นักวิทยาศาสตร์ด้านอาหาร ไขสงสัย “กินช็อกโกแลต” เวลาไหนดีทีสุด ช่วยให้ร่างกายได้รับคาเฟอีน รู้สึกกระปรี้กระเปร่า พร้อมแนะนำวิธีการกินช็อกโกแลตที่ถูกต้อง ดื่มด่ำกับรสชาติเข้มข้นถึงใจ
‘ช็อกโกแลต’ ขนมหวานสุดโปรดของคนทั่วโลก ที่ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็มักจะพ่ายแพ้ให้กับรสชาติเข้มข้นของเจ้าขนมสีน้ำตาลชนิดนี้ แต่บรรดาคุณ ๆ รู้หรือไม่ว่า ช็อกโกแลตสามารถอร่อยขึ้นได้อีก หากรับประทานในช่วงเวลาที่เหมาะสม ทั้งยังเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยเสริมพลังงาน ทำให้รู้สึกตื่นตัว และมีแรงไปทำกิจกรรมต่าง ๆ วันนี้ไทยเกอร์จึงมาพร้อมกับบทความดี ๆ ที่จะมาช่วยให้การรับประทานช็อกโกแลตของทุกท่าน เต็มไปด้วยคุณประโยชน์ และรสชาติดีกว่าที่เคย
กินช็อกโกแลตในช่วงก่อนเที่ยง เติมความสดชื่นให้ร่างกาย
อ้างอิงจากผลการศึกษาฉบับใหม่ล่าสุด พบว่า ควรกินช็อกโกแลตในช่วง 11 โมงเช้า และต้องเป็นช็อกโกแลตที่ไม่ได้แช่ตู้เย็นจนแข็งจัด แม้จะเป็นเรื่องยาก เพราะในฤดูร้อนที่แดดแผดเผาเช่นนี้ การนำขนมหวานสีน้ำตาลไปแช่ให้เย็นช่วยให้ผู้รับประทานรู้สึกชื่นใจมากยิ่งขึ้น
นาตาลี อาลิบรานดี (Natalie Alibrandi) นักวิทยาศาสตร์ด้านอาหารยังได้เผยด้วยว่า ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งเกี่ยวกับการกินช็อกโกแลต ก็คือ การเอาไปแช่ในตู้เย็นในช่องฟรีซ เธออธิบายว่า เราควรเก็บช็อกโกแลตที่อุณหภูมิ 18 องศาเซลเซียส เพราะถ้าช็อกโกแลตอุ่นเกินไปหรือเย็นเกินไป มันจะแตกหรือละลายได้ง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาหัก ถ้าไม่ได้ยินเสียงดังเป๊าะ นั่นก็แสดงว่าช็อกโกแลตไม่ได้อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม
ด้วยเหตุของอุหณภูมิ ดังนั้นเวลาที่ดีที่สุดในการกินช็อกโกแลตจึงเป็นในช่วงเช้า ตั้งแต่เวลา 9 – 11 โมง เนื่องจากช็อกโกแลตจะช่วยเติมความกระปรี้กระเปร่า ทั้งยังช่วยแก้เซ็งตอนสาย หรือก่อนถึงเวลาอาหารกลางวันนั่นเอง ซึ่งวิธีการกินช็อกโกแลตเหล่านี้เป็นสิ่งที่คนอังกฤษราว ๆ 20% ของประเทศปฏิบัติอยู่เป็นประจำ
10 วิธีการกินช็อกโกแลตให้อร่อยสุดขีด
1. กินช็อกโกแลตในตอนเช้า เหตุเพราะต่อมรับรสของเรายังไม่โดนรบกวนจากรสชาติอาหาร ทั้งยังช่วยให้เราได้คาเฟอีนจากช็อกโกแลตได้เต็มที่ ส่งผลให้ร่างกายรู้สึกกระปรี้กระเปร่าไปจนถึงมื้อกลางวัน
2. อย่าเก็บในตู้เย็น ควรเก็บช็อกโกแลตที่อุณหภูมิ 18 องศาเซลเซียส เพื่อป้องกันการขึ้นรา หรือขึ้นเป็นจุดสีน้ำตาล รวมถึงป้องกันกลิ่นจากอาหารอื่น ๆ ในตู้เย็น
3. ปล่อยให้ช็อกโกแลตละลายในปาก โดยไม่ต้องเคี้ยว การทำเช่นนี้จะช่วยให้เนยและโกโก้เคลือบช่องปากของเราอย่างดี ทำให้สัมผัสรสชาติเต็มเปี่ยม
4. กินทีละน้อย โดยไม่ให้เกิน 6 ชิ้นต่อคำ โดยแต่ละชิ้นต้องอยู่ที่ประมาณ 4 กรัม เพื่อไม่ให้รสชาติเข้มข้นจนเกินไป
5. ใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ในการกิน รวมทั้งตา จมูก ผิวสัมผัส และแม้กระทั่งหู เพราะทุกส่วนล้วนเป็นปัจจัยสำคัญในการรับรู้รสชาติ
6. หักช็อกโกแลตต้องมีเสียง ในทุก ๆ ครั้งที่หักต้องมีเสียงดังเป๊าะ เพราะจะหมายความว่าช็อกโกแลตนั้นคงรูปและมีคุณภาพดี
7. อย่ารีบกินจนเกินไป ช็อกโกแลตแต่ละชนิดมีเอกลักษณ์และความแตกต่าง ควรให้ความสำคัญกับการละเลียดช็อกโกแลต รับรองว่าประสบการณ์กินช็อกโกแลตจะดีขึ้นเยอะ
8. จับคู่ช็อกโกแลตกับเมนูอื่น ๆ ที่น่าสนใจ ถือเป็นการดัดแปลงการกินแบบเดิม ๆ โดยลองจับคู่ช็อกโกแลตกับนม กับอาหารรสขม หรือช็อกโกแลตขมกับอาหารรสเค็ม
9. ใช้เวลาดื่มด่ำกับรสชาติ เพราะช็อกโกแลตบางชนิดทิ้งรสไว้ที่ลิ้นได้นานถึง 45 นาที
10. อย่าผสมช็อกโกแลตต่างชนิดเข้าด้วยกัน เพราะจะทำให้รสชาติเข้มเกินไป อาทิ การผสมช็อกโกแลตนมกับดาร์กช็อกโกแลต
เพียงปฏิบัติตามทริคการกินช็อกโกแลตง่าย ๆ 10 ข้อนี้ รสชาติของช็อกโกแลตที่เคยลิ้มลองก็จะดีขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ และพึงจำไว้เสมอว่า เวลาทองของการกินช็อกโกแลตก็คือช่วงสายของวัน
ข้อมูลจาก glamourmagazine
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง