รุมแฉ “รพ.เฮี้ยน” โคราช ใครพาญาติมารักษาสุดท้ายดับ อึ้ง เคสสิ้นใจล้มหน้าห้องฉุกเฉิน
ผลพวงแม่คาใจ ลูกชายรถล้มเข้าโรงพยาบาล อำเภอพระทองคำ ที่โคราช หมอให้กินยา 2 เม็ด คืนเดียวโคม่าดับ ชาวบ้านรุมแฉใครพาญาติมารักษาส่วนใหญ่ไม่รอด โผล่แล้ว 3 เคส บางรายเล่าพาลุงมาล้มหน้าห้องฉุกเฉินก่อนสิ้นใจ
กำลังเป็นประเด็นร้อน สืบเนื่องจากกรณี ด.ช.ณัฐนัย อายุ 15 ปี ประสบอุบัติเหตุรถล้มหัวฟาดพื้น ได้นำตัวส่งโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.พระทองคำ จ.นครราชสีมา หลังจากนั้นหมอให้กินยาพาราและนอนรอดูอาการตั้งแต่ 1 ทุ่มถึงตี 2 ของอีกวัน กระทั่งอาการแย่ลง ได้ส่งตัวไป รพ. ใหญ่ ในตัวเมืองอีกทีตอนตี 5 สุดท้ายเด็กเสียชีวิต เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. ที่ผ่านมา
แพทย์ชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากบาดเจ็บที่สมองรุนแรง ขณะที่ครอบครัวผู้ตายคาใจ รพ. ถึงกระบวนการรักษา
ต่อมาเพจ อีซ้อขยี้ข่าว3 โพสต์ข้อความระบุ ต้นอ้อ เป็นหนึ่งบุกพิสูจน์ รพ.เฮี้ยน ใครพาญาติมารักษาเน้นเด๊ดสะมอเร่เท่านั้น (โคราช)
การออกมาเคลื่อนไหวของต้นอ้อ เป็นหนึ่ง คาดว่าเป็นผลสืบเนื่องจากการกระแสโซเชียลที่มีการวิพากษวิจารณ์ถึงเคสก่อนหน้านี้ของทางโรงพยาบาลที่นอกจากเคสสลดของเด็กอายุ 15 ปีแล้ว ยังพบว่ามีผู้ป่วยหรือคนไข้ที่เคยมาจบชีวิตที่นี่ด้วยสาเหตุที่ต่างกันไป แต่ทั้งหมดล้วนติดใจขั้นตอน ตลอดจนกระบวนการดูแลผู้ป่วยทั้งหมดของสถานพยาบาลแห่งนี้
เฟซบุ๊ก Natthakonlanon Changlek ผู้สื่อข่าว โพสต์ข้อความโดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับเคสผู้ป่วยอีก 2 ราย ซึ่งมารักษาที่ รพ. ในอำเภอพระทองคำ แล้วต่อมาต้องเสียชีวิต
“#เคสที่2 พ่อแม่ใจสลาย ! ลูกสาววัย 4 ขวบ เสียชีวิตหลังหมอบอกน้องอาการปกติแต่สุดท้ายไส้ติ่งแตก #นักข่าวสายลุย #พระทองคำ #นครราชสีมา #4ขวบไส้ติ่งแตก”
“#เคสที่ 3 อำเภอพระทองคำ เรื่องของโรงบาลอีกแล้ว ? อดีตผู้ใหญ่บ้านท้องอืดไปโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่บอกให้รอหมอ จนกระทั้งเสียชีวิต”
หลังการออกมาแฉว่าเคยมีเคสที่น่าสงสัย ต่อมาชาวเน็ตหลายรายก็อกมาเล่าประสบการณ์ที่เคยพาญาติมารักษายัง รพ. ในอ.พระทองคำนี้ อีกหลายราย อาทิ ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งบอกว่า พ่อเคยมารักษาปี 64 แล้วเสียชีวิตเพราะส่งตัวช้าไป สมองบวม
อีกรายเผยว่า ลุงเคยมารักษาแล้วความดันต่ำหมอบอกให้นั่งรอ ล้มหน้าห้องฉุกเฉิน ก่อนจะเสียชีวิต
เท่านั้นไม่พอ ยังมีเคสเด็ก 11 เดือน เสียชีวิตจนเป็นข่าว หลังจากท้องเสียแล้วไปรักษาที่ รพ. ไม่ถึงวันก็เสียชีวิตคาโรงพยาบาล
ทั้งนี้ อัปเดตล่าสุด ในส่วนของเคส ด.ช.ณัฐนัย หรือ “น้องบอย” วัย 15 ปีนั้น ทางผู้อำนวยการพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล เดินทางไปร่วมงานศพของครอบครัวผู้ตาย พร้อมกับพูดคุยชี้แจงเรื่องทั้งหมดกับพ่อแม่และสื่ที่มารอทำข่าว ว่า ผู้ป่วยประสบอุบัติเหตุหลังจากที่นำตัวส่งโรงพยาบาล ยอมรับว่าไม่ได้มีการเอ็กซเรย์สมองจริง เนื่องจากว่าดูจากร่างกายและบาดแผลตามร่างกายผู้ป่วยพบมาบาดแผลที่ไหล่ขวาและข้อเท้าซ้าย แพทย์จึงประเมินให้ย้ายไปนอนดูอาการที่ตึกผู้ป่วยใน
จากการวินิจฉัยอาการเบื้องต้นผู้ป่วยยังไม่ถึงขั้นที่ต้องส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลในตัวเมือง จนกระทั้งผู้ป่วยมีอาการเปลี่ยนแปลงทรุดลงอย่างกระทันหันทำให้คาดการณ์ไม่ได้เลย ประกอบกับการตรวจร่างกายเบื้องต้นผู้ป่วยค่อนข้างสมบูรณ์ ซึ่งขั้นตอนการสังเกตอาการผู้ป่วยทางประสาททางเจ้าหน้าพยาบาลที่จะดูอาการทุก 2 ชั่วโมง แต่ผู้ป่วยไม่แสดงอาการ
ขณะนี้ เตรียมตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริงแล้ว และเรียกบุคลากรที่ทำการรักษาผู้ป่วยในวันนั้นมาสอบสวนเป็นรายบุคคล ว่าสาเหตุเกิดจากข้อบกพร่องของเจ้าหน้าที่หรือไม่ ในเบื้องต้นทางโรงพยาบาลดำเนินการประสานงานไปยัง สปสช. ตามมาตรา 41 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ได้กำหนดให้คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติโดยกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพอย่างถาวรเป็นการจ่ายเงินช่วยเหลือตั้งแต่ 240,000 บาท แต่ไม่เกิน 400,000 บาท.
อ่านข่าวเพิ่มเติม