ดราม่า ‘รถแห่งานบวช’ ปะทะ ‘เจ้าของร้านขายสี’ แรงทั้งคู่ เขวี้ยงเก้าอี้-ปาขวดใส่กัน
ดราม่าระอุ โผล่คลิปปะทะคารม เจ้าภาพรถแห่งานบวชนาค กับ เจ้าของร้านขายสีและอุปกรณ์ก่อสร้าง สองฝ่ายโต้กลับกันไปมา ฝั่งหนึ่งเขวี้ยงเก้าอี้ อีกฝั่งปาขวดแก้วเข้าร้าน ชาวเน็ตแห่วิจารณ์ยับ
จากกรณีดราม่าที่เกิดขึ้น เมื่อเพจเฟซบุ๊ก อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้มีการแชร์คลิปวิดีโอ นาทีแห่งความวุ่นวายของกลุ่มเจ้าภาพงานบวช อ้างถูกเจ้าของร้านขายสีและอุปกรณ์ก่อสร้างโยนเก้าอี้พลาสติกใส่ เหตุเพราะรถแห่นาคเสียงดังจนเกินไป ทำให้เจ้าของร้านโมโห จนกระทั่งมีปากเสียงกัน
ทางเพจอยากดังเดี๋ยวจัดให้ ยังได้มีการเขียนข้อความประกอบคลิปดังกล่าวเอาไว้ด้วย โดยระบุว่า สงสารเจ้าภาพ แต่ก็เข้าใจเจ้าของร้านอาจจะไม่ชอบเสียงดัง
“สงสารเจ้าภาพนะ..กับงานแค่วันเดียว..มุมของร้านค้าเขาอาจจะไม่ชอบเสียงดัง เหตุมันเลยเกิด พวกผมไปสร้างความสนุกไห้เจ้าภาพ ไม่ได้มีเจตนาจะไปลบกวนท่าน แต่ท่านจะเอาเก้าอี้มาปาพวกผม และมายืนชี้นิ้วด่าแบบนี้ไม่ได้นะครับ อยากให้คุณป้าคุยดีๆกับพวกผมหน่อย พวกผมแค่มาสร้างความสนุกให้กับเจ้าภาพ เจ้าภาพเขาจัดงานแค่วันเดียว ไม่ได้จัดงานแบบนี้ทุกวัน สงสารเจ้าภาพเลย #รถแห่วาเลนไทน์ #นิวนิวแบนด์ #ที่นี่ช่องแคตาคลี
-อย่าแล้งน้ำใจเลยวิถีงานบุญของคนไทยเดี๋ยวเขาก็แห่ผ่านไปลดความใจแคบลงคิดบวกชีวิตจะได้สดชื่น
-สาเหตุเกิดจากอะไรคะ ทำไมถึงทำกิริยาแบบนี้ / ทางเจ้าของร้านออกมาปาเก้าอี้ใส่นักดนตรีบอกว่าให้เลิกเล่นถ้าจะเล่นไปเล่นกันที่อื่นทางเจ้าของร้านเขาไม่ชอบเขาหนวกหูค่ะ”
ดูท่าว่าเรื่องราวมันจะไม่ได้จบลงตามคลิป 1 นาทีที่ทางเพจเอามาโพสต์ เพราะหลังจากที่ได้ฟังความจากทั้งสองฝั่งแล้วก็ดูเหมือนว่าดราม่ามันจะบานปลายไปถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาลกันแล้ว เพราะหลังจากที่เกิดเป็นกระแสดราม่าขึ้นเมื่อวันที่ 18 มี.ค. 67 ที่ผ่านมา ก็ได้มีการติดต่อสอบถามไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งรถแห่ในวันนั้น, เจ้าภาพงานบวช รวมถึงเจ้าของร้านขายสีและปอุปกรณ์ก่อสร้าง เพื่อฟังเรื่องราวจากทุกมุม จึงได้ความว่า
เริ่มที่การสอบถามจากทางฝั่งของรถแห่งานบวช ได้กล่าวอ้างว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงวันที่ 17 มีนาคม 2567 ที่ผ่านมา ในพื้นที่อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ วงดนตรีรถแห่เจ้านี้ได้ถูกเจ้าภาพจ้างงานไปเล่น โดยมีการตั้งขบวนตั้งแต่หน้าบ้านงาน และเคลื่อนไปเรื่อย ๆ เพื่อพานาคไปเข้าพิธีอุปสมบทที่วัดช่องแค ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านงานไปประมาณ 3 กิโลเมตร
กระทั่งขบวนเริ่มเคลื่อนผ่านมาถึงบริเวณหน้าร้านขายวัสดุก่อสร้าง คู่กรณีที่เป็นเจ้าของร้านก็ออกมายืนตะโกนเชิงต่อว่า ให้ไปเล่นดนตรีกันที่อื่น เพราะในบ้านมีผู้ป่วยโรคหัวใจอยู่ ก่อนจะโยนเก้าอี้พลาสติกออกจากภายในบ้านจนไปโดนรถเครื่องขยายเสียง ทำให้นักร้องหยุดร้องและเบาเสียงดนตรีลง เจ้าภาพก็เข้าไปเคลียร์ แต่เหมือนจะเป็นผลจนทำให้เกิดมีปากเสียงโวยวายกันขึ้นตามที่ปรากฎในคลิป ก่อนจะสั่งให้วงดนตรีเล่นต่อไปจนถึงวัด โดยมาทราบภายหลังว่าหลังจากเกิดการปะทะคารมแล้วเจ้าของร้านก็ได้ไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่สถานีตำรวจ
ต่อมาเป็นการสอบถามข้อมูลจากทางฝั่งเจ้าของร้านวัสดุก่อสร้าง ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับว่าในตอนนั้นโมโห และปาเก้าอี้ใส่จริง เนื่องจากเสียงที่ดังนั้น อาจส่งผลไม่ดีต่อผู้ป่วยโรคหัวใจที่อยู่ภายในบ้านของเธอ แต่ยืนยันไม่ได้มีเจตนาที่จะทำร้ายร่างกายใคร เพียงแค่อยากให้ทุกคนที่ยืนอออยู่หน้าร้านในตอนนั้น หยุดโวยวาย และฟังคำร้องขอของตนบ้างเพียงเท่านั้น แต่คาดว่าน่าจะออกแรงปาเยอะเกินจนทำให้พลาดไปถูกรถเข้า จนกระทั่งเกิดความวุ่นวายและถูกรุมต่อว่าตามที่ปรากฎในคลิป หลังจากนั้นตนและครอบครัวกลัวมาก จึงรีบเดินทางไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันเอาไว้
ระหว่างเดินทางกลับจากโรงพักก็คิดเอาไว้ว่าเรื่องมันคงจบแล้ว เพราะขบวนรถแห่งานบวชนาคก็เคลื่อนผ่านบ้านตนไปจนถึงวัดเรียบร้อยแล้ว ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น ในระหว่างที่เจ้าของร้านนั่งอยู่ภายในร้านก็ได้ยินเสียงคล้ายแก้วแตกบริเวณหน้าร้าน เมื่อออกไปดูก็พบว่ามีเศษแก้วแตกเกลื่อนเต็มหน้าร้าน และกระเด็นเข้ามาในบริเวณร้านด้วย
เมื่อเปิดกล้องวงจรปิดย้อนดู ก็พบผู้ก่อเหตุเป็นชาย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์ผ่านหน้าร้านตน โดยคนซ้อนเป็นคนเขวี้ยงขวดแก้วมาใส่ร้าน ซึ่งภาพปรากฎชัดเจนทั้งหน้า และทะเบียนรถ โดยเจ้าของร้านกล่าวว่า จะไม่ขอพูดอะไรมาก และขอไปเคลียร์กันที่ศาลเลยทีเดียว
ทางด้านของทางเจ้าภาพ ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า หลังจากเกิดเหตุดังกล่าวขึ้น ได้มีการเจรจากับคู่กรณี และเคลียร์กันไปบ้างแล้ว และไม่อยากให้มีปัญหาต่อ
ส่วนของชายหนุ่มเชิ้ตสีขาวที่ถือมือไมค์ประกาศกร้าวว่าตัวเองเป็นทนายความ และทำกิริยาตามที่ปรากฎในคลิปนั้น ด้านนายภัทรเดช หลักทรัพย์ นายกเทศมนตรีช่องแคยอมรับว่ารู้จักกับชายคนดังกล่าว แต่เขาอยู่ในพื้นที่ตำบลอื่น ไม่ได้ ต.ช่องแค และก็ไม่ได้เป็นทนายตามที่กล่าวอ้างแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตามเรื่องราวที่เกิดขึ้นยังไม่มีใครทราบถึงความคืบหน้าว่าสรุปแล้วทั้งหมดจะมีการตกลงพูดคุยกันอย่างไรหลังจากนี้ แต่ทางด้านของชาวเน็ตเองนั้นที่ได้ติดตามประเด็นนี้ต่างก็เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์กันไปอย่างมากมาย ประมาณว่า “ทั้งสองฝ่ายก็แรงเหมือนกัน แต่ก็เข้าใจเจ้าของบ้านที่มีผู้ป่วยอาศัยอยู่ หากมีเสียงดังรบกวนขนาดนี้ก็อาจจะส่งผลเสียต่อผู้ป่วยได้”
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- จบดราม่า “หนุ่ม กรรชัย” ฟาดใคร “ไอ้หน้าชามข้าวหมา” เหตุไปรู้บางอย่างมา
- เอาไงดี โพสต์ขายบ้าน-ที่ดิน จ.น่าน 12 ล้าน ทำคนไม่ซื้อดราม่ากันวุ่น
- สรุปดราม่า โกงบัตรคอนเสิร์ต “เทย์เลอร์ สวิฟต์” พบเป็นบัตรปลอม ที่นั่งซ้ำหลายคน
อ้างอิงจาก : FB อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6