ลูกสาวป่วยจิต ต้องบำบัดโรคเกลียดผู้ชาย สาเหตุสะเทือนใจ เพราะแม่หย่าพ่อ
สำนักข่าวเวียดนาม รายงาน อาจารย์แพทย์ เหงียน เวียต จุง หัวหน้าแผนกสุขภาพจิต (โรงพยาบาล E) กล่าวว่า ได้รับคนไข้หญิงรายหนึ่งชื่อ นัท อัน (อายุ 20 ปี ชาวฮานอย) มาตรวจสุขภาพจิตเนื่องจากความเครียดและการทำร้ายตัวเอง สาเหตุมาจากแรงกดดันในการเรียน รวมถึงความคิดที่ผิดเพี้ยนจากอิทธิพลของแม่
อันอยู่กับแม่ตั้งแต่เด็กเพราะพ่อแม่หย่ากัน แม่ของอันมักจะบอกให้เธอตั้งใจเรียน เป็นคนเข้มแข็งและเป็นอิสระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอย่าไปพึ่งผู้ชายเพราะพวกเขาชั่วร้ายและไม่น่าไว้วางใจ สิ่งนี้สร้างแรงกดดันอย่างมากให้อัน
อันตั้งเป้าหมายที่จะไปเรียนต่อต่างประเทศ จึงตั้งใจเรียนทั้งวันทั้งคืน เธอพยายามทำทุกอย่างให้สมบูรณ์แบบ เมื่อผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามที่ต้องการ อันก็จะกดดันตัวเอง จนนำไปสู่ความเครียด ทำร้ายร่างกายเพื่อบรรเทาตัวเอง
“นอกจากนี้ อันยังมองผู้ชายเป็นศัตรู ไม่คบเพื่อนต่างเพศ” อันค่อยๆ ชอบเล่น สนิทสนม และรักเพื่อนเพศเดียวกัน เธอคิดว่าเธอแข็งแกร่งและสามารถปกป้องเด็กผู้หญิงที่อ่อนแอได้
เมื่อแม่ของอันรู้เรื่องนี้ ก็ต่อต้านอย่างรุนแรง ทำให้อันสติแตกและเครียดจัด บวกกับแรงกดดันจากการเรียน อันก็ทำร้ายร่างกายตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขั้นต้องไปพบจิตแพทย์
แพทย์ เหงียน เวียต จุง กล่าวว่า สำหรับคนไข้รายนี้ นอกจากการใช้ยา แพทย์ยังให้การบำบัดทางจิตวิทยาด้วย
หลังจากนั้นไม่นาน อันก็เปิดใจกับผู้ชายมากขึ้นและเริ่มติดต่อกับเพื่อนผู้ชายบ้าง แต่ก็ยังมีระยะห่าง หมอจุงกล่าวว่า การจะเปลี่ยนความคิดของเธอไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้เวลานาน เพราะการอบรมสั่งสอนและทัศนคติของแม่ที่มีต่อผู้ชายฝังลึกอยู่ในจิตใจของเธอ
พ่อแม่ที่หย่าร้างควรปฏิบัติต่อลูกอย่างไร?
นักจิตบำบัด พันถิ ลานเฮือง ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยสิทธิเด็ก กล่าวว่า เรื่องราวของอันเป็นเรื่องปกติในหมู่เด็กที่พ่อแม่หย่าร้าง ความผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดคือพ่อแม่
คุณเฮือง กล่าวว่า การหย่าร้างเป็นสิ่งที่ไม่มีใครอยากให้เกิด และเด็กมักจะเป็นผู้ที่เสียเปรียบมากที่สุด แต่เมื่อทั้งคู่ไม่มีความรู้สึกดีต่อกันแล้ว ก็ไม่สามารถบังคับให้อยู่ด้วยกันได้ เพราะจะทำให้ทั้งคู่กดดันและเจ็บปวดมากขึ้น
สำหรับคู่รักที่มีลูกด้วยกัน เมื่อหย่าร้างกัน จำเป็นต้องเตรียมความพร้อมทางจิตใจให้กับเด็กตามวัย เพื่อให้เด็กรับมือกับการแยกทางของพ่อแม่ได้ หากลูกเป็นผู้ใหญ่ ก็ต้องพูดคุยกันตรงๆ เพื่อให้ลูกรับผิดชอบชีวิตตัวเองได้ สำหรับเด็กเล็ก พ่อแม่ควรใช้นิทานประกอบ เพื่อช่วยให้ลูกเห็นภาพอารมณ์หรือสถานการณ์ที่พ่อแม่กำลังเผชิญอยู่ สิ่งนี้จะช่วยให้ลูกเข้าใจการแยกทางของพ่อแม่ได้ดีขึ้น
หากต้องหย่าร้าง พ่อแม่ควรเตรียมความพร้อมทางจิตใจให้กับลูกก่อน เพื่อที่ลูกจะไม่ตกใจหรือผิดหวัง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถึงแม้พ่อแม่จะไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้ว ก็ควรสื่อสารกับลูกเสมอว่า “ถึงพ่อแม่จะอยู่กันคนละบ้าน แต่ก็ยังรักและดูแลลูก” และถามคำถามเช่น “เมื่อพ่อแม่อยู่ห่างกัน จะไม่ทะเลาะกันอีกแล้ว ยังรักลูกเหมือนเดิม ลูกคิดอย่างไร?” การพูดคุยแบบนี้จะช่วยให้เด็กเข้าใจพ่อแม่และเจ็บปวดน้อยลง
เมื่อการหย่าร้างเสร็จสิ้น นักจิตบำบัดแนะนำว่าอย่าผลักไสลูกออกจากพ่อแม่ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ลูกเกลียดพ่อแม่ หรือใช้ชีวิตอย่างหลวมๆ เพราะสูญเสียทางจิตใจ
คุณเฮืองกล่าวว่า เธอเคยให้คำแนะนำในหลายกรณี หลังจากหย่าร้าง แม่มักจะโทษพ่อ ทำให้ลูกเกลียดพ่อตัวเอง ผลักไสพ่อออกไป และเกลียดผู้ชาย นี่เป็นความผิดพลาด ทำให้เด็กๆ มีความคิดและพฤติกรรมที่เบี่ยงเบน
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า หลังจากหย่าร้าง ควรให้ลูกไปมาหาสู่พ่อแม่ได้อย่างอิสระ ไม่ควรห้าม เพราะถ้าลูกเป็นผู้ชาย ในช่วงวัยรุ่น พ่อจะต้องอยู่เคียงข้างเพื่อสอนให้เข้มแข็ง ถ้าแม่บังคับให้ลูกห่างจากพ่อ ก็จะทำให้ลูกพัฒนาได้ไม่เต็มที่
ถ้าเป็นผู้หญิง ลูกต้องการไหล่ที่แข็งแกร่งของพ่อเพื่อเป็นที่พึ่งและปกป้อง เพราะไม่ว่าแม่อยู่ในสถานการณ์ไหน ก็ยังเป็นผู้หญิง ไม่สามารถทดแทนบทบาทและหน้าที่ของผู้ชายได้ทั้งหมด
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม