ครูสาวเพิ่งบรรจุ เจอไอ้หื่นงัดห้อง-ปล่อยน้ำอสุจิ ขอย้าย เขตแจ้งให้รอ 2 ปี
เปิดชีวิตครูสาวบรรจุใหม่ อายุ 25 ปี ถูกงัดห้องขโมยทรัพสินย์ แถมปล่อยน้ำอสุจิทิ้งบนเตียงนอน หลังก่อเหตุคนร้ายเข้ามอบตัว แต่เหยื่อหวั่นความปลอดภัย ทำเรื่องขอย้าย เขตแจ้งกลับให้รออีก 2 ปี ยังไม่พ้นครูผู้ช่วย
วันที่ 10 พ.ค.2567 เพจ Social Hunter Reborn V3 ได้ช่วยเป็นกระบอกเสียงให้กับครูสาวบรรจุใหม่ อายุ 25 ปี ที่ถูกหนุ่มโรคจิตก่อเหตุบุกรุกที่พักอาศัยในามวิกาลไม่พ แต่ยังทำพฤติกรรมสุดเสื่อม ปล่อยน้ำอสุจิลงบนที่นอนของเหยื่อทิ้งไว้เป็นหลักฐาน โดยครูสาวยังเผยว่า โชคดีตอนที่ถูกงัดห้อง ตัวเองไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ ข้อความที่เขียนเล่าเรื่องไว้ทั้งหมดระบุ
“ขออนุญาตสอบถามและขอคําแนะนําจาก พี่น้องเพื่อนครูในกลุ่มนี้นะคะ คือว่าหนูพึ่งบรรจุครูผู้ช่วยได้ 4-5 เดือน แล้ววันนั้น เกิดเหตุมีคนร้ายงัดหน้าต่างเข้ามาในห้องพักของหนู ซึ่งหนูพักอยู่ที่บ้านเช่าในหมู่บ้านที่ตั้งอยู่หน้าโรงเรียนเลยค่ะ”
“คนร้ายได้บุกรุกเข้ามาตอนช่วง 4–5 ทุ่ม ได้สักทรัพย์เป็น เงินสดและพระในกระเป๋าตังค์ไป แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นคือ คนร้ายได้มาทําไม่ดีไว้บนที่นอนของหนู ซึ่งเป็นคราบน้ําคล้าย “น้ำอสุจิ” ของผู้ชาย คาดว่าน่าจะเป็นการมาช่วยตัวเองไว้บนที่นอนของหนู”
“โชคดีที่ตอนเกิดเหตุช่วงเวลานั้นหนูไม่อยู่ใน ห้องค่ะ และตอนนี้กําลังส่งหลักฐานไปพิสูจน์หลักฐานที่โคราช”
“ส่วนพื้นที่บริเวณรอบข้างเมื่อเดินสํารวจแล้ว พบว่าคนร้ายได้มาเจาะประตูห้องน้ำไว้ให้เป็นรู สามารถมองจากข้างนอกเข้าไปข้างในได้อีก ซึ่งเหตุที่เกิดขึ้นกับหนูเป็นภัยคุกคามต่อชีวิตและทรัพย์สิน อีกทั้งยังเป็นการคุกคามทางเพศ ทําให้ตอนนี้หนู รู้สึกกลัว และเสียขวัญกําลังใจเป็นอย่างมาก”
“ตั้งแต่เกิดเรื่องหนูก็ทําเรื่องและส่งเอกสารไปยังเขตเพื่อขอไปช่วยราชการ เนื่องจากว่าขอย้ายกรณีพิเศษไม่ได้เพราะยังบรรจุไม่ ครบ 2 ปี ยังไม่พ้นครูผู้ช่วย เมื่อเขตน่าเรื่องเข้าประชุม อ.ก.ค.ศ. เขตพิจารณาไม่อนุมัติให้หนูไปช่วยราชการเนื่องจากว่าที่โรงเรียนครูไม่ครบชั้น ถ้าหนูได้ไปช่วยราชการก็จะท้าให้ทางโรงเรียนขาดครูอีก”
“อยากทราบว่าในกรณีนี้ หนูสามารถทําอะไรได้บ้างคะ หรือต้องอดทนไปทํางานแบบระแวงแบบนี้ต่อ ไปจนครบ 2 ปี แล้วจึงจะสามารถ เขียนย้ายได้”.
หลงัเรื่องถูกเผยแพร่บนโซเชีลยล ผู้คนจำนวนมากพกันสอบถามว่า โรงเรียนต้นสังกัดคือที่ไหน ขณะที่อีกจำนวนมากต่างมองว่า ผู้เกี่ยวข้องควรพิจารณาอนุมัติให้ย้ายเพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กลับมาทำงานได้ดีดั่งเดิม รวมถึงยังเพื่อช่วยเยี่ยวยาแผลในใจของข้าราชการรายนี้ ที่เป็นผู้เสียด้วย.
อ่านข่าวพิ่มเติม