่อมาทางร้านโพสต์ต่อว่า “คำฟ้องโดยสรุป

1. **สถานะโจทก์และจำเลย**:
– โจทก์เป็นผู้รับบริการและผู้บริโภค
– จำเลยเป็นบริษัทจำกัดที่ดำเนินกิจการคาเฟ่, ร้านกาแฟ และเบเกอรี่

2. **เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น**:
– วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2567 โจทก์เข้าใช้บริการที่ Mohu Mohu Cafe และถูกแมวกัดและข่วน
– โจทก์มีโรคประจำตัวที่ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บในทันที
– จำเลยไม่ได้แสดงความเป็นห่วงหรือขอโทษโจทก์
– โจทก์ต้องไปโรงพยาบาลเพื่อรักษาแผลและฉีดวัคซีน

3. **การเจรจากับจำเลย**:
– โจทก์ได้ติดต่อจำเลยผ่านทาง Instagram, Facebook และโทรศัพท์ แต่ไม่ได้รับคำตอบหรือคำขอโทษใดๆ จากจำเลย
– โจทก์แจ้งความที่สถานีตำรวจแต่จำเลยเพิกเฉยและไม่ยอมเจรจา

4. **ความเสียหาย**:
– โจทก์เสียค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาล ค่าเดินทาง และค่าเสียเวลา รวมเป็นเงิน 25,000 บาท

5. **การฟ้องร้อง**:
– โจทก์ต้องการให้ศาลบังคับจำเลยชำระค่าเสียหายรวม 25,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย 5% ต่อปี
โจทก์ต้องการให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายเนื่องจากการละเมิดสิทธิและเพิกเฉยต่อการเจรจา

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

Nateetorn S.

ผู้สื่อข่าว ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button