ข่าวข่าวต่างประเทศ

ไม่เข็ด? สองเศรษฐีเตรียมนั่งเรือดำน้ำ ชมซากเรือไททานิค พิสูจน์ว่าปลอดภัย

สองเศรษฐีเตรียมนั่งเรือดำน้ำ ชมซากเรือไททานิค เพื่อพิสูจน์ว่าอุตสาหกรรมขณะนี้ปลอดภัยขึ้น หลังเรือไททันระเบิดเมื่อปีที่แล้ว เสียชีวิต 5 ศพ

เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม เว็บไซต์ NYPost รายงาน เศรษฐีชาวโอไฮโอ ประเทศสหรัฐอเมริกา เตรียมจัดทริปดูซากเรือไททานิคอีกครั้ง เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าอุตสาหกรรมดังกล่าวปลอดภัยขึ้นมากนับจากเหตุเรือดำน้ำไททัน ของโอเชียนเกท ระเบิด ส่งให้มีผู้เสียชีวิต 5 ศพ เมื่อปีที่ผ่านมา

นาย แลร์รี่ คอนเนอร์ นักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ กล่าวว่าเขาและ แพทริค ลาเฮย์ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทเรือดำน้ำ ทริทอน ระบุว่าพวกเขาเตรียมลงนั่งเรือดำน้ำเป็นความลึกกว่า 12,400 ฟุต เพื่อชมซากเรือ พร้อมกล่าวว่า เขาอยากแสดงให้ทุกคนเห็นว่าแม้มหาสมุทรจะทรงพลัง แต่มันก็เป็นประสบการณ์ที่สวยงาม และเปลี่ยนแปลงชีวิตได้

FILE – This undated photo provided by OceanGate Expeditions in June 2021 shows the company’s Titan submersible. On Monday, June 19, 2023, a rescue operation was underway deep in the Atlantic Ocean in search of the technologically advanced submersible vessel carrying five people to document the wreckage of the Titanic, the iconic ocean liner that sank more than a century earlier. (OceanGate Expeditions via AP, File)

นาย ลาเฮย์ กล่าวว่าเขาได้ออกแบบเรือดำน้ำมูลค่า 731 ล้านบาท (20 ล้านดอลลาร์) และตั้งชื่อว่า ทริทอน 4000/2 อบิสซอล เอ็กซ์ปลอเลอร์ (Triton 4000/2 Abyssal Explorer) ซึ่งพวกเขาวางแผนว่าจะใช้เป็นเรือดำน้ำหลักในการสำรวจในอนาคต ซึ่งเรือดำนี้ถูกออกมาแบบมาหลายสิบปีแล้ว แต่ในตอนนั้นเทคโนโลยีและอุปกรณ์ยังไม่สมัยเหมือนปัจจุบัน

ทั้งนี้ตอนที่เรือไททันระเบิดนั้น นายลาเฮย์เป็นหนึ่งในคนที่ออกมาแสดงความเห็นว่าบริษัทโอเชียนเกทนั้นมีคำถามถึงมาตรการความปลอดภัย

อย่างไรก็ตามไม่มีการเปิดเผยชัดเจนว่าการเดินทางของทั้งสองนี้จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

Nateetorn S.

ผู้สื่อข่าว ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button