‘อัจฉริยะ’ ตัวแทน ‘บิ๊กต่อ’ ยื่นฟ้อง ‘ทนายตั้ม’ หมิ่นประมาท เรียก 5 ล้านบาท
อัจฉริยะ ในฐานะตัวแทนของ บิ๊กต่อ ยื่นฟ้อง ทนายตั้ม ข้อหาหมิ่นประมาท เรียกเงิน 5 ล้านบาท ชี้สาเหตุที่ทนายตั้มยังไม่ดำเนินคดี เพราะไม่มีหลักฐาน
นาย อัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เดินทางมายังอาญาใต้ เพื่อยื่นฟ้อง ทนายตั้ม หรือ ษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ทั้งคดีอาญา และคดีแพ่ง ในข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา และเรียกค่าเสียหาย จำนวน 5 ล้านบาท ในฐานะตัวแทนของ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล หรือ บิ๊กต่อ ผบ.ตร. โดยชอบด้วยกฎหมาย
โดยนายอัจฉริยะ กล่าวว่า การยื่นฟ้องครั้งนี้เป็นการยื่นฟ้องหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา โดยที่มีการพูดว่า ผบ.ตร.ไปเกี่ยวข้องกับบัญชีม้า หรือรับเงินส่วย ซึ่งเป็นประเด็นที่เรานำมาฟ้อง โดย พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ได้ขอบคุณทนายตั้มที่เปิดโอกาสให้นำเรื่องนี้มาตรวจสอบในการทำงานของท่าน และเรื่องความโปร่งใสของท่าน วันนี้เราก็ได้มีการยื่นฟ้องทนายตั้มเรียบร้อยแล้ว เป็นคดีอาญา ซึ่งศาลก็ได้ประทับรับฟ้องไว้แล้วในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง มีกำหนดไต่สวนมูลฟ้องวันที่ 10 มิ.ย. 67 ในเวลา 13.30 น.
เมื่อถามว่า หากหลักฐานที่ทนายตั้มมายื่นเป็นความจริง ทางทีมทนายของผบ.ตร. จะทำอย่างไร นายอัจฉริยะ กล่าวว่า เรายืนยันว่า พล.ต.อ.ต่อศักดิ์และครอบครัวยินดีรับการตรวจสอบทุกมิติ ไม่ใช่เฉพาะกรณีของทนายตั้มเพียงอย่างเดียว ยินดีให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ดำเนินการตรวจสอบได้ด้วย หรือแม้กระทั่งทีมของนายกรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นมาทั้ง 3 คน ก็ยินดีให้ตรวจสอบได้ทุกมิติแต่ขอให้ดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมของศาล ผบ.ตร.พร้อมที่จะให้ตรวจสอบได้
“ผบ.ตร. และทุกๆ คนในครอบครัวยินดีเข้ารับการตรวจสอบตามกระบวนการยุติธรรมของศาล แต่ไม่ใช่ที่แบบมาพูดกันไปเรื่อยๆ และไม่มีหลักฐานอะไรที่ชี้ชัด อันนี้ขอให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งทนายตั้มสามารถนำสิทธิ์ในการถามเอกสารต่างๆ ไปถามได้ในชั้นศาล”
เมื่อถามว่า การเบิกความอะไรต่างๆ ก็แล้วแต่ ทาง ผบ.ตร.จะเดินทางมาเบิกความด้วยตัวเองหรือไม่ นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ท่านจะมาเบิกความด้วยตัวเอง และยืนยันมาเองแน่นอน รวมถึงเครือญาติที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แม้กระทั่ง พล.ต.ต.จรูญเกียรติอยากจะเชิญญาติไปสอบก็ยินดี
ส่วนประเด็นที่ถูกมองว่าการฟ้องร้องครั้งนี้เป็นการฟ้องแก้เกี้ยวหรือไม่นั้น นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ไม่ใช่ เพราะฟ้องต้องการนำกระบวนการยุติธรรมขึ้นสู่ศาล ซึ่งทนายตั้มจะได้ใช้สิทธิ์เต็มที่ในการถามค้านอะไรที่ทนายตั้มสงสัย หรือเส้นทางการเงินอะไรก็แล้วแต่ ผู้ผบ.ตร.ยินดีตอบในศาล และจะมีการบันทึกปากคำของโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง ซึ่งก็จะเป็นหลักฐานที่ไม่สามารถบิดเบือนได้ เพราะศาลได้บันทึก และนำไปใช้ในทางคดีได้ด้วย
ยืนยันว่า ผบ.ตร.ต้องการให้มีการตรวจสอบตามกระบวนการยุติธรรม และไม่มีการฟ้องถอนฟ้อง หรือไกล่เกลี่ย หรือเกี๊ยะเซียะ หรือฟ้องเพื่อหาเหตุในการต่อรอง หรือหาเหตุในการโกรธแค้น ผบ.ตร.ยินดีเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมที่ทนายตั้ม หรือทางทีมทนายความของใครก็ได้เข้ามาสอบสวนไต่สวนได้ รวมถึงเรื่องเส้นทางการเงิน หน้าที่การพิสูจน์ก็เป็นภาระของทนายตั้ม แต่ถ้าเขาพูดไปเรื่อยจะเกิดความเสียหายเป็นวงกว้างต่อ ผบ.ตร. ดังนั้นจึงให้ทนายตั้มเอาสิทธิ์ในการเรียกขอพยานเอกสารในชั้นไต่สวนมูลฟ้องมาใช้ได้ หรือจะอ้างพยานตาม ป.วิอาญาฉบับใหม่ อยู่ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องก็ได้ สามารถใช้สิทธิ์ได้หมด อย่างไรก็ตามยืนยันว่าไม่มีเส้นเงินแม้แต่เส้นเดียวเกี่ยวข้องกับ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์
ด้าน นายศิริพงษ์ กล่าวว่า สิ่งที่ทนายตั้มแถลงเป็นเพียงข้ออ้าง ส่วนที่ทนายตั้มไม่แจ้งความดำเนินคดี เพราะรู้ว่าไม่มีหลักฐานจริง และให้ตำรวจไปสืบต่อเอาเอง สิ่งที่โพสต์ต่างๆ ทั้งหมดยังไม่มีหลักฐาน ถ้าเขามีหลักฐานจริงเขาก็น่าจะแสดงแล้ว หรือถ้ามีจริง ตอนนี้เราฟ้องเป็นคดีอาญาแล้ว เขาก็เอามาสู้ในชั้นศาลได้
ตนมั่นใจว่าข้อมูลของทนายตั้มเป็นเท็จทั้งนั้น จึงให้ผบ.ตร.ฟ้องดำเนินคดี เพื่อนำข้อมูลมาเปิดเผยในชั้นศาล ตนมั่นใจในการดำเนิน ตนมั่นใจในการดำเนินการครั้งนี้ ว่าหลักฐานที่ทนายตั้มเอามาแสดงนั้นมีข้อโต้แย้งทุกตัว
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง