ปาฏิหาริย์รักแท้ ภรรยาหายตัว 31 ปี สามีไม่หมดหวัง สุดท้ายเจอในบ้านพักคนชรา
ปาฏิหาริย์รัก 31 ปี ภรรยาหายตัวไปนานเกือบครึ่งชีวิต แต่สามีไม่เคยหมดหวัง สุดท้ายพบในบ้านพักคนชรา หลังรู้เหตุผลที่หายตัวมีอึ้ง เกิดจากความเข้าใจผิดของคู่รัก
สำนักข่าวต่างประเทศ ladbible รายงานถึงเรื่องราวอันน่าเหลือเชื่อที่เกิดขึ้นกับชีวิตรักของสองตายาย ที่พลัดพรากจากกันไปเมื่อ 31 ปีก่อน แพทริเซีย คอปทา (Patricia Kopta) ถูกประกาศว่า เป็นบุคคลสูญหายในปี 1992 สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ บ็อบ คอปทา (Boc Kopta) สามีของเธอต้องทนทุกข์ทรมานมานานกว่าสามทศวรรษ และที่ยิ่งไปกว่านั้น การหายตัวไปของภรรยาได้ทำให้ผู้เป็นสามีตกเป็นผู้ต้องสงสัย
เรื่องราวทั้งหมดเริ่มต้นในวันที่ 20 มิถุนายน 2535 ‘แพทริเซีย’ วัย 52 ปี หายออกไปจากละแวกบ้านของเธอที่ย่านนอร์ทฮิลส์ เมืองพิตต์สเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย ‘บ็อบ’ ใช้เวลาตามหานานสองสามเดือน แต่ก็ไม่พบ จนในที่สุดจึงตัดสินใจเข้าแจ้งความกับตำรวจ ในวันที่ 27 พฤศจิกายนของปีเดียวกัน เหตุที่ทำให้บ็อบยังไม่บุ่มบ่ามไปแจ้งความก็เพราะ ภรรยาของเขามีอาการป่วยทางจิต ทำให้มีพฤติกรรมเดินหลงออกจากบ้านอยู่หลายครั้ง
แพทริเซียเป็นชาวคาทอลิกที่เคร่งครัดในศาสนาอย่างมาก เธอยังเคยอ้างว่าเห็นพระแม่มารี และมักจะเทศนาเกี่ยวกับศาสนาให้ผู้อื่นฟัง ทั้งยังเคยป่าวประกาศให้คนแปลกหน้าฟังว่า เราทุกคนจะต้องตายในสงครามนิวเคลียร์
หลังจากการตามหาของตำรวจไม่เป็นผล แพทริเซียจึงถูกจัดให้เป็นบุคคลสาบสูญที่เสี่ยงต่อการประสบเหตุร้ายแรง และมีการออกคำสั่งให้ค้นหา ซึ่งกลอเรีย (Gloria) น้องสาวของแพทริเซียเชื่อว่า พี่สาวอาจหนีไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เปอร์โตริโก ซึ่งเป็นสถานที่ที่เธอชอบไปเที่ยวพักผ่อน ก่อนจะมาแต่งงานกับบ็อบ
อย่างไรก็ตามไม่มีใครรู้ความจริงว่า หญิงสาวคนนี้หายไปอยู่ที่ไหน ซึ่งนั่นทำให้บ็อบเป็นกังวลว่า เธออาจจะ “นอนตายอยู่ในคูน้ำที่ไหนสักแห่ง” หรือ “ประสบอุบัติเหตุร้ายแรงจนเสียชีวิต” เขาถึงขั้นจ้างหมอดู และลงประกาศตามหาเธอในหนังสือพิมพ์เปอร์โตริโก แต่ก็ไร้วี่แวว ต่อมา 7 ปีให้หลัง ครอบครัวของเธอจึงได้รับคำประกาศทางกฎหมายให้แพทริเซียเป็นผู้เสียชีวิต
จวบจนกระทั่งในปี 2566 หลังจากที่นักสังคมสงเคราะห์ติดต่อกับเจ้าหน้าที่คนหนึ่งจึงสืบทราบได้ว่า แพทริเซียอาศัยอยู่ในบ้านพักคนชราแห่งหนึ่งในเปอร์โตริโก
เมื่อข่าวแพร่ออกไป บ็อบ วัย 86 ปี ผู้ซึ่งไม่เคยแต่งงานใหม่ แม้ทางการจะประกาศให้ภรรยาเป็นผู้เสียชีวิต ได้เปิดเผยต่อสื่ท้องถิ่นว่า “มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้า แต่มันก็โล่งใจ เมื่อภรรยาของคุณหายตัวไป คุณก็เป็นผู้ต้องสงสัย”
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา บ็อบถูกใครต่อใครตีตราว่าเป็นผู้ต้องสงสัย “หลังจากผ่านไป 30 ปี คุณพยายามที่จะลืมมันไป และตอนนี้ก็สามารถทำได้แล้ว เป็นเรื่องดีที่ตอนนี้เธอก็ได้รับการดูแล แพทริเซียสามารถกลับบ้านได้ทุกเมื่อ แต่ที่แห่งนั่นคือสิ่งที่เธอต้องการ เพราะเธอพูดเสมอว่า ฝันอยากจะไปอยู่ในที่ที่มีอากาศอบอุ่น”
แม้ว่าเธอจะไม่ค่อยพูดถึงอดีตของเธอ แต่เธอก็เริ่มเปิดใจมากขึ้นเมื่อเธอป่วยเป็นโรคสมองเสื่อม ซึ่งหลังจากสืบทราบเพิ่มเติมจากแพทริเซียจึงได้รู้ว่า เธอเดินทางไปเปอร์โตริโกโดยลำพังในปี 2542 ก่อนที่จะถูกนำตัวส่งไปอยู่ในบ้านพักคนชรา
อย่างไรก็ดี เพื่อความแน่ใจ เจ้าหน้าที่จึงดำเนินการตรวจ DNA ซึ่งผลก็ยืนยันว่า ผู้หญิงนี้คือแพทริเซียจริง ๆ เมื่อรู้เช่นนั้นกลอเรีย น้องสาวของเธอก็รู้สึกโล่งใจมาก และรีบบินตรงไปเปอร์โตริโกเพื่อพบกับพี่สาวที่หายสาบสูญไปนาน
กลอเรียให้สัมภาษณ์ว่า “ขอบคุณมากที่ได้รู้ว่าพี่สาวยังมีชีวิตอยู่และสบายดี เธอได้รับการดูแลอย่างดี เราคิดจริง ๆ ว่าเธอตายไปแล้วตลอดหลายปีที่ผ่านมา มันเป็นเรื่องที่น่าตกใจมากที่รู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่”
ทั้งนี้ ตำรวจสันนิษฐานว่า แพทริเซียอาจจะทิ้งสามีและประเทศของเธอไป หลังจากที่เข้าใจผิดคิดว่า จะถูกส่งตัวเข้าสถานบำบัด เหตุเพราะมีสภาพจิตใจไม่ปกติ
ข้อมูลจาก ladbible
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง