เจริญพรสาธุชน ‘หลวงพ่อวิเวก’ ผู้มาก่อนกาล พระรูปแรกแจ้งเอาผิดลัทธิเชื่อมจิต
ฟังให้ชัด หลวงพ่อวิเวก พระผู้มาก่อนกาล แจ้งความเอาผิด ลัทธิเชื่อมจิต เผยตอนนี้รอแค่เรียกพ่อแม่มาสอบแล้วดำเนินคดี ชี้ชาวพุทธหลงประเด็น ย้ำแม่สอนลูกยังไงก็ได้แต่ต้องไม่บิดเบือดพระพุทธศาสนา
จากกรณีที่ ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม ผลึกกำลังกับบุคคลหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับทางพุทธศาสนา อาทิ พระสงฆ์ อาจารย์ประจำวิชาพระพุทธศาสนา และอดีตพระนักเทศน์ชื่อดัง แจ้งความดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องกับลัทธิเชื่อมจิต
โดยตอนนี้นักกฎหมายของมูลนิธิทนายกองทัพธรรมยืนยันได้แจ้งดำเนินคดีกับบุคคลทั้ง 10 ราย โดยมีทั้งพ่อแม่ที่ถูกกล่าวหาว่า เอาเด็กมาโฆษณาเพื่อผลประโยชน์ รวมถึงบิดเบือนคำสอนทางพุทธศาสนา นอกจากนี้ยังมีรายชื่อของนายแพทย์ท่านหนึ่งที่ทำหน้าที่ดูแลรักษาเด็กถูกแจ้งความเอาผิดในเรื่องลัทธิเชื่อมจิตนี้ด้วย
ขณะเดียวกัน ทนายอนันต์ชัยยังได้เปิดตัว พระวิเวิก นามรุ่งโรจน์ ภิกษุรูปแรกที่ออกมาเผยว่าเป็นพระ “องค์แรก” ซึ่งแจ้งความดำเนินคดีกับลัทธิเชื่อมจิตและยังเป็นรูปเดียวถึงปัจุบบัน โดยหลวงพ่อระบุว่า ไปแจ้งความเอามาผิดตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 ที่ผ่านมา
ประเด็นที่ออกมาเคลื่อนไหว หลวงพ่อระบุ อันดับแรกเพราะต้องการปกป้องพระพุทธศาสนา เนื่องจากโดยทั่วไปตามหลักสากล สาวกทุก ๆ ศาสนา จะต้องปกป้องศาสนาของตัวเอง โดยยึดปณิธาน 3 ประการนี้ คือ
- สาวกต้องปกป้องพระพุทศาสดาด้วยชีวิต
- สาวกต้องปกป้องธรรมวินัยที่ได้ศาสดาตรัสแล้วด้วยชีวิต
- สาวกต้องปกป้องการบิดเบือนพระธรรมด้วยชีวิต
หลวงพ่อวิเวกยังยืนยันด้วยว่า หลักปณิธาน 3 ประการนี้ ไม่ว่าจะศาสนาคริสต์ อิสลาม ยิว หรือแม้ ฮินดู ต่างก็ยึดในหลักปณิธานนี้ เพราะถ้าไม่มีศาสนาก็ตั้งอยู่ไม่ได้ ก่อนจะเล่าต่อถึงสาเหตุที่เดินทางไปแจ้งความเอาผิดก่อนหน้านี้ สืบเนื่องมาจากอาจารย์จตุรงค์ จงอาษา นักวิชาการอิสระ มาออกข่าวว่าไปยื่นเรื่องร้องเรียนแล้วแต่ได้รับคำตอบกลับมาว่า สำนักพุทธฯ บอกว่ามีหน้าที่แต่ไม่มีอำนาจ
หลวงพ่อวิเวก จึงบอกว่า ดังนั้นท่านจึงขอแสดงอำนาจให้ดู ด้วยการไปแจ้งความและตำรวจก็รับแจ้งความทำสำนวนไว้เรียบร้อยแล้วด้วยก่อนจะมาพบทนายอนันต์ชัย ตอนนี้ก็เหลือแค่รอเรียกฝั่งพ่อแม่มาสอบแล้วก็ดำเนินคดีแค่นั้น
ขณะเดียวกันพระรูปดังกล่าวยังเผยด้วยว่า หลังไปแจ้งความเสร็จ ได้มีทนายคนหนึ่งติดต่อมาว่าจะดำเนินคดีกับหลวงพ่อ ซึ่งตัวของหลวงพ่อเองก็บอกว่าตนเองได้ยินก็หัวเราะกลับไป พร้อมแจ้งกับอีกฝ่ายว่า ไม่ใช่หน้าที่ของทนายความที่จะมาจับพระเข้าคุก ขนาดตำรวจยังเอาใครติดคุกไม่ได้เลย เนื่องจากเป็นหน้าที่ของศาล
พระวิเวก ยังกล่าวถึงประเด็นบิดเบือนคำสอนของพุทธศาสนาด้วยว่า เรื่องนี้แม่จะสอนลูกยังไงก็ได้แต่ต้องสอนให้ถูกอย่าบิดเบือน หรือกรณีอ้างว่าน้องไนซ์มีความสามารถวิเศษ สื่อกับอะไรพิเศษพิสดารก็ได้ แต่เวลาพูดออกมาต้องถูกต้องตามหลักพระธรรมวินัย
อีกประเด็น คือ กลุ่มชาวพุทธที่ไปเข้าร่วมกับลัทธิดังกล่าว พระวิเวกชี้ว่าแบ่งเป็น 3 ประเภท 1. แก๊งที่มีผลประโยชน์ ทำการลวงโลก กล่มนี้ต้องจัดการให้เด็ดขาด 2. พวกที่เป็นมิจฉาทิฐิ และประเภทสุดท้าย พวกถูกโฆษณาชวนเชื่อเข้าไป กลุ่มนี้ต้องมาแก้กรรม โดยการไปเจริญวิปัสสนาให้พระรัตนตรัยกับมาเป็นที่พึ่งของท่าน ถ้าอยู่ภาคกลางแนะนำให้ไปที่ ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (ย.พ.ส.) เขตภาษีเจริญ กทม.
ภาคใต้ก็ไปสวนโมกขพลาราม อยู่อีสานก็ไปที่วัดหนองป่าพงของหลวงพ่อชา ก่อนพระวิเวกจะกล่าวเจริญพรกับสาธุชนที่พยายามปกป้องพระพุทธศาสนาทุกท่านเป็นการทิ้งท้าย.
ขอบคุณคลิป : @AMARINTVHD
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง