ภูเก็ต – ตัวแทนผู้บริหาร บริษัท เค.พี.พี ฯ ยืนยันเยียวยาลูกค้าทุกราย หลัง กสทช. ปิด ยกเครื่องส่ง ประสานพันธมิตรในภูเก็ตช่วย ย้ำกลับมาดูได้เหมือนเดิม พร้อมเดินหน้ายื่นศาลปกครองขอใบอนุญาตกลับ
จากกรณีเมื่อวันที่ 8 พ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่จาก กสทช. พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ทหาร และ ตำรวจในพื้นที่เข้าตรวจสอบบริษัท เค.พี.พี เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด เลขที่ 156 /28 -29 ถนนพังงา อ.เมือง จ.ภูเก็ต หลังพบว่าบริษัทดังกล่าว เปิดประกอบกิจการเคเบิ้ลให้บริการเครือข่าย โดยไม่ได้รับอนุญาต
ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทดังกล่าว เคยขอรับอนุญาตไปในการดำเนินกิจการ แต่ถูกเพิกถอนไปแล้ว เนื่องจากไม่ได้ชำระค่าธรรมเนียมรายปี ปี 2559 ซึ่งจากการเข้าไปตรวจสอบพบว่ามีการเปิดดำเนินกิจการ จึงได้มีการตรวจยึดอุปกรณ์และตัดสัญญาณส่งผลให้ลูกค้าไม่สามารถดูได้
ล่าสุดวันนี้ ( 12 พ.ย.) นายสมชาย กำจรกิจการ ตัวแทนผู้บริหาร บริษัท เค.พี.พี เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด ได้เปิดแถลงข่าวถึงการดำเนินการของทางบริษัทฯ หลังจากถูกทาง กสทช. สั่งปิดและยึดอุปกรณ์ โดยมี นายวิระยะ ธรรมเรืองทอง นายกสมาคมเคเบิ้ลทีวีและโทรคมนามคมแห่งประเทศไทย และผู้บริหารบริษัท PA เคเบิ้ล มาร่วมสังเกตการณ์และรับฝังการแถลงข่าวในครั้งนี้ด้วย
โดยนาย สมชาย กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทถูกยกเลิกสัญญาณและยกอุปกรณ์จริง หลังจากถูกตัดสัญญาณ ทำให้ลูกค้าจำนวนมากได้รับผลกระทบไม่สามารถที่จะดูช่องของเคพีพี ได้ ซึ่งหลังจากเกิดเรื่องทางบริษัทก็ได้เข้าไปเยียวยาให้กับลูกค้าทันทีโดยการประสานกับพันธมิตรในการส่งสัญญาณให้กับลูกค้าซึ่งขณะนี้ลูกค้าสามารถที่จะดูได้แล้วบางส่วน และบางส่วนกำลังอยู่ระหว่างการเชื่อมสัญญาณ
เชื่อว่าเร็วๆนี้ลูกค้าทุกรายจะสามารถกลับมาดูรายการของทาง เคพีพี ได้อย่างแน่นอน บางจุดสัญญาณภาพอาจจะยังไม่ดี แต่ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างการปรับปรุงก็ให้สมาชิกมั่นใจได้ว่าทางบริษัทยินดีที่จะเยียวยาทุกราย ส่วนกรณีลูกค้าที่ไม่พอใจการบริการต้องการยกเลิกทางบริษัทก็พร้อมที่จะจ่ายเงินคืนให้กับรายที่ต้องการยกเลิก
สำไหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่าเร็วมาก และ ทางบริษัทไม่มีโอกาสที่จะชี้แจงอะไรเลย ว่าเหตุการณ์เกิดขึ้นได้อย่างไร ซึ่งกรณีการยกเลิกใบอนุญาตนั้นเป็นเรื่องจริงที่ทางบริษัทถูยกเลิกใบอนุญาต ซึ่งทาง กสทช. มีหนังสือยกเลิกมาอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 7 ก.ย.2561 และหนังสือมาถึงบริษัทเมื่อวันที่ 11 พ.ย.
แต่หนังสือที่แจ้งยกเลิกมีการระบุว่า หากทางบริษัทไม่เห็นด้วยกับคำสั่งยกเลิกใบอนุญาตในครั้งนี้ ทางบริษัทมีสิทธิ์ร้องคัดค้านกับทางศาลปกครอง ภายใน 90 วัน หลังจากได้รับหนังสือยกเลิกใบอนุญาต ถ้านับตามระยะเวลาถือว่าตนมีสิทธิ์ที่จะยังไปร้องเรียนกับศาลปกครองได้อยู่จนถึงวันที่ 8 ธ.ค. 61
แต่ปรากฏว่าทาง กสทช. ได้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามาดำเนินการรื้ออุปกรณ์ ทั้งหมดของบริษัทในวันที่ 8 พ.ย. ซึ่งเป็นระยะเวลาเพียงแค่ 60 วันเท่านั้นเอง สำหรับกรณีทางบริษัทก็น้อมรับในการดำเนินการของ กสทช. แม้ว่าจะยังไม่ครบกำหนดระยะเวลาที่ให้ทางบริษัทยื่นคัดค้านต่อศาลปกครองก็ตาม
นายสมชาย กล่าวต่อไปว่า สำหรับการดำเนินการนั้นทางบริษัทมีสิทธิ์ยื่นคัดค้านกับศาลปกครองภายใน 90 วัน ซึ่งทางบริษัทยืนยันว่าจะยื่นศาลปกครองเพื่อขอใบอนุญาตดำเนินกิจการกลับคืนมา ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการเตรียมเอกสาร ซึ่งจะเดินทางไปยื่นภายในระยะเวลาที่กำหนดแน่นอน
ส่วนการยื่นคัดค้านคำสั่งของ กสทช. เพื่อขอใบอนุญาตกลับมานั้นยังไม่สามารถระบุได้ว่าผลจะเป็นอย่างไร แต่ถ้าผลออกมาเป็นอย่างไร จะได้หรือไม่ได้ ถ้าได้มาแล้วทางเคพีพี จะเดินหน้าต่อไปอย่างไรทางบริษัทจะแจ้งให้สมาชิกทราบอีกครั้ง
เพราะขณะนี้ยังไม่แน่ใจว่าอุปกรณ์ที่ถูกยึดไปบางอย่างจะยังสามารถใช้งานได้หรือไม่เพราะบางชิ้นเป็นอุปกรณ์ที่จะต้องมีกระแสไฟฟ้าเลี้ยงตลอด เมื่อถอดออกไปแล้วอาจจะไม่สามารถนำกลับมาใช้ได้ ถ้าได้มาก็ต้องเอาอุปกรณ์มาเช็คก่อน และเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคดีความถ้าคดีความไม่เสร็จก็ต้องมีการเยียวยาไปเรื่อยๆ เพื่อไม่ให้ลูกค้าได้รับผลกระทบ
นายสมชาย กล่าวต่อไปว่า สาเหตุที่ทางบริษัทถูกยกเลิกใบอนุญาต ก็อย่างที่ทราบว่าเกิดจากทางบริษัทไม่ได้จ่ายค่าธรรมเนียมต่อใบอนุญาตในปี 2559 ซึ่งเรื่องนี้ทางบริษัทก็ยอมรับ ซึ่งที่ผ่านมาทางบริษัทก็กำลังอยู่ระหว่างการผ่อนจ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาตปี 2558 ยังไม่ครบ
ซึ่งเรื่องนี้ก็จะต้องมีการพูดคุกหากทาง กสทช.จะให้จ่ายทางบริษัทก็จะต้องหาเงินมาจ่ายให้ครบ แต่ที่ผ่านมายังไม่ได้มีการพูดคุย ซึ่งเราก็ต้องน้อมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น แต่จะพยายามแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ถ้า กสทช.ให้จ่ายย้อนหลักก็จะไปจ่าย แต่ในคำสั่งยกเลิกไม่มีการพูดเรื่องนี้ มีแท้ทิ้งคำสั่ง ว่า ถ้าหากไม่พอใจในคำสั่งยกเลิกให้ไปยื่นอุทธรณ์คำสั่งกับศาลปกครอง
ปัจจุบันเราต้องยอมรับว่า ธุรกิจเคเบิ้ลตกลง เพราะเทคโนโลยีที่ทันสมัยขึ้น แต่ก็ยังมีประชาชนอีกจำนวนมากที่ยังใช้บริการของเคเบิ้ลอยู่ ปัจจุบันยังมีลูกค้าที่ใช้บริการแม้ว่าจะไม่มากเหมือนเมื่อก่อนก็ตาม
