ข่าว

‘อ.เจษฎา’ เตือนอันตราย ‘รีฟีดดิ้ง ซินโดรม’ ภาวะหลังเลิกอดข้าว และกลับมากินใหม่

จั่วหัวไม่ใช่โพสต์วิพากษ์วิจารณ์การเมือง ‘อาจารย์เจษฎา’ เตือนภัยภาวะ ‘รีฟีดดิ้ง ซินโดรม’ เสี่ยงเกิดขึ้นหลังเลิกอดข้าว และกลับมากินใหม่ เทียบเคียงเหตุการณ์ ‘บุ้ง ทะลุวัง’ และ ’13 หมูป่าติดถ้ำ’

จากข่าวคราวการเสียชีวิตของ ‘บุ้ง ทะลุวัง’ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ผู้ต่อสู้อยุติธรรม ที่ก่อนหน้านี้เคยอดอาหารประท้วงจนป่วย และกลับมาทานอาหารอีกครั้ง (ภายใต้การดูแลของแพทย์) ก่อนจะลาโลกไปในท้ายที่สุด เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2567

Advertisements

ในวันนี้ (16 พฤษภาคม 2567) รศ. ดร. เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ นักสื่อสารวิทยาศาสตร์และอาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาโพสต์ข้อความ ผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ เตือนภาวะ “รีฟีดดิง ซินโดรม” (Refeeding Syndrome) อันตรายหลังอดอาหาร และกลับมากินใหม่ เผื่อเป็นแนวทางในการดูแลผู้ประท้วงอดอาหาร หรือผู้ที่ประสบอุบัติเหตุใด ๆ จนต้องอดอาหารยาวนานหลายวัน

Refeeding Syndrome

ทางด้าน ‘อ.เจษฎ์‘ กล่าวว่า การอดอาหารของบุ้งทำให้หวนระลึกถึงเหตุการณ์ที่เคยเกิดมาแล้วเมื่อหลายปีก่อนกับ 13 สมาชิกทีมหมูป่าที่ติดถ้ำมานานนับ 10 ปี การขาดแคลนอาหารมาเป็นระยะเวลานานทำให้หลังจากที่ออกมาจากถ้ำได้ บรรดากลุ่มโภชนาการอาหารจึงเตือนให้ระวังภาวะ รีฟีดดิ้ง ซินโดรม(Refeeding Syndrome) ที่มีอาการเหนื่อย หอบ หัวใจเต้นผิดปกติ และอาจเสียชีวิต โดยจะต้องระมัดระวังการให้น้ำและอาหาร เพราะเป็นภาวะที่มีความรุนแรงและค่อนข้างรวดเร็ว เนื่องจากร่างกายขาดอาหารเป็นเวลานาน

หากได้รับอาหารเข้าไปทันที ไม่ว่าจะเป็นจากน้ำเกลือ ที่มีน้ำตาลเด็กซโตส (Dextrose), อาหารทางปาก, อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง, อาหารทางสาย หรืออาหารทางหลอดเลือดดำ ก็สามารถก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายได้ทั้งสิ้น

เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะคนที่มีภาวะขาดสารอาหารมาก่อน สภาพร่างกายที่อดอาหารนาน ๆ จะมีการขาดแร่ธาตุ โพแทสเซียม ฟอสเฟต แมกนีเซียม และแคลเซียม เมื่อได้รับอาหารอีกครั้ง ร่างกายจะย่อยและดูดซึมอาหาร เพื่อให้มีการนำกลูโคสเข้าสู่เซลล์ เพื่อสร้างเป็นพลังงาน โดยร่างกายจะหลั่งสารอินซูลิน (Insulin) เพิ่มการสร้างไกลโคเจน (Glycogen) โดยมีวิตามินบี 1 เป็นตัวช่วย

Advertisements

ในระหว่างการนำกลูโคสเข้าเซลล์ ก็จะมีการนำแร่ธาตุต่าง ๆ ดังกล่าว เข้าไปในเซลล์ด้วยเป็นจำนวนมาก จึงยิ่งส่งผลให้ร่างกาย เกิดภาวะแร่ธาตุในเลือดต่ำ ทำให้ระดับวิตามินบี 1 ลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลทำให้เกิดภาวะสมดุลเกลือแร่ผิดปกติ อย่างรุนแรง

สำหรับ แนวทางในการป้องกันภาวะรีฟีดดิ้งซินโดรม อาจารย์เจษฎ์แนะนำว่า ก่อนจะให้อาหาร ควรให้วิตามินบี 1 ประมาณ 200 – 300 มิลลิกรัมต่อวัน ร่วมกับวิตามินและแร่ธาตุรวม การเริ่มให้อาหารจำเป็นต้องเริ่มอาหารอ่อน ในปริมาณน้อย ๆ ถ้าสามารถทำได้ ควรตรวจระดับโพแทสเซียม, ฟอสเฟต, แมกนีเซียม และแคลเซียม ในเลือดก่อน และแก้ไขหากมีระดับเกลือแร่ผิดปกติ และติดตามอาการทางคลินิกและการเปลี่ยนแปลงระดับแร่ธาตุเหล่านี้ในเลือดอย่างใกล้ชิด

การกินวิตามิน ที่มีส่วนประกอบของวิตามินบี 1 มีหลักการ ดังนี้

1. ก่อนจะให้อาหาร ควรให้วิตามินบี 1 ในปริมาณ 200-300 มิลลิกรัมต่อวัน 1-2 เม็ด วันละ 3 ครั้ง ร่วมกับวิตามินแร่ธาตุรวม วันละครั้ง และควรให้ต่อเนื่องกัน อย่างน้อย 2 วัน หรืออาจให้ต่อไปจนถึง 10 วัน หรือจนกว่าจะได้รับพลังงาน วิตามินรวม และแร่ธาตุอื่น ๆ อย่างครบถ้วนตามเป้าหมาย

2. เริ่มให้อาหาร พลังงานไม่เกิน 5-10 กิโลแคลอรีต่อกิโลกรัมต่อวัน ขึ้นอยู่กับภาวะทุพโภชนาการ จากนั้นค่อย ๆ เพิ่มปริมาณทีละนิดภายใน 4-7 วัน โดยใน 4 วันแรก ควรให้พลังงานประมาณ 5-10 กิโลแคลอรีต่อกิโลกรัมต่อวัน จากนั้นก็ปรับเพิ่มพลังงานอย่างช้า ๆ เช่น เพิ่มครั้งละ 5-10 กิโลแคลอรีต่อกิโลกรัมต่อวัน จนถึงพลังงานเป้าหมายภายในเวลา 4-7 วัน

3. ติดตามเป็นระยะทุกวัน โดยเฉพาะในช่วง 4-7 วันแรก ต่อเนื่องเป็นเวลา 2 สัปดาห์

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

Danita S.

นักเขียนบทความไลฟ์สไตล์ บันเทิง ประจำ Thaiger ติดตามทุกกระแส K-Pop และเท่าทันทุกเรื่องราวความบันเทิง ด้วยประสบการณ์มากกว่า 3 ปี จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ ช่องทางติดต่อ bell@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button