ปลดล็อก ‘กัญชา’ ปลดล็อกประโยชน์ทางการแพทย์
สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ รายงานว่า ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขกำลังเร่งศึกษาและวิจัยเกี่ยวกับแนวทางการนำมาใช้รักษาผู้ป่วย และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ อยู่ระหว่างการแก้กฎหมายเพื่อนำกัญชา ออกจากบัญชียาเสพติด ให้สามารถนำมาใช้ในการรักษาพยาบาลได้ โดยในอนาคตหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องกำหนดพื้นที่เพาะปลูก เพื่อสามารถควบคุมในวงจำกัด เมื่อกระบวนการแล้วเสร็จจะเป็นประโยชน์ในการรักษาผู้ป่วยต่อไป
ด้าน ศาสตราจารย์ นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา อาจารย์ประจำคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การปลดล็อก ‘กัญชา’ เพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ถือเป็นอีกข้อพิสูจน์หนึ่งของรัฐบาล ว่าเห็นความสำคัญของผู้ป่วย หรือข้อความในกฎหมายมากกว่ากัน พร้อมย้ำว่า ประเทศไทย ไม่ควรเสียเวลาอีกต่อไปแล้ว เพราะหากยังไม่ปลดล็อก ‘กัญชา’ ก็จะทำให้ผู้ป่วยเสียโอกาสการรักษาไปทุกๆ นาที
ข้ามไปอีกซีกโลกหนึ่ง ‘แคนาดา’ กลายเป็นประเทศที่ 2 ในโลกใบนี้ ประกาศว่า การขายและเสพกัญชาเพื่อสันทนาการ สามารถกระทำได้อย่างถูกกฎหมาย โดยรัฐบาลแคนาดา หวังว่า จะลดการขายและการเสพอย่างผิดกฎหมาย และผลักดันให้คนซื้อจากผู้ขายที่ถูกกฏหมายซึ่งอาจจะสร้างรายได้จากภาษี 400 ล้านดอลลาร์แคนาดา และกระตุ้นเศรษฐกิจแคนาดา ได้มากถึง 1,100 ล้านดอลลาร์แคนาดา
นักวิชาการเชื่อว่า กัญชา นั้นมีฤทธิ์ในการทำลายเซลล์ประสาทของสมอง บทความนี้จึงมีเรื่องน่ารู้เกี่ยว กัญชา ในอีกด้านหนึ่งมาฝากกัน
กัญชา มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Cannabis indica ซึ่งถือว่าไม่เป็นสารเสพติด เพราะเป็นพืชล้มลุกเช่นเดียวกับพืชจำพวกหญ้า ไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงแม้เลิกเสพกะทันหัน กัญชาเป็นพืชที่ปลูกง่าย ในปัจจุบันได้มีการผลักดันจากหลายประเทศทั่วโลกเพื่อให้กัญชาไม่ผิดกฏหมาย แต่ให้อยู่ภายใต้การควบคุม และถ้าหากใช้ในปริมาณที่เหมาะสม กัญชาก็ยังมีสรรพคุณในทางบวก
สรรพคุณทางการแพทย์
ในทางการแพทย์นั้นได้มีการใช้ กัญชา เพื่อบำบัดรักษาอาการเจ็บป่วยได้หลายอย่าง เช่น บรรเทาอาการไอ อ่อนล้า และโรคข้อ เป็นต้น กัญชา ยังสามารถนำมาใช้บรรเทาอาหารหอบหืด เพราะมีคุณสมบัติที่ช่วยขยายหลอดลม ช่วยบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรน ปวดประจำเดือน แต่ถึงอย่างไรก็ตาม หากใช้ในปริมาณที่มากจนเกินไปก็ย่อมก่อให้เกิดผลเสียได้เช่นเดียวกัน เพราะจะทำให้ความคิดเลื่อนลอยสับสน ควบคุมตัวเองไม่ได้ ไม่สนใจสิ่งแวดล้อม ความจำเสื่อม กล้ามเนื้อลีบ หัวใจเต้นเร็ว และหูแว่ว แต่หากใช้ในปริมาณที่เหมาะสมสำหรับทางการแพทย์ก็จะมีประโยชน์เป็นอย่างมาก
1. กัญชาไม่ใช่ยาเสพติด
เพราะมีความแตกต่างจากสารเสพติดชนิดอื่น ๆ สำหรับผู้ที่เสพในปริมาณมาก ติดต่อกันเป็นเวลานาน หากไม่หยุดเสพกะทันหันก็จะไม่เกิดอาการลงแดง เพราะกัญชาเป็นพืชธรรมชาติ จึงไม่มีสารเคมีใด ๆ ที่จะกระตุ้นทำให้อยากเสพกัญชา จึงไม่เป็นผลกระทบทั้งทางร่างกายและจิตใจอย่างรุนแรง ซึ่งจะแตกต่างจากบุหรี่ที่เลิกได้ยากกว่ากันมาก เพราะในบุหรี่นั้นมีการเติมส่วนผสมพิเศษมากถึง 599 ชนิด
2. กัญชาไม่ได้ทำลายสมอง
จากการวิจัยของ UCSD ได้ทำการทดลองเปรียบเทียบการทำงานของสมองผู้เสพกัญชาเป็นประจำกับผู้ที่ไม่ได้เสพ พบว่ากัญชานั้นส่งผลกระทบต่อสมองน้อยมาก ซึ่งน้อยกว่าการดื่มแอลกอฮอล์เสียอีก ที่สำคัญกัญชาไม่ได้มีผลกระทบต่อความสามารถในการตอบสนองต่อสิ่งรอบข้าง จึงทำให้สามารถทำกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี และไม่ได้ทำให้การขับขี่ยานพาหนะลดลง
3. เหล้า บุหรี่ อันตรายกว่ากัญชา
การออกกฎหมายว่าสิ่งใดผิดกฎหมายนั้น จะไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในเรื่องสุขภาพ เพราะขณะที่เหล้าและบุหรี่ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างมากยังขายกันได้อย่างเสรี โดยสิ่งเหล่านี้ได้คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างมากมาย อีกทั้งโรคมะเร็งปอดก็ยังมีสาเหตุมาจากการสูบบุหรี่เช่นเดียวกัน
4. กัญชาเป็นวัตถุดิบทางอุตสาหกรรมคุณภาพดี
กัญชาได้ถูกนำมาใช้เป็นวัตถุดิบเพื่อใช้ผลิตสินค้าอุตสาหกรรมมากกว่า 25,000 ชนิด ซึ่งในอดีตนั้น กัญชาถูกปลูกเพื่อใช้ในการผลิตกระดาษและวัสดุสิ่งทอคุณภาพสูง โดยกระดาษที่ผลิตจากกัญชาจะมีความคงทน ไม่ขาดง่าย และยังสามารถนำมาผลิตเป็นเส้นใยไฟเบอร์เชือกที่แข็งแรงที่สุด ใช้ทำเป็นอาหารสัตว์ อีกทั้งยังสามารถนำมาทำเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับรถยนต์ได้
5. กัญชาเป็นยาวิเศษ
หลายคนคงเคยได้ยินว่า เมื่อนำกัญชามาผสมลงในอาหารจะทำให้อาหารมีรสชาติที่อร่อยมาก กลายเป็นอาหารเลิศรสที่หลายคนติดใจ นอกจากนี้ กัญชายังมีสรรพคุณที่ดีสำหรับการใช้เป็นยารักษาโรค โดยจะช่วยรักษาอาการเบื่ออาหารในโรคเอดส์ อีกทั้งสาร THC ในกัญชายังช่วยลดอาการคลื่นไส้อาเจียนในผู้ป่วยมะเร็ง ช่วยรักษาโรคไขมันอุดตันหลอดเลือดจากการสูบบุหรี่ โรคหัวใจ และยังสามารถใช้รักษาโรคผิวหนังได้เป็นอย่างดี
6. ดีต่อการฝึกโยคะ
กัญชากับการฝึกโยคะนั้น เป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งที่ช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรง ช่วยแก้ปัญหาความเครียดได้ เพราะการใช้ชีวิตในแต่ละวันล้วนก่อให้เกิดความเครียดสะสมอยู่ตามกล้ามเนื้อ ดังนั้นการฝึกยืดเส้นกล้ามเนื้อจะทำให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ซึ่งส่งผลโดยตรงต่ออารมณ์ โดยในปัจจุบันในห้องเรียนโยคะจะมีการใช้กัญชาผสมผสานกับการทำโยคะ เพื่อช่วยสร้างความผ่อนคลายได้มากขึ้น
อันตรายจากการใช้กัญชา
- ทำให้ร่างกายอ่อนแอ สารที่อยู่ในกัญชาสามารถทำลายการทำงานของอวัยวะได้หลายส่วน ซึ่งจะทำให้ร่างกายอ่อนแอ อ่อนเพลีย น้ำหนักตัวลดลงและทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้ง่าย
- ทำลายสมรรถภาพทางกาย ผู้ที่เสพกัญชาในปริมาณมาก ๆ เป็นเวลานานจะทำให้ร่างกายเสื่อมโทรม จนไม่สามารถทำงานได้ โดยเฉพาะงานที่ต้องใช้แรงกาย ความคิด และการตัดสินใจ
- ทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ซึ่งมีผลร้ายเหมือนกับโรคเอดส์ โดยระบบภูมคุ้มกันในร่างกายจะเสื่อมตัวลงหรือบกพร่อง และติดเชื้อโรคต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น
- มีอาการทางจิต ผู้ที่เสพกัญชาในปริมาณมาก มักจะเป็นโรคจิตในภายหลัง โดยมักจะเกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น วิตกกังวล หวาดระแวง ทำให้มีอาการเลื่อนลอย สับสน ฟั่นเฟือง และเกิดอาการประสาทหลอน จนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ หากเสพเป็นระยะเวลานานจะทำให้สภาพจิตเสื่อม
จากข้อมูลดังกล่าวจะเห็นได้ว่า กัญชา ไม่ได้จัดเป็นสารเสพติดอย่างที่หลายคนเข้าใจ และไม่ได้มีผลในการทำลายสมอง เพราะเป็นสารจากธรรมชาติ เมื่อหยุดเสพ ก็ไม่ได้ก่อให้เกิดอาการลงแดง อีกทั้งในทางการแพทย์ก็ได้มีการใช้ กัญชา เพื่อบำบัดรักษาโรคมากมาย เพียงแต่ต้องใช้ในปริมาณที่เหมาะสมเท่านั้นก็จะก่อให้เกิดคุณมากกว่าโทษ
ขอบคุณข้อมูล : honestdocs.co voicetv.co.th