จากกรณีที่กรมอุทยานฯ ได้มีการประกาศปิดอ่าวมาหยามาตั้งแต่ 1 มิถุนายน-30 กันยายน 2561 เพื่อทำการฟื้นฟูสภาพของระบบนิเวศ ภายในอ่าวมาหยา เขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมูเกาะพีพี ห้ามประกอบกิจการท่องเที่ยวและกิจกรรมใดๆบนอ่าวมาหยาและอ่าวโละซามะ ต่อมาได้มีการขยายเวลาต่อไป อีก1เดือน และกำหนดเปิดวันที่ 1 พฤศจิกายน 2561
ล่าสุดได้มีการประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาของกรมฯ และการรายงานผลทางวิชาการที่พบว่า ยังไม่เพียงพอต่อการฟื้นตัวของปะการัง และป่าปลูก ซึ่งมีเวลาน้อยไปแค่ 4 หรือ 6 เดือน ทางกรมอุทยานฯ จึงได้มีการประกาศอย่างเป็นทางการให้ ปิดอ่าวมาหยาต่อไป โดยไม่มีกำหนดจนกว่าจะมีการฟื้นคืนสู่ภาวะปกติ ด้านนายวัตรพล จันทรโร ประธานชมรมธุรกิจการท่องเทียวเกาะพีพี จ.กระบี่ เปิดเผยว่า การปิดอ่าวมาหยาแบบไม่มีกำหนดนั้น กระทบต่อการท่องเที่ยวของเกาะพีพี อย่างแน่นอน
เนื่องจากที่ผ่านมาก็มีการปิดมาอย่างต่อเนื่องและยังมีการขยายเวลาออกไปอีก1 เดือน โดยไม่มีการสอบถามความคิดเห็นชาวเกาะพีพี ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ ทำให้นักท่องเที่ยว ที่จองโปรแกรมทัวร์เข้ามาล่วงหน้าไม่สามรถไปเที่ยวได้
นอกจากจะกระทบการท่องเที่ยวเกาะพีพีแล้ว ยังกระทบต่อการท่องเที่ยวของจังหวัดกระบี่ ด้วย ซึ่งประมาณวันที่ 8-9 ต.ค.นี้จะมีการนัดประชุมหารือกับสมาชิกชมรมฯประกอบด้วยผู้ประกอบการ นำเที่ยว รวมไปถึงชาวเกาะพีพี ว่าจะมีแนวทางในการแก้ปัญหาอย่างไร โดยจะนำข้อสรุปในที่ประชุม ยื่นหนังสือเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาทางแก้ปัญหาต่อไป
ขณะที่นายวรพจน์ ล้อมลิ้ม หน.อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมู่เกาะพีพี กล่าวว่า สำหรับการฟื้นฟูอ่าวมาหยานั้น ขณะนี้ทางอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา-หมูเกาะพีพี ได้มีการฟื้นฟูร่วมกับทางนักวิชาการ ปลูกปะการังในอ่าวมาหยาจำนวนกว่า 1 พันกิ่งและยังขยายการปลูกต่อเนื่อง ทำการศึกษาการเติบโต เช่นเดียวกับการปลูกป่าบกภายในอ่าวที่เป็นพื้นดินพบว่าเป็นไปในทิศทางที่ดีแต่การเติบโตนั้นต้องใช้เวลานานกว่าจะสมบูรณ์ได้ ทางกรมอุทยานฯ ซึ่งมีนักวิชาการที่เป็นผู้เชี่ยวชาญจากหลากหลายสถาบันก็มีความเห็นว่ายังเร็วเกินไปที่จะเปิดให้เข้าไปเที่ยวอ่าวมาหยา
