สิ้นความเป็นชาย หนุ่มอิตาลีผ่าตัดอัพไซซ์น้องชาย หมอทำเสื่อมสมรรถภาพตลอดชีพ
ดำเนินคดีให้ถึงที่สุด! หนุ่มอิตาลีจ่อฟ้องทีมแพทย์ หลังเข้าผ่าตัดเสริมขนาดอวัยวะเพศ แต่ดันโชคร้าย ขนาดไม่เบิ้มดั่งใจ ซ้ำยังเสื่อมสมรรถภาพทางเพศตลอดชีพ
สำนักข่าวต่างประเทศ odditycentral รายงานถึงคดีฟ้องร้องที่กำลังได้รับความสนใจอย่างมากอยู่ในขณะนี้ โดยชายชาวอิตาลีวัย 40 ปีรายหนึ่ง ได้ตัดสินใจฟ้องศาลเรียกค่าเสียหายจากแพทย์ศัลยกรรมและคลินิกเสริมความงามสองแห่ง หลังเข้ารับการผ่าตัดเสริมขนาดอวัยวะเพศ แต่กลับต้องพบกับความผิดหวัง เพราะอวัยวะที่เคยใช้งานได้ดีกลับหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
เรื่องราวน่าเห็นใจนี้เกิดขึ้นกับหนุ่มนิรนามจากเมืองทัสคานี ประเทศอิตาลี ซึ่งเขาจ่ายเงินให้กับศัลยแพทย์เป็นเงิน 5,000 ยูโร หรือประมาณ 185,000 บาท เพื่อผ่าตัดเสริมขนาดน้องชายให้ใหญ่ขึ้น แต่หลังจากผ่าตัดครบ 1 เดือน เขาก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างตรงบริเวณอวัยวะเพศ จึงได้ติดต่อกลับไปยังแพทย์ผู้ผ่าตัดเพื่อร้องเรียนถึงผลการศึกษาที่ผิดพลาด ซึ่งนี่ก็ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของประสบการณ์อันเจ็บปวดเท่านั้นทั้งหมด เพราะเขาจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดแก้ไขปัญหาถึง 12 ครั้ง
จากเอกสารของศาลที่สื่อมวลชนอิตาลีได้รับ ชายผู้นี้เข้ารับการปลูกถ่ายไขมัน (lipofilling) สองครั้ง โดยย้ายไขมันจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกายมาที่อวัยวะเพศเพื่อปรับรูปทรง แต่น่าเสียดายที่การผ่าตัดไม่ได้ผลดีนัก อวัยวะเพศไม่คงรูปทรงและขนาดอย่างที่คาดหวังไว้
ในขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์อิตาลี La Repubblica สาขาเมืองฟลอเรนซ์ ก็ได้รายงานเพิ่มเติมว่า ชายคนนี้ต้องเข้ารับการผ่าตัดเพิ่มเติมอีกหลายครั้งเพื่อซ่อมแซมความเสียหายของอวัยวะเพศ แต่ด้วยการผ่าตัดหลาย ๆ ครั้งนี้เองกลับทำให้สถานการณ์ย่ำแย่ลงกว่าเดิม
หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญที่ถูกอ้างถึงในเอกสารของศาลได้ชี้แจงว่า ในการผ่าตัดแพทย์ได้ใช้ซิลิโคน ซึ่งเป็นวัสดุที่ถูกสั่งห้ามตั้งแต่ปี 1993 มาใช้ผ่าตัดเพื่อแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นให้แก่หนุ่มคนนี้ จึงทำให้อวัยวะเพศของเขาผิดรูปและใช้การทางเพศไม่ได้อีกต่อไป จนสุดท้ายเขาก็ต้องผ่าตัดอีกครั้ง ซึ่งในครั้งสุดท้ายเป็นเหตุที่เขาตัดสินใจฟ้องแพทย์และคลินิกที่รับผิดชอบการผ่าตัด
อย่างไรก็ดี แพทย์ที่ถูกกล่าวหาได้แก้ต่างในชั้นศาลว่า คนไข้รายนี้พอใจกับผลลัพธ์ของการผ่าตัดในตอนแรก และยังส่งวิดีโอมาเป็นหลักฐานยืนยัน รวมถึงได้เซ็นชื่อในแบบฟอร์มยินยอมก่อนเข้ารับการรักษาด้วย
แม้จะยกหลักฐานและกล่าวอ้างเช่นนั้น แต่ศาลกลับปัดตกข้อโต้แย้งเหล่านี้ โดยตัดสินว่าคนไข้ “ไม่รับรู้ถึงความเสี่ยงทางกายภาพที่จะเกิดขึ้น” และเสริมอีกว่า ถึงคนไข้จะพอใจกับรูปลักษณ์ภายนอก แต่หน้าที่ “ประเมินความสำเร็จของการผ่าตัดนั้นเป็นความรับผิดชอบของบุคลากรทางการแพทย์”
คลินิกเสริมความงามสองแห่งที่ถูกฟ้องร่วมด้วย พยายามที่จะปัดความรับผิดชอบ โดยอ้างว่าพวกเขาเพียง “ให้ยืม” สถานที่แก่แพทย์เท่านั้น ถึงอย่างนั้นผู้พิพากษาก็ตัดสินว่า ทางคลินิกได้รับผลประโยชน์จากการทำงานของแพทย์ผู้นี้ และจะต้องร่วมรับผิดชอบด้วย
ในท้ายที่สุด แพทย์ต้องรับผิดชอบค่าเสียหาย 60% ส่วนสองคลินิกต้องจ่ายค่าเสียหายฝ่ายละ 20% โดยยอดค่าเสียหายถูกกำหนดไว้อยู่ที่ 153,000 ยูโร หรือราว ๆ 5.7 ล้านบาท แต่คนไข้จะได้รับเพียงประมาณ 4 ล้านบาทเท่านั้น เพราะศาลได้ตัดสินว่า 30% ของความเสียหายทางอวัยวะเพศเกิดขึ้นจากความผิดพลาดของตัวชายคนนี้เอง เพราะในระหว่างพิจารณาคดีเขาได้ยอมรับว่า เคยฉีดบางอย่างเข้าไปที่อวัยวะเพศด้วยตัวเองตามที่แพทย์สั่ง ซึ่งศาลตัดสินว่าการกระทำนั้นมีส่วนทำให้เกิดการผิดรูปและภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
ข้อมูลจาก odditycentral
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง