ขนลุกซู่ เด็ก 7 ขวบ มีอาการคล้าย ‘ผีเข้า’ หลังดื่มน้ำเต้าหู้ หมอชี้สาเหตุ คลายปมหลอน
จากน้ำเต้าหู้สู่ความหลอน เด็กหญิง 7 ขวบ มีอาการประหลาด คล้าย ‘ผีเข้า’ หลังดื่มน้ำเต้าหู้โฮมเมดฝีมือคุณพ่อ ก่อนล่วงรู้ความจริงจากปากหมอ ฟังแล้วมีอึ้ง
เว็บไซต์ต่างประเทศ ctwant รายงานถึงเคสอุทาหรณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวชาวจีน คู่พ่อลูกถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลโดยด่วน ด้วยอาการหลอน หลังดื่มน้ำเต้าหู้ทำเอง
เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้นในวันหนึ่ง เด็กหญิงชาวจีน นามว่า เค่อเค่อ (นามสมมติ) รับประทานอาหารเช้ากับคุณพ่อตามปกติ โดยในมื้อนั้นก็ได้ดื่มน้ำเต้าหู้โฮมเมดฝีมือคุณพ่อ แต่ด้วยเวลาที่ใกล้เข้าชั่วโมงเร่งด่วน พ่อของเค่อเค่อจึงทำน้ำเต้าหู้ด้วยความรีบร้อน โดยไม่คาดคิดในไม่กี่ชั่วโมงต่อมา พ่อลูกคู่นี้กลับถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการรักษา
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ช่วงเวลาประมาณ 13.30 น. ของวันเกิดเหตุ แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลประชาชนมณฑลเจ้อเจียง ได้รับโทรศัพท์แจ้งเหตุฉุกเฉิน ซึ่งผู้ป่วยเป็นเค่อเค่อและพ่อของเธอที่ถูกหามลงจากรถพยาบาล แผนกฉุกเฉินเรียกรวมทีมแพทย์ฉุกเฉินและทีมกุมารเวชอย่างรวดเร็ว และด้วยประสบการณ์ทางคลินิกที่มากมาย เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์จึงวินิจฉัยได้อย่างรวดเร็วว่า พ่อและลูกสาวป่วย ‘อาหารเป็นพิษ’
หยาง กวงเฟย (Yang Guangfei) รองผู้อำนวยการแผนกกุมารเวชศาสตร์ ที่ปฏิบัติหน้าที่ในแผนกฉุกเฉินในวันนั้น ให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นว่า เด็กหญิงมีอาการตื่นตัวมากผิดปกติ ร้องลั่นคล้ายกับ ถูกผีสิง ซ้ำยังกรีดร้องเป็นประโยคแปลก ๆ บ้างก็ว่า “ครูมาแล้ว” และ “ฉันอยากไปเรียน” ในขณะเดียวกันก็พร่ำเพ้อถึงความทรมานจากอาการป่วยว่า “เวียนหัว”, “รู้สึกไม่สบาย” และ “เจ็บ” แต่เมื่อถูกถามถึงอาการ เด็กน้อยกลับไม่ตอบ พูดไม่รู้เรื่อง
หลังเค่อเค่อมาถูกย้ายมายังหอผู้ป่วยเด็ก รองผู้อำนวยการกุมารเวชศาสตร์ และทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้ทำการตรวจร่างกายอย่างละเอียด พร้อมกับสอบถามคุณแม่เพิ่มเติมถึงอาการของลูกสาว ในระหว่างนั้นแพทย์ก็คอยรักษาอาการเบื้องต้นไปด้วย ทั้งการให้น้ำเกลือ การขับปัสสาวะ และการสวนทวารเพื่อลดการสะสมของสารพิษในร่างกาย
โชคดีที่หลังจากการรักษา สติของเด็กน้อยก็ค่อย ๆ ดีขึ้น และนั่นก็ยิ่งยืนยันได้อย่างดีว่า พฤติกรรมหลอนชวนขนลุกเหล่านั้นเป็นผลมาจากความผิดปกติทางระบบประสาทที่เกิดจากการป่วยอาหารเป็นพิษ
สำหรับผลการิวินิจฉัยเพิ่มเติม พบว่า สาเหตุอาการป่วยครั้งนี้เกิดจาก ‘น้ำเต้าหู้’ เพราะเค่อเค่อรู้สึกไม่สบายตัว หลังจากดื่มได้เกือบหนึ่งชั่วโมง อย่างไรก็ตาม อาการในตอนนั้นไม่รุนแรง เพียงแค่เวียนศีรษะ และไม่มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน และอาการอื่น ๆ ที่มักพบในผู้ป่วยอาหารเป็นพิษ ดังนั้นเธอไม่มีใครเอะใจ
จนกระทั่งต่อมา อาการต่าง ๆ ทั้งเวียนศีรษะรุนแรง สับสน และหงุดหงิด ก็เริ่มทวีคูณความรุนแรงมาากขึ้น ตอนนั้นคุณครูประจำชั้นจึงเริ่มสังเกตได้ถึงอาการแปลกประหลาด ก่อนจะตัดสินใจนำตัวลูกศิษย์ส่งโรงพยาบาลในที่สุด
จากกรณีนี้แพทย์วิเคราะห์ว่า น้ำเต้าหู้อาจจะต้มยังไม่ถึงจุดเดือดดี ประกอบกับที่บรรดาถั่วเหลืองอุดมไปด้วยโปรตีนและมีสารลดแรงตึงผิวตามธรรมชาติ เช่น แซพโพนิน จึงเป็นการง่ายที่จะเกิดฟองจำนวนมากเหนือน้ำเต้าหู้ ซึ่งอาจทำให้ดูเหมือนว่ากำลังเดือด แต่ความความเป็นจริงอุณหภูมิ ณ ตอนนั้น อาจจะอยู่ที่ประมาณ 80 องศาเซลเซียสเท่านั้น
ทั้งนี้ เมื่ออุณหภูมิสูงไม่พอ สารอันตรายในถั่วเหลือง หรือที่เรียกว่าปัจจัยต่อต้านโภชนาการ (รวมถึงสารยับยั้งโปรตีเอส ยูรีเอส เลคติน ฯลฯ) ก็ไม่สามารถถูกทำลายหรือทำให้หมดฤทธิ์ได้อย่างสมบูรณ์ จนนำไปสู่อาการเป็นพิษหลังการบริโภค เช่นนั้นแล้วควรต้มน้ำเต้าหู้ให้เดือดอย่างน้อย 10 นาทีก่อนดื่ม จึงจะเป็นการดีที่สุด
ข้อมูลจาก ctwant
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- วัยรุ่นจีนเสียชีวิต หลังดื่ม ‘น้ำอัดลม’ 1.5 ลิตร ใน 10 นาที แพทย์ถกเป็นได้เหรอ
- จริงหรือไม่ ? ดื่มน้ำเย็นทำเส้นเลือดในสมองแตก ฟังหมอสมองเคลียร์ชัด
- วัยรุ่น 16 ปี ดื่มน้ำวันละ 9 ลิตร กลัวป่วย ไปหาหมอ เจอเนื้องอกในสมอง