Looks like you have an outdated version of Thaiger ภาษาไทย! It is recommended to keep the theme up to date for security reasons and new features Jannah Theme
ข่าวต่างประเทศ

ผัวตายแล้วฟื้น กลายเป็นคนละคน กินสิ่งนี้ จนเมียผวา ขอหย่าทันที

สามีกลายเป็นคนละคนหลังจาก “ตายแล้วฟื้น” ภรรยาช็อกกินแก้วกลืนลงท้องหน้าตาเฉย กลัวจนขอหย่าทันที

วันนี้ 19 เมษายน 2567 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานเรื่องราวสุดแปลกเกิดขึ้นในเมืองฉงชิ่ง ประเทศจีน เมื่อชายคนหนึ่งถูกวินิจฉัยว่าเสียชีวิตและถูกทางครอบครัวนำตัวไปยังเมรุเผาศพ แต่แล้ววันต่อมา ภรรยาของเขากลับพบว่าสามีนั่งอยู่กลางห้องรับแขก แถมยังสวมชุดขาวที่ใช้สำหรับห่อศพ สามีที่เหมือนตายแล้วฟื้นกลับกลายเป็นคนละคนอย่างสิ้นเชิง ทำให้ภรรยาหวาดกลัวจนไม่กล้าเอ่ยปากขอหย่าหลังจากแต่งงานกันได้ 10 ปี แล้วเรื่องราวจะจบลงอย่างไรกันนะ?

ย้อนไปในปี 2010 นักข่าวคนหนึ่งได้ยินเรื่องชายที่มีความสามารถเหนือมนุษย์ สามารถทำสิ่งที่คนทั่วไปทำไม่ได้ จึงได้เดินทางไปสืบหาข้อเท็จจริง ชายคนนี้ชื่อ หวังเทียนฉวน รูปร่างหน้าตาทั่วไป แต่กลับมีความสามารถในการกินแก้ว ซึ่งดูเหมือนจะเป็นงานอดิเรกของเขาอีกด้วย หวังเทียนฉวนสามารถทุบแก้วให้แตกละเอียดแล้วเคี้ยวเหมือนขนมขบเคี้ยว จากนั้นกลืนลงท้องได้โดยไม่บาดเจ็บใดๆ

ตอนที่นักข่าวไปถึงบ้านของหวังเทียนฉวน เขาเองไม่อยู่ มีเพียงภรรยาชื่อ ตู้หย่งฉิง เธอเล่าว่าชีวิตคู่ของเธอกำลังอยู่ในภาวะวิกฤติ จากนั้นเธอก็พานักข่าวไปยังจุดที่สามีมักจะไปอยู่บ่อยๆ ซึ่งเป็นพื้นที่รกร้างข้างถนน แต่เมื่อมาถึงก็ไม่พบหวังเทียนฉวน มีเพียงเศษแก้วแตกกระจาย และคราบเลือดตกอยู่รอบๆบริเวณ ตู้หย่งฉิงเองก็ไม่รู้ว่าสามีหายไปไหน

สองวันต่อมา ตู้หย่งฉิงได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนสามี บอกว่าหวังเทียนฉวนรู้สึกเหนื่อยจึงขอพักอยู่ที่บ้านเพื่อนก่อนสักสองสามวัน แต่พอหวังเทียนฉวนกลับถึงบ้าน ตู้หย่งฉิงก็เก็บของและบอกสามีทันทีว่าเธอต้องการหย่า

เมื่อนักข่าวพยายามไกล่เกลี่ย เธอจึงพูดเหตุผลว่าเธอกลัวมากที่สามีกลายเป็นคนละคนหลังจาก “ตายแล้วฟื้น” โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นิสัยมชอบกินแก้วแบบประหลาดๆ นี้

หวังเทียนฉวน ผู้มีนิสัยประหลาด

หวังเทียนฉวนเกิดมาในครอบครัวธรรมดา เขาขยันเรียนจนได้ทำงานในหน่วยงานรัฐ มีหน้าที่การงานและเงินเดือนมั่นคง จึงทำให้เขาได้เจอเนื้อคู่และแต่งงานกับตู้หย่งฉิง แต่ในปี 1999 หน่วยงานรัฐเผชิญปัญหาจนถึงขั้นต้องเลิกจ้างพนักงาน ทำให้หวังเทียนฉวนสูญเสียรายได้หลัก และฐานะทางครอบครัวตกต่ำ

หลังจากนั้นไม่กี่ปี ขณะที่หวังเทียนฉวนค่อยๆกอบกู้ฐานะของครอบครัวให้กลับมาดีขึ้น เขาก็ได้รับข่าวร้ายว่าป่วยเป็นโรคร้ายแรง อาการเริ่มต้นมาจากความเหนื่อยล้าโดยไม่ทราบสาเหตุ จากนั้นเริ่มมีอาการปวดตามแขนขาอย่างแสนสาหัส ต่อให้พักผ่อนก็ไม่ดีขึ้น ตู้หย่งฉิงจึงพาไปตรวจตามโรงพยาบาลต่างๆ 3-4 แห่ง แต่ก็หาสาเหตุการป่วยไม่เจอ มีเพียงการจ่ายยาแก้ปวดและแก้อักเสบให้

อาการของหวังเทียนฉวนทรุดหนัก จนแทบจะต้องนอนติดเตียง ภรรยาเป็นฝ่ายดูแลมาตลอด ระยะเวลาสองปีผ่านไป ไม่เพียงแค่อาการไม่ดีขึ้น หนี้สินในครอบครัวกลับเริ่มพอกพูน ในความสิ้นหวัง เขาคิดถึงทางออกอย่างการฆ่าตัวตาย หวังเทียนฉวนเก็บยาแก้แพ้จำนวน 20 เม็ด มารอจังหวะที่ภรรยาไม่อยู่บ้านและกลืนยาทั้งหมด

เมื่อตู้หย่งฉิงกลับมาถึงบ้านและพบขวดยาว่างเปล่า เธอรู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น จึงรีบขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านพาสามีส่งโรงพยาบาลในอำเภอ แต่หมอตรวจแล้ววินิจฉัยว่าหวังเทียนฉวนเสียชีวิตแล้ว ด้วยความเสียใจ ตู้หย่งฉิงพาร่างสามีกลับบ้านเพื่อเตรียมพิธีศพ เธอเป็นคนห่อศพสามีและพาเขาไปยังเมรุ แต่ในวันนั้นคนเยอะมาก เจ้าหน้าที่จึงบอกให้เธอกลับไปก่อนและค่อยมาจัดการฌาปนกิจในวันรุ่งขึ้น

ตู้หย่งฉิงกลับบ้านไปด้วยหัวใจที่แหลกสลาย แต่เมื่อกำลังจะไปจัดการพิธีในวันถัดมา เธอกลับเห็นหวังเทียนฉวนนั่งอยู่ในห้องรับแขก แถมยังห่อด้วยชุดขาวเหมือนผีอีกด้วย ตู้หย่งฉิงช็อคอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกรีดร้องและวิ่งหนีออกมาขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน เมื่อทุกคนวิ่งตามเธอมาดูก็ตกใจที่พบว่าหวังเทียนฉวนยังมีชีวิตอยู่!

เมื่อสติกลับคืนมา ตู้หย่งฉิงจึงพาสามีไปตรวจเช็คร่างกายที่โรงพยาบาลอีกครั้ง ผลออกมาว่าหวังเทียนฉวนมีค่าร่างกายเป็นปกติ หมอคาดว่าปริมาณยานอนหลับที่เขากินเข้าไปอาจจะไม่ได้มากพอทำให้เสียชีวิต แต่ทำให้เขาตกอยู่ในอาการโคม่า หยุดหายใจ หัวใจหยุดเต้น เนื่องจากโรงพยาบาลอำเภอไม่มีเครื่องมือทันสมัยตรวจสอบอย่างละเอียด หมอจึงเกิดความผิดพลาดคิดว่าเขาตายไปแล้ว

ตอนที่หวังเทียนฉวนนอนอยู่ในเมรุนั้น ยานอนหลับค่อยๆหมดฤทธิ์ ทำให้เขาตื่นขึ้นด้วยความสับสน เขาปีนออกมาจากโลงศพ สวมชุดขาวแล้วเดินกลับบ้าน เพราะในเมรุคนเยอะและวุ่นวาย จึงไม่มีใครพบเห็นเรื่องนี้ เมื่อทุกอย่างถูกค้นพบ ตู้หย่งฉิงดีใจจนแทบร้องไห้ หวังว่าชีวิตครอบครัวจะได้กลับมาสงบสุขอีกครั้ง

แต่เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เพราะหลังจากเหตุการณ์ “ตายแล้วฟื้น” หวังเทียนฉวนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากที่เคยเป็นคนเก็บตัว ก็เริ่มชอบเข้าสังคมและพูดเก่งขึ้น ที่แปลกคือเขาเป็นคนเสฉวนที่ควรจะขาดอาหารเผ็ดไม่ได้ แต่กลับทานเผ็ดไม่ได้เลย ตู้หย่งฉิงเล่าว่าหลายครั้งเธอตื่นขึ้นมากลางดึกแล้วพบว่าสามีจ้องเธอเขม็งโดยไม่ขยับตัว ทำให้เธอรู้สึกกลัว สิ่งที่ทำให้เธอช็อคที่สุดคือ สามีเริ่มชอบกินแก้ว ชอบทุบเครื่องแก้วในบ้านแล้วเคี้ยวละเอียด เรื่องนี้ทำให้ตู้หย่งฉิงไม่อาจทนได้ และพอสามีหายออกจากบ้าน เธอจึงตัดสินใจขอหย่าทันที

ปิดบังความลับกับภรรยา

เมื่อได้ฟังเรื่องราว หวังเทียนฉวนจึงอธิบายว่าอาการชอบกินแก้วนี้มีมานานแล้ว เขาเคยหย่าร้างมาหนึ่งครั้งด้วยเรื่องนี้ หลังแต่งงานกับตู้หย่งฉิงครั้งที่สอง เขากลัวเธอจะหนีไปอีก เลยพยายามเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ

นักข่าวช่วยเกลี้ยกล่อมตู้หย่งฉิง โดยเสนอว่าอาการของหวังเทียนฉวนน่าจะเกี่ยวกับโรคทางจิตชนิดหนึ่ง จึงพาไปตรวจที่โรงพยาบาลใหญ่ ปรากฏว่าในอุจจาระของหวังเทียนฉวนไม่มีเศษแก้วเลย นั่นแสดงว่ากรดในกระเพาะของเขามีความสามารถย่อยแก้วได้ ซึ่งโรคนี้มีชื่อเรียกว่า Pica Syndrome คนไข้จะมีความต้องการกินสิ่งของที่ไม่ใช่อาหาร เช่น แก้ว ชอล์ก หิน หรือแม้แต่โลหะ ส่วนอาการเปลี่ยนแปลงด้านอื่นๆ หมอสันนิษฐานว่าเหตุการณ์ “ตายแล้วฟื้น” คงสร้างความกระทบกระเทือนใจให้เขาไม่น้อย

เมื่อทุกอย่างกระจ่าง ตู้หย่งฉิงล้มเลิกความตั้งใจจะหย่า หลังจากนั้น ผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ได้ยินเรื่องราวนี้ และพยายามติดต่อหวังเทียนฉวนเพื่อให้ความช่วยเหลือในการรักษาต่อไป

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ติดตาม The Thaiger บน Google News:

0 0 โหวต
Article Rating
สมัครรับข้อมูล
แจ้งเตือนเกี่ยวกับ
0 Comments
เก่าแก่ที่สุด
ใหม่ล่าสุด ถูกโหวตมากที่สุด
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

Aindravudh

นักเขียนประจำ Thaiger มีประสบการณ์เขียนข่าวมากกว่า 5 ปี จบการศึกษาด้านภาษาและประวัติศาสตร์ จากคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีความสนใจ ประเด็นความเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมือง เจาะประเด็นข่าวทางสังคม ด้วยกลวิธีการเล่าเรื่องแบบย่อยง่าย อย่างงานเขียนสร้างสรรค์ สั้น กระชับ จับทุกประเด็น หัวข้อที่เชียวชาญคือเรื่องไลฟ์สไตล์ เลขเด็ด หวยรัฐบาลไทย หวยลาว ช่องทางติดต่อ vajara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button
0
เราอยากทราบความคิดเห็นของคุณ โปรดแสดงความคิดเห็นx