เพนกวิน ถูกแจ้ง ม.112 คดีที่ 25 มากที่สุดในประวัติศาสตร์คดีหมิ่นสถาบัน
เพนกวิน ถูกแจ้งข้อหามาตรา 112 คดีที่ 25 มากที่สุดในประวัติศาสตร์การเอาผิดข้อหาหมิ่นสภถาบัน ปมเหตุ ปารีณา กล่าวหาโพสต์พาดพิงศาลรัฐธรรมนูญคดีบ้านพักหลวง พลเอก ประยุทธ์ ตั้งแต่ปี 64
เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2567 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เปิดเผยว่า “เพนกวิน” นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ นักกิจกรรมทางการเมือง เดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาที่ สน.ทองหล่อ ตามหมายเรียกในข้อหา “หมิ่นประมาทกษัตริย์” ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (3)
ก่อนหน้านี้ พริษฐ์ได้รับหมายเรียกของ สน.ทองหล่อ ลงวันที่ 23 ก.พ.2567 ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาตามมาตรา 112 โดยมีชื่อของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้กล่าวหาพริษฐ์ได้ขอเลื่อนการรับทราบข้อกล่าวหาออกมาเป็นวันนี้ ก่อนพบว่าถูกกล่าวหาจากเหตุโพสต์เฟซบุ๊กวิจารณ์ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญหลังมีคำวินิจฉัยให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ขาดคุณสมบัติความเป็นนายกรัฐมนตรี จากกรณีพักอาศัยในบ้านพักข้าราชการทหารแม้เกษียณอายุไปแล้ว
พริษฐ์ พร้อมทนายความ เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน พ.ต.ท.หญิง สุพรรณา ต้นตระกูลรัตน์ รองผู้กำกับการ (สอบสวน) สน.ทองหล่อ
พนักงานสอบสวนได้แจ้งพฤติการณ์ข้อกล่าวหาโดยสรุปว่า เมื่อวันที่ 2 ธ.ค.2564 เวลา 23.30 น. ขณะที่ น.ส.ปารีณา ผู้กล่าวหา พักอาศัยอยู่ในที่พัก ได้พบเห็นข้อความในเพจเฟซบุ๊กหนึ่ง ที่ใช้ชื่อเดียวกับพริษฐ์มีการโพสต์ข้อความทั้งหมด 4 ข้อความ มีเนื้อหาเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ถึงกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณี พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ขาดคุณสมบัติความเป็นนายกรัฐมนตรี โดยมีโพสต์ที่พาดพิงถึงพระนามของกษัตริย์รัชกาลปัจจุบัน และมีโพสต์ที่นำพระราชดำรัสที่รัชกาลที่ 9 กล่าวกับตุลาการ ซึ่งอยู่ในบทความวิชาการมาโพสต์นำเสนอ
“ปารีณา” ผู้กล่าวหาเห็นว่าโพสต์ดังกล่าวเป็นการใส่ความ หมิ่นพระเกียรติและหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โดยประการที่น่าจะทำให้รัชกาลที่ 10 เสื่อมเสียพระเกียรติยศ เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นและถูกเกลียดชัง เสื่อมศรัทธา ไม่เคารพสักการะ ซึ่งองค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะผู้ใดจะละเมิดมิได้ โดยน่าเชื่อว่าพริษฐ์เป็นผู้ใช้เพจเฟซบุ๊กดังกล่าว
พนักงานสอบสวนได้แจ้ง 2 ข้อกล่าวหาต่อพริษฐ์ ได้แก่ “หมิ่นประมาทกษัตริย์” ตามมาตรา 112 และ “นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร” ตามมาตรา 14 (3) พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
พริษฐ์ได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา และประสงค์จะส่งคำให้การในชั้นสอบสวนเป็นหนังสือภายใน 30 วันนอกจากนี้ ยังปฏิเสธไม่พิมพ์ลายนิ้วมือ และร้องขอให้พิสูจน์ตัวตนและประวัติการกระทำความผิดผ่านหมายเลขประจำตัวประชาชน เพราะเห็นว่าไม่มีความจำเป็นต้องใช้ลายพิมพ์นิ้วมือในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์ หรือความผิดในคดีนี้หรือไม่ และจะขอให้ถ้อยคำเพิ่มเติมเป็นหนังสือภายใน 30 วัน
ด้านพนักงานสอบสวนแจ้งว่า การกระทำดังกล่าวเป็นความผิดฐานขัดคำสั่งเจ้าพนักงาน อย่างไรก็ตาม พริษฐ์ยังคงยืนยันไม่พิมพ์ลายนิ้วมือ และจะให้การเป็นหนังสือเพิ่มเติมภายใน 30 วันเหมือนเดิม
หลังเสร็จสิ้นกระบวนการรับทราบข้อหา พนักงานสอบสวนปล่อยตัวพริษฐ์ไปโดยไม่มีการควบคุมตัวไว้ เนื่องจากมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก ไม่มีเหตุให้ควบคุมตัวไว้
ทั้งนี้ พริษฐ์ ถูกกล่าวหาในข้อหาตามมาตรา 112 ในคดีนี้ เป็นคดีที่ 25 แล้ว ระหว่างการเคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงปี 2563-2564 นับได้ว่าเป็นผู้ถูกกล่าวหาในข้อหานี้ด้วยจำนวนคดีมากที่สุดเท่าที่ทราบข้อมูล
ในส่วนคดีใหม่นี้ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ระบุ ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าเหตุใดตำรวจจึงเพิ่งมีการออกหมายเรียกหลังจากผู้กล่าวหาไปแจ้งความไว้และหลังเกิดเหตุหลายปี โดยก่อนหน้านี้มีรายงานข่าวกรณีที่ น.ส.ปารีณาไปถอนการแจ้งความเพนกวินในคดีหมิ่นประมาท พล.อ.ประยุทธ์ที่ สน.ทองหล่อด้วยขณะเดียวกัน ก่อนหน้านี้พริษฐ์ยังเคยถูกกล่าวหาในคดีดูหมิ่นศาลรัฐธรรมนูญจากการโพสต์ข้อความในเรื่องเดียวกันนี้ โดยเป็นคดีของ สน.ทุ่งสองห้อง แต่อัยการได้มีคำสั่งไม่ฟ้องคดีไปแล้ว
จากการติดตามของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน นับตั้งแต่เริ่มมีการกลับมาดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ตามแถลงการณ์ของ พล.อ.ประยุทธ์เมื่อเดือน พ.ย.2563 มีผู้ถูกดำเนินคดีในข้อหานี้ไปแล้วอย่างน้อย 269 คน ใน 299 คดี.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง