ข่าวข่าวการเมือง

สภาพร่างกาย “บุ้งทะลุวัง” ก่อนเสียชีวิต ย้อนไทม์ไลน์ ทรมานอดอาหาร ต่อสู้อยุติธรรม

14 พฤษภาคม 2567 กลุ่มเคลื่อนไหวการเมืองสูญเสีย น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือที่รู้จักกันในชื่อ “บุ้ง ทะลุวัง” หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติในช่วงเช้าวันนี้ แม้ทีมแพทย์พยายามช่วยชีวิต ปั๊มหัวใจอย่างสุดความสามารถ นาน 5 ชั่วโมง แต่ไม่เป็นผล เสียชีวิตลงในเวลา 11:22 น.

ด้านสภาพร่างกายของบุ้งประมาณ 1 เดือนกว่าก่อนเสียชีวิตนั้น กรมราชทัณฑ์ ระบุในแถลงการณ์ว่า “หลังจากที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ รับตัวบุ้งทะลุวัง มาจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 4 เมษายน บุ้งรับประทานอาหารและน้ำปกติ ซึ่งแพทย์และพยาบาล ได้ทำการรักษาดูแลอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง

แต่บุ้งยังมีอาการขาอ่อนแรงและบวมเล็กน้อย ผลเลือดมีภาวะโลหิตจางเล็กน้อย เกลือแร่ต่ำ บุ้งปฏิเสธการรับประทานเกลือแร่และวิตามินบำรุงเลือด จนเกิดอาการดังกล่าวและเสียชีวิตในวันนี้”

ไทม์ไลน์ บุ้งทะลุวัง อดอาหาร-น้ำ ทรุดทรมานผ่านไปแต่ละวัน

เมื่อตรวจสอบ ย้อนไทม์ไลน์การอดอาหารของบุ้งทะลุวัง ตลอด 110 วันนั้น เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2567 ศาลอาญากรุงเทพใต้สั่งเพิกถอนการปล่อยตัวชั่วคราว กรณีที่บุ้งชุมนุมที่กระทรวงวัฒนธรรม พ่นสีธงสัญลักษณ์ และคดีละเมิดอำนาจศาล จึงถูกลงโทษจำคุก 1 เดือน โดยจพเลยปฏิเสธการยื่นประกันตัว จึงถูกนำตัวส่งไปยังทัณฑสถานหญิงกลาง

เพียง 1 วันให้หลัง บุ้งก็ประกาศอดอาหารและน้ำประท้วงทันที เพื่อเรียกร้อง ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม และต้องไม่มีใครติดคุกเพราะเห็นต่างทางการเมืองอีก

วันที่ 4 กุมภาพัน 2567 บุ้งเขียนพินัยกรรมยกมรดกของตัวเอง ได้แก่ ทรัพย์สิน เงินสด บัญชีเงินฝาก นาฬิกาข้อมือ ต่างหู และแมว ให้หยก

วันที่ 6 กุมภาพันธ์ บุ้งฉี่สีแดงส้ม เป็นตับอักเสบ ปวดท้องแต่ไม่ทราบแล้วว่าปวดตรงไหน มีปัญหาการหายใจ ออกซิเจน 89/90 นอนราบไม่ได้เพราะกรดไหลย้อน จึงใช้วิธีนั่งฟุบในการนอนถูกนำตัวส่งทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์

วันที่ 7 กุมภาพันธ์ ตับอักเสบมากกว่าเดิม ปวดท้อง นอนไม่ค่อยหลับ ภายในปากแห้งและลอก จนรู้สึกว่าไม่ไหวแล้วเลยใช้วิธีเอาน้ำเข้าไปกลั้วปากแต่ไม่ได้กินลงไปและบ้วนออกมาเพื่อให้มีความชื้น บุ้งยืนยันว่า หากตายขอให้นำศพไปหน้าศาล และหากต้องเลือกเพียงศาลใดศาลหนึ่ง บุ้งจะขอเลือกให้ศพบุ้งไปอยู่ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้

วันที่ 8 กุมภาพันธ์ บุ้งเขียนจดหมายขอปฏิเสธการรักษา ไม่ให้ยื้อชีวิต และบริจาคร่างกายให้คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

วันที่ 9 กุมภาพันธ์ วันที่ 13 ของการอดอาหาร บุ้งยังไม่ได้ฉี่ ฉี่ไปเมื่อวานเล็กน้อยเท่านั้น มีอาการนอนไม่หลับเพราะปวดท้อง
บุ้งปวดท้อง ปวดหัวจนต้องลุกมานั่งฟุบหลับไปที่โต๊ะ อาการปวดท้องเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ และปวดหลังหนักมากขึ้น มีอาการวิงเวียนเห็นภาพสีฟ้าน้ำเงิน

ตอนนี้บุ้งตัวเหลือง ตาเหลืองมาก ซึ่งเกิดจากอาการตับอ่อนอักเสบ หมอบอกว่าตอนนี้ตับไตทำงานหนักมาก ขอตรวจเลือด อยากรู้ค่าไตเพราะกังวลไตจะวาย แต่บุ้งไม่ยอมให้ตรวจ เพราะรู้ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร แล้วบุ้งก็บอกว่าตอนนี้ไม่ได้เอาน้ำกลั้วปากอีกแล้ว

วันที่ 12 กุมภาพันธ์ บุ้งมีท่าทางที่เหนื่อยมาก ตัวเหลืองตาเหลือง แต่แววตายังคงสู้อยู่ และถามถึงผลประกันเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

อาการที่พบตอนนี้ อยากอ้วกตลอดเวลา ระหว่างที่พูดคุยมีท่าทางจะอ้วกและสะอึกอยู่บ่อยครั้ง ปวดท้องและวิงเวียนอยู่ตลอด เหนื่อยและต้องฟุบลงกับโต๊ะหรือพิงไปที่พนัก ปวดท้อง ปัสสาวะกะปริดกะปรอย เวลาที่ไปห้องน้ำจะออกมาได้หยดสองหยด แต่รู้สึกปวดท้องฉี่ และเวลาฉี่รู้สึกแสบมาก

ตอนนี้ผิวหนังแห้ง ปากมีเลือดออกตามไรฟัน และมีกลิ่นคาวเลือดตลอดเวลา เจ้าหน้าที่ต้องเอาน้ำยาบ้วนปากมายบาซินมาให้บ้วน

วันที่ 22 กุมภาพันธ์ บุ้งได้ถูกส่งกลับมานอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลเรือนจำ บุ้งได้อาเจียนออกมา เป็นน้ำย่อยสีน้ำตาลที่มีเศษเลือดลิ่มเลือดปนเต็มไปหมด บตัวเหลือง มึน เบลอ อ้วกปนเลือดตลอด เวลา 5 ทุ่ม 45 ก็ยังอ้วกอีกเรื่อยๆ จนหมดทุกอย่างในกระเพาะแล้วจึงได้นอน

วันที่ 27 กุมภาพันธ์ บุ้งถูกขังครบโทษ 1 เดือน คดีละเมิดอำนาจศาล แต่ยังคงไม่ถูกปล่อยตัว เพราะยังมีหมายขังคดี ม.112 ทำโพลขบวนเสด็จ ซึ่งศาลสั่งถอนประกันวันเดียวกับที่สั่งขังคดีละเมิดอำนาจศาล

วันที่ 29 กุมภาพันธ์ วันที่ 33 ของการอดอาหาร เดินไม่ไหว อ้วกมีเลือดปนออกมามีสีสดขึ้น บุ้งปวดท้องและอยากอาเจียนตลอด แม้ว่าจิบน้ำ แต่ก็อ้วกออกมาและมีเลือดปนออกมาด้วย อ้วกก็ยังคงมีสีที่สดขึ้นเรื่อยๆทุกครั้ง ปริมาณน้ำที่ต่อวัน จิบน้ำวันละครึ่งขวด/ 1 ขวดเล็ก (600ml)

ปวดท้องมากๆร้าวไปถึงข้างหลัง ต้องนอนที่พื้น นอนหงายก้ปวด นอนคว่ำก็หายใจไม่ออก เป็นตะคริวตลอดเวลาเดินไม่ค่อยได้
ระหว่างคุยอาเจียนเปนลิ่มเลือดตลอดเวลา

วันที่ 1 มีนาคม หลังบุ้งถูกส่งตัวกลับมาอยู่ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ มีอาการตาพร่า ตาเบลอ หายใจลำบาก แม้จะจิบน้ำบ้างแล้วแต่บุ้งยังคงอ้วกอยู่เรื่อยๆ ค่าต่างๆยังขึ้นๆลงๆไม่ปกติ และตับยังคงอักเสบอยู่ ตรวจค่าโพแทสเซียมได้อยู่ที่ 2.2

บุ้งกลับมาค่าโพแทสเซียมต่ำอีกครั้งเช่นเดียวกับครั้งที่แล้วที่อดอาหาร ต่อให้ได้รับน้ำเกลือ ค่าโพแทสเซียมก็ไม่ขึ้นแล้ว หมอบอกว่าค่าโพแทสเซียมส่งผลกับหัวใจ สามารถหยุดเต้นตอนไหนก็ได้ บุ้งบอกว่าอากาศข้างในร้อนมากๆ ทำให้หมดแรง หน้ามืดและวิงเวียนได้ตลอดเวลา

วันที่ 5 มีนาคม 2567 หมอไม่มีสามารถหาเส้นเลือดบุ้งได้เลยจึงเปลี่ยนจากการฉีดยาเป็นการกินยาแทน เป็นตัวยาแก้เวียนหัวและยาแก้อาเจียน เมื่อกินยาแล้วบุ้งมีอาการอ้วกออกมาทั้งหมด

เนื่องจากการที่หาเส้นเลือดไม่เจอทำให้บุ้งไม่ได้เจาะเลือดมาตั้งแต่วันศุกร์แล้วทำให้ไม่สามารถทราบค่าเลือดและค่าอื่น ๆ ของร่างกายได้ บุ้ง อ้วกเป็นน้ำย่อยมีเลือดปนอยู่ ความดันอยู่ที่ 80 60 30 เด้งขึ้นลง

บุ้งใบหน้าดูอ่อนเพลีย ไม่ค่อยมีแรงตอนนี้ขาไม่มีแรงแล้ว มีอาการแน่นหน้าอกตลอดเวลา บุ้งเล่าว่าเวลาจับตามเนื้อตัวของตัวเองจะมีเศษผงร่วงลงมาคาดว่าเป็นผิวหนังที่แห้งจนเป็นผง เนื้อตัวมีแต่รอยจ้ำเขียว ช้ำ จากการเจาะตรวจเลือด

วันที่ 6 มีนาคม วันที่ 39 ที่อดอาหาร บุ้ง มีอาการหูอื้อ มีผดร้อนขึ้นทั้งตัวเนื่องจากอากาศร้อน มีอาการอ่อนเพลีย รู้สึกร้อนจากข้างในร่างกายมาก ๆ เมื่อคืนบุ้งอ้วกถึงตี2 อ้วกออกมาเป็นสีเขียว รุ้สึกพะอืดพะอมตลอดเวลานอนไม่ได้เลย หมอกับพยาบาลก็เลยนำคูลแพ็คมาให้พร้อมฉีดยา หลังจากฉีดยาบุ้งก็หลับไปเลย

บุ้ง เล่าว่าเมื่อวานลองถอดสายให้ยาออกแล้วก็กินยาเม็ดเข้าไปแต่อ้วกออกมาเป็นเลือดแล้วมียาเม็ดออกมาด้วย ตอนนี้บุ้งรับยาแก้อาเจียนและยาเคลือบกระเพาะทางหลอดเลือดดำหลังมือขวา บุ้งเป็นตะคริวตลอด ขาไม่มีแรงเลย เหนื่อยมากไม่ค่อยได้นอน ความดันวันนี้คงที่แล้ว

วันที่ 7 มีนาคม 2567 ช่วงเช้า บุ้งใช้คูลแพคประคบตามตัวมีอาการอ้วกเป็นระยะระหว่างเยี่ยม ใบหน้าอ่อนเพลีย หน้ามืดพะอืดพะอมหมดแรง บุ้งบอกว่าตอนนี้ความดันไม่สวิงแล้ว แต่ยังนอนไม่ได้เมื่อวานพยาบาลให้ยาตอนช่วงหัวค่ำจำเวลาไม่ได้ เป็นยาเคลือบกระเพาะกับยาแก้อาเจียน ตอนนี้เดินทางไปไหนมาไหนด้วยรถเข็นตลอด

ช่วงบ่าย บุ้งถูกเข็นมาบนรถเข็น นั่งพิงหลังไปกับรถเข็นและตัวเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด ความดันกลับมาตกเหลือ 90 / 30 ตัวบุ้งรู้สึกว่าอาการตัวเองวันนี้แย่กว่าเมื่อวานเพราะเพลียมากไม่มีแรง ผดร้อนขึ้นทั้งตัวมีอาการมึนตาลายมองอะไรไม่เห็น

วันที่ 8 มีนาคม บุ้งถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ความดันต่ำ เหลือ 30 หัวใจเต้นแรงหายใจไม่ออก น้พหนักเหลือ 68 กก. ตรวจเลือดพบว่า ค่าโพแทสเซียมต่ำ เกล็ดเลือดต่ำ บุ้งตัวซูบผอม อ่อนเพลีย ไม่ค่อยมีแรงพูดในการสอบถามอาการต้องถามย้ำและให้พยักหน้า

วันที่ 11 มีนาคม ผลตรวจเลือดโพแทสเซียมบุ้งเหลือ 2.1 อ้วกเป็นสีเขียวรสขม มีอาการเวียนหัวนอนไม่ได้ หมอให้บุ้งกินโพแทสเซียม รอบละ 6 เม็ด 2 รอบเป็นทั้งหมด 12 เม็ด และ ยาแก้อาเจียน บุ้งกินน้ำเฉพาะตอนกินยา แพทย์โรงบาลธรรมศาสตร์แจ้งว่าจากการที่บุ้งทานยาแก้อาเจียนตัวที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ให้ทำให้เกลือแร่ต่ำและหัวใจเต้นผิดจังหวะ

วันที่ 14 มีนาคม บุ้งปวดท้องหนักและมีอาการเป็นตะคริวที่ขาร่วมด้วย ซึ่งวันนี้หมอได้มาตรวจEKG (ยังไม่แจ้งผลอะไร) ค่าโพแทสเซียมยังคง 2.6 บุ้งได้มีการตรวจค่าน้ำตาลในเลือดทุกๆ4ชั่วโมง ค่าน้ำตาลขึ้นๆลงๆอยู่ที่70-75 บุ้งตรวจปัสสาวะทุกวัน แต่ปัสสาวะมีสีเข้มมาก ตอนนี้ยาที่รับมียาเคลือบกระเพาะ ยาแก้อาเจียน วิตามินซี วิตามินบีรวม และโฟลิคแอซิด บุ้งยังคงนอนไม่ค่อยหลับ มีอาการมึนหัวและหน้ามืดตลอดเวลา

วันที่ 22 มีนาคม 55 วันของการอดอาหาร ค่าคีโตนขึ้นเป็น 6 และโพแทสเซียมขึ้นๆลงๆ แขนบุ้งยังคงมีรอยช้ำขึ้นเต็มแขนไม่หายเพราะต้องเจาะเลือดทุกวัน กระดูกตามร่างกายเริ่มชัดขึ้นทั้งซี่โครงและหลัง ตอนนี้บุ้งกินน้ำหวานอะไรไม่ได้เลย เพราะถ้ากินร่างกายอาจจะช็อคได้ กินได้แต่น้ำเปล่า

บุ้งบอกว่าทุกวันที่ตื่นมารู้สึกเหนื่อยมากขึ้นทุกวัน ทั้งค่าเลือดและค่าต่างๆก็ขึ้นๆลงๆ รู้สึกร่างกายไม่ปกติเลย แปรปรวนมาก วันไหนอารมณ์ดี ความดันก็ดีขึ้นมาหน่อย

วันที่ 26 มีนาคม ค่าโพแทสเซียมของบุ้งขึ้นขึ้นลงลงบางวัน 3.4 บางวัน 3 ความดันค่อนข้างต่ำ เคยต่ำสุดที่ 88/50

วันที่ 27 มีนาคม ค่าโพแทสเซียมเหลือ 2.6 ค่าโพแทสเซียมของบุ้งสวิงขึ้นลง 3.2 บ้าง 2.6 บ้าง พะอืดพะอมระหว่างวัน คีโตนก็สูง บุ้งบอกว่าตอนนี้ยังพอไหว อาการหนักหนักกว่านี้ตอนนี้ค่าโพแทสเซียมเหลือ2 ในตอนอดอาหารรอบที่แล้ว ว่าหัวใจของบุ้งจะหยุดเต้นหรือวายตอนไหน เพราะ 2.6 ก็ถือว่าต่ำมากๆแล้ว

แพทย์มีอาการเป็นห่วงเนื่องจากบุ้งไม่ถ่าย แม้จะกินยาถ่ายไปสี่วันติดต่อกัน แพทย์กังวลว่าลำไส้จะติดเชื้อแล้วทำให้ติดเชื้อในกระแสเลือด หากไม่ขับถ่ายแบบนี้

วันที่ 28 มีนาคม ความดันตก ไม่สามารถวัดความดันที่แขนทั้งสองข้างได้เลยจึงต้องเปลี่ยนไปวัดที่ขาแทน ซึ่งวันนี้บุ้งความดันต่ำ ค่าโพแทสเซียมตกเหลือ 2.5 บุ้งรู้สึกว่าอยากอาเจียนตลอดคืนจึงทำให้ต้องกลับมากินยาแก้อาเจียนและพยายามไม่นอนตอนกลางวันเพื่อกลางคืนจะได้นอนหลับ รู้สึกว่าหน้าท้องไม่มีแล้ว กระดูกตามตัวและหลังเริ่มชัดขึ้นมาก กล้ามเนื้อตามตัวไม่เหลือแล้ว เนื้อเหลวไปหมด

ตอนนี้บุ้งอดอาหารมาใกล้เท่าจำนวนวันที่อดในครั้งที่แล้วแล้ว ตอนนี้เป็นวันที่61 และน้ำหนักก็ได้ลดลงมากว่า20กิโลกรัม แต่บุ้งยังยืนยันที่จะอดอาหารต่อ

วันที่ 1 เมษายน เป็นวันที่ 65 ที่บุ้งอดอาหาร ซึ่งมากกว่าจำนวนวันที่อดอาหารในครั้งก่อนแล้ว แต่ร่างกายบุ้งผอมลงมากกว่าครั้งก่อน เนื่องจากในช่วงแรกบุ้งอดน้ำร่วมด้วย ทุกวันจันทร์บุ้งจะได้ชั่งน้ำหนัก ซึ่งน้ำหนักวันนี้ลดลงเหลือ 62 แล้ว จากก่อนเข้าเรือนจำน้ำหนัก 84 และความดันยังคงต่ำเช่นเดิม ไม่ว่าพยาบาลจะวัดกี่รอบ ก็ยังความดันต่ำอยู่ แต่หมอไม่ได้ให้บุ้งกินยาถ่ายแล้ว เพราะบุ้งปวดท้องมากและแทบไม่มีอะไรขับถ่ายออกมาเลย

วันที่ 8 เมษายน บุ้งบอกว่ามีอาการท้องเสียตั้งแต่เมื่อคืน จนวันนี้ก็ยัง มีอาการท้องเสียอยู่ แพทย์บอกว่าน่าจะท้องเสียเพราะกินโพแทสเซียม แต่กินแล้วท้องเสียแบบนี้ต้องกินซ้ำใหม่ แพทย์จึงให้กินโพแทสเซียมพร้อมกับเกลือแร่ วันนี้มือชาเท้าชาทั้งวัน และเหนื่อยมากเพราะต้องลุกเข้าห้องน้ำบ่อย ค่าโพแทสเซียมลดลงกว่าเดิมอีกจากอาการท้องเสีย

อ้างอิงจาก : ทะลุวัง – ThaluWang

Aindravudh

นักเขียนประจำ Thaiger มีประสบการณ์เขียนข่าวมากกว่า 5 ปี จบการศึกษาด้านภาษาและประวัติศาสตร์ จากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความสนใจ ประเด็นความเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมือง เจาะประเด็นข่าวทางสังคม ด้วยกลวิธีการเล่าเรื่องแบบย่อยง่าย อย่างงานเขียนสร้างสรรค์ สั้น กระชับ จับทุกประเด็น หัวข้อที่เชียวชาญคือเรื่องไลฟ์สไตล์ เลขเด็ด หวยรัฐบาลไทย หวยลาว ช่องทางติดต่อ vajara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button