ข่าวภูมิภาค

ซอยด๊อกแถลงการณ์เรียกร้องให้ฮานอยยุติการบริโภคเนื้อสุนัขและแมวก่อนการแข่งขัน F1

มูลนิธิเพื่อสุนัขในซอยซึ่งเป็นหนึ่งในแกนนำในการต่อสู้กับขบวนการค้าเนื้อสุนัขในภูมิภาคเอเชียได้ออกมาเรียกร้องเวียดนามให้ยกเลิกการบริโภคเนื้อสุนัขและแมวอย่างจริงจังอีกครั้ง

มูลนิธิฯได้ออกมาเรียกร้องในเรื่องดังกล่าวอีกครั้งหลัง ลิเบอร์ตี้ มีเดีย (Liberty Media) ผู้จัดงานแข่งขันรถระดับโลกอย่าง รถสูตรหนึ่งหรือฟอร์มูลา วัน (Formula One หรือ F1) ได้ตกลงที่จะจัดการแข่งขันกรังด์ปรีซ์ในเมืองฮานอยหลายปีติดต่อกัน

Advertisements

นายจอห์น ดัลลีย์ ผู้ก่อตั้งมูลนิธิเพื่อสุนัขในซอยกล่าวว่า “การที่ทางการของฮานอยออกมาประกาศก่อนหน้าว่าจะมีการแบนเนื้อสุนัขในเขตเมืองฮานอยตั้งแต่ปีพ.ศ.2564 นั้น แสดงให้เห็นถึงความตระหนักในผลเสียที่จะเกิดกับภาพลักษณ์ของเมืองจากการบริโภคเนื้อสุนัขและแมว”

“เราอยากให้ทางการฮานอยลองพิจารณาจากเคสที่มีประเด็นขัดแย้งเกี่ยวกับเนื้อสุนัขในประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งกลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างในช่วงการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวที่เมืองพย็องชัง จังหวัดคังว็อน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา”

“สิ่งที่แตกต่างออกไปคือ การแข่งขันฮานอยกรังด์ปรีซ์ นี้เป็นงานแข่งขันประจำปีที่จะจัดขึ้นทุกปี ซึ่งการซื้อขายหรือบริโภคเนื้อสุนัขและแมวนี้ก็จะถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางซ้ำแล้วซ้ำเล่า”

“เราขอเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจในเมืองฮานอยเริ่มดำเนินการยุติการบริโภคเนื้อสุนัขและแมว รวมทั้งการกระทำทารุณต่อสุนัขและแมวอื่นๆ อย่างเคร่งครัดตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อเป็นการรักษาชื่อเสียงในระดับนานาชาติ และเตรียมความพร้อมการแข่งกรังด์ปรีซ์เริ่มขึ้นในปีพ.ศ.2563”

แต่ละปี มีสุนัขและแมวจำนวนประมาณห้าล้านตัวถูกเชือดเพื่อเป็นอาหารในประเทศเวียดนาม โดยสัตว์เหล่านี้เป็นทั้งสัตว์จรจัดที่ถูกจับมา และสัตว์เลี้ยงที่ถูกขโมยมาจากเจ้าของ

Advertisements

สุนัขและแมวเหล่านี้จะถูกลำเลียงอัดมาในกรงแคบๆ ที่พวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะขยับตัวได้ และไม่ได้กินน้ำหรืออาหารใดๆ เลย หลังจากถูกขนส่งไปถึงสถานที่ชำแหละแล้ว พวกเขาจะถูกยัดเยียดให้กินข้าวหรือแม้กระทั่งอุจจาระให้หลายๆ ครั้ง เพื่อเพิ่มน้ำหนักก่อนที่จะตีด้วยกระบอง เชือดด้วยมีด หรือเผาทั้งเป็น ในโรงเชือดสกปรก ไม่มาตรฐาน และผิดกฎหมาย

นอกจากในเรื่องของความทารุณแล้ว เนื้อสุนัขยังเสี่ยงที่จะเป็นอันตรายอย่างร้ายแรงต่อสุขภาพของผู้บริโภคอีกด้วย

เมื่อปีพ.ศ.2552 มีการแพร่ระบาดของอหิวาตกโรคในตอนเหนือของเวียดนาม และหลังจากการพิสูจน์แล้วพบว่าเกิดจากการบริโภคเนื้อสุนัขที่ติดเชื้อดังกล่าว

นอกจากนี้ โรคเรบีส์ (พิษสุนัขบ้า) ยังเป็นเรื่องที่น่ากังวลอีกเรื่องหนึ่ง และประเทศเวียดนามรวมถึงประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็ได้ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะต้องปลอดจากเชื้อเรบีส์ภายในปีพ.ศ.2563 ทั้งนี้ นายจอห์นได้ชี้แจงต่อหน่วยงานภาครัฐ เมื่อประมาณปีพ.ศ.2556 ไว้ว่า “การยุติขบวนการค้าเนื้อสุนัข ไม่ใช่วิธีที่จะกำจัดโรคเรบีส์ให้หมดไปอย่างสิ้นเชิง แต่โรคเรบีส์จะไม่มีวันหมดไปอย่างแน่นอน หากยังมีสุนัขที่ไม่ได้รับการควบคุมโรค ถูกลำเลียงส่งข้ามชายแดนอยู่อย่างต่อเนื่อง”

ผู้ที่สนับสนุนการบริโภคเนื้อสุนัขในเวียดนามนั้น มักจะอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมการบริโภคของประเทศมานับร้อยปี โดยเชื่อว่าจะนำมาซึ่งโชคลาภและช่วยเพิ่มสมรรถภาพทางเพศในผู้ชาย

อย่างไรก็ตาม นายจอห์นได้กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า “การบริโภคเนื้อสุนัขและแมวในฮานอยนั้นเป็นปรากฏการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นมา ในช่วงสมัยสงครามประกาศอิสรภาพ โดยที่ปรึกษาทางการทหารของจีนได้นำวิธีการบริโภคดังกล่าวมาเผยแพร่”

“ความทารุณไม่ใช่ส่วนหนึ่งของวัฒนธรรม และฮานอยเองก็กำลังเติบโตเข้าสู่ศตวรรษที่ 21 การกระทำป่าเถื่อนเหมือนในยุคมืดเช่นนี้จึงควรจะหมดเสียที”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ใส่ความเห็น

Back to top button