พบเคสแรกที่ญี่ปุ่น ‘โรคไวรัสเห็บ’ ติดต่อจากคนสู่คนได้
วันนี้ 21 มีนาคม 2567 สำนักข่าวญี่ปุ่นรายงาน สถาบันโรคติดต่อแห่งชาติของญี่ปุ่น (NIID) เปิดเผยการยืนยันกรณีแรกของการแพร่ระบาดของไวรัส severe fever with thrombocytopenia syndrome (SFTS) หรือ โรคไวรัสเห็บ จากคนสู่คนในประเทศญี่ปุ่น
ไวรัสชนิดนี้แพร่ระบาดโดยเห็บ เกิดการติดต่อจากผู้ป่วยสู่นายแพทย์ที่ให้การรักษา
รายงานของ NIID ระบุว่าแพทย์ชายอายุราว 20 ปี ได้ทำการรักษาผู้ป่วยชายวัย 90 ปี ที่เข้าห้องฉุกเฉินเมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้ว เนื่องจากอาการทรุดหนัก และได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อ SFTS แพทย์ทำการรักษาหลายขั้นตอนกับผู้ป่วย ซึ่งเสียชีวิตลงในภายหลัง รวมถึงการถอดสายสวนปัสสาวะหลังการเสียชีวิตด้วย โดยที่แพทย์สวมหน้ากากอนามัยและถุงมือ แต่ไม่ได้สวมแว่นตาป้องกัน
ประมาณ 9 วันหลังการเสียชีวิตของผู้ป่วย แพทย์เริ่มมีอาการไข้และปวดศีรษะ และตรวจพบว่าติดเชื้อ SFTS
ผลการวิเคราะห์พันธุกรรมของไวรัสที่พบในทั้งผู้ป่วยและแพทย์แสดงให้เห็นว่ามีลำดับพันธุกรรมที่เหมือนกัน ทำให้ยืนยันได้ว่าเป็นการติดต่อจากคนสู่คน
แม้ว่าเคสการติดต่อจากคนสู่คนของเชื้อ SFTS เคยถูกบันทึกพบในจีนและเกาหลีใต้มาก่อน แต่นี่ถือเป็นเคสแรกที่เกิดขึ้นในญี่ปุ่น
NIID ได้ออกแถลงการณ์เตือนบุคลากรทางการแพทย์ถึงความสำคัญของการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการติดเชื้ออย่างเคร่งครัด และต้องสวมอุปกรณ์ป้องกันใบหน้าเพื่อป้องกันการกระเด็นของเลือดจากผู้ป่วย
ส่วนในไทย สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย เคยเผยแพร่งานวิจัยของ พญ.พักต์เพ็ญ สิริคุตต์ จากสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ระบุว่า ในปลายเดือน ก.ค.2560 พบผู้ป่วยหญิงชาวญี่ปุ่นอายุ 51 ปีเสียชีวิตจากการติดเชื้อที่มีเห็บแมวเป็นพาหะ สาเหตุของการเสียชีวิตในผู้ป่วยคนนี้เกิดจากโรค SFTS
โรค SFTS เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อ severe fever with thrombocytopenia syndrome virus (SFTSV) เป็นเชื้อไวรัสใหม่ ชนิด RNA อยู่ใน genus phlebovirus, family Bunyaviridae1
ระวังภัยจากเห็บ! รู้จักกับโรคไข้รุนแรงทำให้เกล็ดเลือดต่ำ (SFTS)
โรคนี้ย่อมาจากชื่อเต็าม “Severe Fever with Thrombocytopenia Syndrome” หรือ “ไข้รุนแรงเกล็ดเลือดต่ำ” เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่เกิดจากถูกเห็บกัด แม้จะพบไม่บ่อย แต่ก็สำคัญมากที่เราต้องรู้จักโรคนี้ โดยเฉพาะคนที่ชอบไปเที่ยวป่าหรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง
คนติดโรคไวรัสเห็บได้อย่างไร?
อย่างที่บอกไป โรค SFTS นั้นเกิดจากถูกเห็บกัด เห็บตัวจิ๋วเหล่านี้สามารถพาหะไวรัส SFTS และสามารถแพร่เชื้อสู่มนุษย์เมื่อมันดูดเลือด
อาการของโรคมีอะไรบ้าง?
ในช่วงแรก อาการของโรคจะคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ ได้แก่
- ไข้สูง
- ปวดศีรษะ
- ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
- อ่อนเพลีย
- คลื่นไส้ อาเจียน
แต่ยังมีอาการอื่น ๆ เพิ่มเติมที่ทำให้แยกโรคได้ เช่น
- เกล็ดเลือดต่ำ (thrombocytopenia)
- เม็ดเลือดขาวต่ำ (leukopenia)
- ท้องเสีย
- เบื่ออาหาร
- มึนงง
โรคไวรัสเห็บอันตรายแค่ไหน?
โดยทั่วไป คนส่วนใหญ่สามารถหายจากโรค SFTS ได้ด้วยการรักษาที่เหมาะสม แต่สำหรับบางกลุ่ม เช่น ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว โรคนี้ก็อาจรุนแรงและถึงขั้นเสียชีวิตได้
วิธีรักษา
ปัจจุบันยังไม่มียาต้านไวรัส SFTS โดยตรง การรักษาจะมุ่งเน้นไปที่การบรรเทาอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อน ซึ่งอาจรวมถึง
- การให้สารน้ำและเกลือแร่เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ
- ยาลดไข้ แก้ปวด
- การถ่ายเลือดในกรณีรุนแรง
วิธีป้องกันโรค
วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันคือไม่ให้ถูกเห็บกัด มีหลายวิธีที่เราทำได้ ดังนี้
- หลีกเลี่ยงการไปในบริเวณที่มีหญ้าสูงหรือป่ารกทึบ ซึ่งเป็นแหล่งที่พบเห็บได้บ่อย
- สวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว เมื่อไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง
- ทายากันยุง ที่มีส่วนผสมของ DEET หรือ permethrin บนเสื้อผ้าและผิวหนังที่ exposed
- ตรวจร่างกาย หาเห็บหลังจากไปทำกิจกรรมกลางแจ้ง โดยเฉพาะบริเวณที่มีหญ้าสูงหรือป่ารกทึบ
- กำจัดเห็บ ออกจากร่างกายอย่างถูกวิธี โดยใช้แหนบดึงออก ห้ามบีบหรือเผาเห็บ
หากมีอาการไข้ อ่อนเพลีย หรืออาการคล้ายไข้หวัดใหญ่หลังจากถูกเห็บกัด ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อตรวจหาเชื้อ SFTS และรับการรักษาที่เหมาะสม