แพทย์ตกใจ คนหนุ่มสาวป่วยไตวาย 3 รายรวด เจอจุดร่วม มีสิ่งนี้เหมือนกัน

นายแพทย์ ไทย ตูดอง (Thai Tu Dong) รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนหนิงโป ประเทศจีน และหัวหน้าแผนกโรคไตของโรงพยาบาล ได้อธิบายถึงเคสนี้ว่า ซึ่งพวกเธอเป็นสาวอายุยังน้อย เพียง 30 ปีเศษ แต่สภาพไตกลับเสียหายอย่างหนัก

ผู้ป่วยหญิงรายแรกที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลคือ ตรีฮวา (Trieu Hoa) วัย 31 ปี ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ผู้ป่วยมีอาการปวดหัวและเวียนศีรษะ แต่ไม่ได้ไปพบแพทย์ เพราะคิดว่าเป็นเพียงความเครียด แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้อาการปวดหัวกลับรุนแรงขึ้น สุดท้ายจึงตัดสินใจไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจอย่างละเอียด โดยผลการตรวจพบว่า ความดันโลหิตสูงถึง 226/140mmHg และค่า creatinine ในเลือดก็พุ่งสูงอยู่ที่ 911μmoI/L

ผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยว่าเป็น โรคความดันโลหิตสูง ภาวะไตถูกทำลาย อย่างรุนแรง และ ภาวะ uremic หรือ กลุ่มอาการในภาวะท้ายของโรคไตวาย ส่งผลให้ผู้ป่วยจะต้องได้รับการรักษา ด้วยการล้างไตทางช่องท้อง ซึ่งเป็นการรักษาเพื่อทดแทนไต มักใช้กับผู้ป่วยไตวาย

ส่วนผู้ป่วยรายที่สองมีชื่อว่า ตูเหือก (Tu Hieu) อายุ 36 ปี เธอไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจหาสาเหตุอาการวิงเวียนศีรษะ และเมื่อเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ความดันโลหิตก็เพิ่มขึ้นเป็น 213/146mmHg และ creatinine ในเลือดสูงที่ 1006μmoI/L แต่โชคดีที่หลังจากเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล ความดันโลหิตก็ลดลงจนอยู่ในระดับปกติ แต่ไม่สามารถฟื้นฟูการทำงานของไตได้ ผู้ป่วยยังคงต้องเข้ารับการฟอกไต

หญิงรายที่สาม นามว่า ทราน วี (Tran Vy) สาววัย 31 ปี เธอเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยอาการวิงเวียนศีรษะ ทั้งยังมีความดันโลหิตอยู่ที่ 174/98mmHg ซึ่งผู้ป่วยรายนี้ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคไตวายและต้องฟอกเลือด

ภายหลังการรักษาอาการป่วยของหญิงสาวทั้งสาม ‘นายแพทย์ไทย ตูดอง’ พบว่า ผู้ป่วยมีหนึ่งอาการร่วมที่เหมือนกันคือความดันโลหิตสูง “ผู้ป่วยมีสัญญาณเตือนของความดันโลหิตสูง ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดศีรษะ และวิงเวียนศีรษะ” แต่ทั้งสามคนกลับไม่สนใจ และคิดว่าเป็นอาการปกติที่อาจเกิดขึ้นได้ จึงไม่ไปหาหมอ

นานวันเข้าเมื่อร่างกายแสดงความผิดปกติอย่างต่อเนื่อง ผู้ป่วยจึงค่อยไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจ แต่ด้วยเหตุที่ความดันโลหิตสูงมาเป็นเวลานาน ไตจึงเสียหายอย่างรุนแรงและไม่ฟื้นคืนได้แล้ว

‘ความดันโลหิตสูง’ เกี่ยวข้องกับ ‘ภาวะไตวาย’ อย่างไร

จากข้อมูลของสถาบันโรคเบาหวาน โรคทางเดินอาหาร และโรคไตแห่งชาติ (NIDDK) ระบุว่า ความดันโลหิตสูงเป็นสาเหตุอันดับสองของภาวะไตวายในสหรัฐอเมริกา รองจากโรคเบาหวาน ซึ่งโรคความดันโลหิตสูงนี้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจทำให้หลอดเลือดในไตเสียหาย ทำให้ไตไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพในการกำจัดของเสียและของเหลวส่วนเกินออกจากร่างกาย ของเหลวที่สะสมยังคงเพิ่มความดันโลหิต ซึ่งเป็นกระบวนการต่อเนื่องที่อาจทำให้เกิดภาวะไตวายเรื้อรัง

ในขณะเดียวกัน นายแพทย์ไทย ตูดอง ก็กล่าวว่า โรคความดันโลหิตสูง หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนทางไต ดังนั้นการควบคุมความดันโลหิตจึงมีบทบาทสำคัญในการป้องกันภาวะไตวายเรื้อรัง

ห่างไกลโรคได้ง่าย ๆ เพียงปรับวิถีชีวิต

นอกจากการควบคุมความดันโลหิตแล้ว ทุกคนสามารถรักษาร่างกายให้ห่างไกลโรค ด้วยการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตตามข้อแนะนำ ดังนี้

• ออกกำลังกายสม่ำเสมอ สัปดาห์ละ 5 ครั้ง ครั้งละ 30 นาที
• รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ รับประทานอาหารที่มีโปรตีนต่ำ และรับประทานผักและผลไม้ให้มาก
• ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
• ไม่สูบบุหรี่
• ห้ามใช้ยาแก้ปวดและยาแก้อักเสบโดยพลการ
• ตรวจสุขภาพเป็นประจำและควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ดี
• ตรวจคัดกรองเป็นประจำสำหรับผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงสูง เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคอ้วน สมาชิกในครอบครัวที่มีโรคไตเรื้อรัง

อย่างไรก็ดี จากกรณีของผู้ป่วยหญิง 3 รายที่กล่าวข้างต้น ผู้เชียวชาญจากแผนกโรคไตของโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนหนิงโป ประเทศจีน ได้แนะนำเพิ่มเติมว่า เมื่อใดที่คนหนุ่มสาวสังเกตได้ถึงสัญญาณของความดันโลหิตสูงที่น่าสงสัย ทุกคนจำเป็นต้องรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาและรักษาโรคโดยทันที นั่นก็เพื่อจำกัดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้น

ข้อมูลจาก soha

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง