ข่าวข่าวต่างประเทศ

หมอฝรั่ง ยืนยัน “โลกหลังความตายมีจริง” คนตายแล้วฟื้น เห็นสิ่งนี้เหมือนกัน

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานเรื่องราวของ “เจฟฟรีย์ ลอง” ผู้เชี่ยวชาญด้านรังสีรักษาและมะเร็งวิทยา จากรัฐเคนตักกี้ สหรัฐอเมริกา ผู้เชื่อว่า โลกหลังความตายมีจริง อาศัยการศึกษาประสบการณ์เฉียดตายมากกว่า 5,000 กรณี งานวิจัยของเขาทำให้เขาเชื่อโดยไม่สงสัย

37 ปีที่แล้ว ในตอนที่เจฟฟรีย์เป็นแพทย์ประจำบ้านสาขาโรคมะเร็ง เขาศึกษาการรักษามะเร็งด้วยรังสี ในสมัยนั้นยังไม่มีอินเทอร์เน็ต เจฟฟรีย์จึงต้องค้นคว้าในห้องสมุด วันหนึ่งเขาเปิดเจอวารสารการแพทย์สมาคมอเมริกัน (JAMA) ที่มีบทความเกี่ยวกับประสบการณ์เฉียดตาย

มันทำให้เขาหยุดชะงัก เพราะการเรียนแพทย์สอนเขาว่า คนเรามีเพียงมีชีวิตหรือตาย ไม่มีตรงกลาง แต่จู่ๆ เขากลับอ่านเจอเรื่องราวจากแพทย์โรคหัวใจที่อธิบายถึงผู้ป่วยที่เสียชีวิตแล้วฟื้นขึ้นมา พร้อมกับประสบการณ์ที่ชัดเจนจนแทบไม่น่าเชื่อ

นับตั้งแต่นั้นมา เจฟฟรีย์รู้สึกทึ่งกับประสบการณ์เฉียดตาย (NDE) เขาให้คำจำกัดความ NDE ว่า เป็นประสบการณ์ของผู้ป่วยโคม่าหรือเสียชีวิตแล้ว ไม่มีชีพจร แต่กลับมีสติรับรู้ เห็น ได้ยิน มีอารมณ์ความรู้สึก และมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งอื่น การศึกษาประสบการณ์เหล่านี้ทำให้มุมมองที่เขามีต่อจักรวาลเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง

ผู้ป่วยตายแล้วฟื้น เล่าประสบการณ์วิญญาณออกจากร่างเหมือนๆ กัน

หลังจากเจฟฟรีย์เรียนจบ เขาได้ก่อตั้งมูลนิธิวิจัยประสบการณ์เฉียดตายขึ้น เขาเริ่มรวบรวมเรื่องราวจากผู้ที่มีประสบการณ์ NDE และวิเคราะห์เรื่องราวเหล่านี้ด้วยความคิดแบบนักวิทยาศาสตร์และแพทย์ เขาตัดสินโดยใช้หลักฐานและเริ่มต้นด้วยความสงสัย แต่ด้วยหลักฐานจำนวนมากที่เขาพบ เขาเริ่มเชื่อว่า ชีวิตหลังความตายมีอยู่จริง

ไม่มี NDE ไหนเหมือนกันเลย แต่เมื่อเจฟฟรีย์ศึกษาเรื่องราวเหล่านี้เป็นพันๆ เขาพบรูปแบบเหตุการณ์ที่มีลำดับขั้นตอนที่คาดเดาได้ ประมาณ 45% ของผู้ที่มีประสบการณ์ NDE เล่าว่าพวกเขาออกจากร่างได้ โดยจิตสำนึกแยกออกจากร่างกาย และมักลอยอยู่เหนือร่าง

ผู้มีประสบการณ์ NDE สามารถเห็นและได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัว มักจะเป็นความพยายามอย่างบ้าคลั่งของทีมแพทย์เพื่อช่วยชีวิตพวกเขา มีผู้หญิงคนหนึ่งเล่าว่าเธอเห็นหมอเขวี้ยงเครื่องมือลงพื้นเพราะหยิบผิดอัน ภายหลังหมอท่านนั้นก็ยืนยันว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง

หลังจากออกจากร่างได้ ผู้คนมักบอกว่าพวกเขาถูกพาไปยังอีกภพหนึ่ง หลายคนผ่านอุโมงค์และพบกับแสงสว่างจ้า จากนั้นพวกเขาจะได้พบกับคนที่รักที่ล่วงลับไปแล้ว รวมถึงสัตว์เลี้ยง ทุกคนอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด ส่วนใหญ่เล่าว่า พวกเขารู้สึกถึงความรักและความสงบอย่างท่วมท้น และรู้สึกว่าภพภูมิแห่งนี้เป็นบ้านที่แท้จริงของพวกเขา

ยังไม่พบคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์สำหรับเหตุการณ์ท่องโลกหลังความตาย

ประสบการณ์เหล่านี้อาจฟังดูซ้ำซากจำเจ ไม่ว่าจะเป็นแสงสว่าง อุโมงค์ หรือคนที่รัก แต่หลังจากศึกษามา 25 ปี เจฟฟรีย์เชื่อว่าสิ่งเหล่านี้กลายเป็นภาพจำในวัฒนธรรมความเชื่อเพราะมันเป็นเรื่องจริง เขายังได้ทำงานกับกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบที่เคยมีประสบการณ์ NDE เด็กๆ เล่าประสบการณ์เดียวกับผู้ใหญ่ ซึ่งในวัยนั้น พวกเขาไม่น่าจะเคยได้ยินเรื่องแสงสว่างหรืออุโมงค์หลังความตาย

มีบางคนเล่าเหตุการณ์ที่ดูเหลือเชื่อ ที่ยืนยันได้ในภายหลัง ผู้หญิงคนหนึ่งหมดสติขณะขี่ม้า ร่างของเธออยู่บนเส้นทางเดิม ขณะที่จิตของเธอล่องลอยไปกับม้าที่ควบกลับไปที่คอก ต่อมา เธอสามารถอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นที่คอกม้าได้อย่างแม่นยำ เพราะเธอเห็นทุกอย่างทั้งที่กายเนื้อของเธอไม่ได้อยู่ตรงนั้น และเรื่องนี้ได้รับการยืนยันจากคนที่อยู่ในเหตุการณ์

เจฟฟรีย์เป็นแพทย์ที่เคยอ่านงานวิจัยเกี่ยวกับสมองและพิจารณาคำอธิบายที่เป็นไปได้ทั้งหมดเกี่ยวกับ NDE แต่ไม่มีคำอธิบายใดที่สมเหตุสมผล แม้แต่คำอธิบายทางกายภาพที่พอเป็นไปได้ก็ยังไม่มี

(AP Photo/Rajanish Kakade)

เจฟฟรีย์ยังศึกษาประสบการณ์เฉียดตายเพราะความกลัว เช่น อุบัติเหตุรถยนต์

เจฟฟรีย์ให้คำจำกัดความเฉพาะเจาะจงกับ NDE ว่าบุคคลนั้นจะต้องหมดสติไป แต่ยังมีอีกปรากฏการณ์หนึ่งที่เขาสนใจ คือ สิ่งที่เขาเรียกว่า “fear-death experiences” หรือประสบการณ์เฉียดตายเพราะความกลัว

นี่คือสถานการณ์ที่คุณรู้สึกว่าชีวิตตกอยู่ในอันตราย อาจเป็นอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกือบชน หรือการล้มกระทันหัน คนกลุ่มนี้มักไม่พบอุโมงค์หรือแสงสว่าง แต่พวกเขามักจะเห็นภาพชีวิตตัวเองฉายวาบขึ้นมา

แม้ว่าบางคนที่มีประสบการณ์ NDE จะรายงานว่าพวกเขาเห็นภาพชีวิตตัวเองฉายวาบเช่นกัน แต่มันพบได้บ่อยในกลุ่มประสบการณ์เฉียดตายเพราะความกลัว ผู้คนมักจะนึกถึงเหตุการณ์ตั้งแต่ตอนเป็นเด็กเล็ก ซึ่งพวกเขาจำไม่ได้ด้วยซ้ำ แต่เราสามารถยืนยันได้ในภายหลังโดยการพูดคุยกับสมาชิกในครอบครัว

การศึกษาโลกหลังความตายทำให้เจฟฟรีย์เป็นหมอมะเร็งที่ดีขึ้น

แม้ว่าเจฟฟรีย์จะหลงใหลในเรื่อง NDE แต่งานประจำของเขาคือการช่วยเหลือผู้ป่วยโรคมะเร็ง เขาไม่ได้บอกผู้ป่วยของเขาเกี่ยวกับงานวิจัย NDE ของเขา แต่มันกลับทำให้เขาเป็นหมอที่มีความเห็นอกเห็นใจและมีความรักมากขึ้น

เจฟฟรีย์สามารถช่วยให้ผู้ป่วยเผชิญกับโรคที่คุกคามชีวิตด้วยความกล้าหาญและความมุ่งมั่นมากขึ้น เป้าหมายของเขาคือการช่วยให้พวกเขามีวันที่แข็งแรงบนโลกนี้ แต่เขาเชื่อมั่นว่า หากพวกเขาจากไป พวกเขาจะจากไปอย่างสงบ

อ่านข่าวที่เกียวข้อง

Aindravudh

นักเขียนประจำ Thaiger มีประสบการณ์เขียนข่าวมากกว่า 5 ปี จบการศึกษาด้านภาษาและประวัติศาสตร์ จากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความสนใจ ประเด็นความเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมือง เจาะประเด็นข่าวทางสังคม ด้วยกลวิธีการเล่าเรื่องแบบย่อยง่าย อย่างงานเขียนสร้างสรรค์ สั้น กระชับ จับทุกประเด็น หัวข้อที่เชียวชาญคือเรื่องไลฟ์สไตล์ เลขเด็ด หวยรัฐบาลไทย หวยลาว ช่องทางติดต่อ vajara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button