ธรรมราช แจง “เชื่อมจิต” คือ วิธีทำสมาธิอีกแบบของ อ.น้องไนซ์ ไม่ใช่หลักคำสอน
ธรรมราช ชี้แจง เชื่อมจิต คือ วิธีการหรึ่งของ อ.น้องไนซ์ นั่งสมาธิวิปัสสนากรรมฐานอีกแบบหนึ่ง หลังสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ ยันชัด ไม่มีในพระไตรปิฎก
หลังจากวันนี้ (17 พ.ค.67) นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ออกมายืนยันการ “เชื่อมจิต” ไม่มีอยู่ในพระไตรปิฎก แถม บุญเชิด กิตติธรางกูร ประธานคณะกรรมการตรวสอบกรณีเชื่อมจิต ยังระบุว่า ขัดต่อพระธรรมคุณ 6 ประการ
ล่าสุด ธรรมราช สาระปัญญา ทนายความของครอบครัวน้องไนซ์ โพสต์เฟซบุ๊ก ทนายธรรมราช The Lawyer of legality. แสดงความเห็นสืบเนื่องจากแถลงกาสรของสำนักพุทธดังกล่าว โดยระบุ “ตามที่ผมได้ลั่นสัจจะวาจาไปแล้วว่าจะไม่ให้สัมภาษณ์สื่อทุกสำนักในเรื่องประเด็นอ.น้องไนซ์”
“แต่ผมขออนุญาตเรียนสั้นๆในนี้ครับว่า เชื่อมจิต คือ วิธีการ การทำสมาธิวิปัสสนากรรมฐานอีกแบบหนึ่งที่อ.น้องไนซ์นำพาปฎิบัติ ไม่ใช่หลักคำสอน และท่านรมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ก็ไม่ได้บอกว่า ในส่วนของคำสอนที่อ.น้องไนซ์สอนนั้นผิดเพี้ยนไปจากพระไตรปิฎกตรงไหน”
“ดังนั้นแล้วในประเด็นนี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่คือเรื่องเดิม ที่เคยตอบคำถามไปแล้ว”
“ในทุกประเด็นคดี ไปว่ากล่าวกันในกระบวนการยุติธรรมครับ และยืนยันคำเดิมว่า หากมีเจ้าหน้าที่ของรัฐคนใด กระทำโดยละเมิดต่อกฎหมาย มีเจตนาพิเศษทำให้ได้รับความเสียหาย ยืนยัน ขอเดินหน้าดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 จนกว่าคดีจะถึงที่สุดตามกฎหมายต่อไปครับ”
“ทนายธรรมราช กองบุญทนายความเพื่อปกป้องและสืบทอดพระพุทธศาสนา”.
ก่อนหน้านี้ ฝั่งของ “ทนายธรรมราช” และพ่อแม่น้องไนซ์ ได้มีการยื่นฟ้องคดีกับหลายฝ่าย อาทิ กรรชัย กำเนิดพลอย และผู้บริหารของช่อง 3 รวมถึง นายอภิเชษฐ์ ปานจรัตน์ ผู้อำนวยการสถานพัฒนาและฟื้นฟูเด็กจังหวัดสุราษฎร์ธานี พร้อมพวก ที่เข้าไปที่บ้านเมื่อวันที่ 13 พ.ค.67 ที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน เพจ นิรมิตเทวาจุติ มีการลงโพสต์ว่า “อ.น้องไนซ์ บอกมาตลอดว่า “เชื่อมจิตเป็นวิธีการ” ไม่เคยยืนยันว่าเป็นคำสอน และสำนักพุทธก็ไม่ได้บอกว่าน้องไนซ์ สอนไม่ตรงกับคำสอนของพระพุทธเจ้า”
อัปเดตล่าสุด ทนายธรรมราช ยังได้แจ้งความคืบหน้าเรื่องฟ้องร้องทางคดีอีกว่า วันนี้ (17 พ.ค.67) ตนเองได้มอบหมายให้ทีมงานกฎหมายไปที่ศาลอาญาเพื่อยื่นฟ้อง จำเลย 3 คนที่ร่วมกันกระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 59, 90, 137, 172, 173, 264 ต่างกรรมต่างวาระกัน โทษจำคุกสูงสุดรวม 15 ปี ศาลรับคำฟ้องไว้แล้ว โดยจะนัดไต่สวนมูลฟ้องในเดือนกรกฎาคม 2567
อนึ่ง จำเลยทั้ง 3 คนนี้ได้เคยไปนั่งพูดโกหกหลอกลวงออกรายการดังมาแล้ว และหลังจากนั้นก็นำเรื่องโกหกหลอกลวงไปแจ้งความต่อกองปราบอันเป็นความเท็จทั้งสิ้น จากเหตุนี้ต้องถามว่าสื่อยังจะมีความน่าเชื่อถืออยู่อีกหรือไม่.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สำนักพุทธฯ ฟันธง เชื่อมจิต ไม่มีในพระไตรปิฎก
- โหนกระแส ถอนรากถอนโคน ลัทธิเชื่อมจิต จี้สำนักพุทธฯ
- ธรรมราช เผยหลัง พม. เยี่ยมบ้านน้องไนซ์