‘บิ๊กรอย’ เอาจริง เพิ่มความเข้มงวดคัดกรองต่างชาติ ปราบพวกทำผิดกฎหมาย
บิ๊กรอย เอาจริง สั่งตรวจ ตม. เพิ่มความเข้มงวดคัดกรองต่างชาติเข้าประเทศ พร้อมปราบปรามพวกมีพฤติกรรมผิดกฎหมาย
พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. และ รรท.ผบ.ตร. เซ็นหนังสือลมนาม คำสั่งบันทึกข้อความส่วนราชการ ตร. เมื่อวันที่ 14 มีนาคม ที่ผ่านมา กำชับการปฏิบัติในการป้องกันปราบปรามชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมผิดกฎหมาย ถึง ผบช.สตม. โดยมีใจความระบุว่า ด้วย ปรากฏตามสื่อสังคมออนไลน์ (social media) และตามสื่อมวลชนต่างๆ ว่ามีคนต่างชาติที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว และพำนักอยู่ในประเทศไทย มีพฤติการณ์ที่เป็นภัยต่อสังคม
จากการตรวจสอบพบว่า ไม่ได้เข้ามาตามที่กฎหมายกำหนด มีพฤติการณ์แอบแฝงที่จะอยู่ในประเทศด้วยเหตุผลอื่น ซึ่งไม่เป็นไปตามเหตุแห่งความจำเป็นที่คนต่างชาตินั้นได้รับอนุญาต มีการกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนหรือหลีกเสี่ยงไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย แสดงให้เห็นถึงความไม่เคารพยำเกรงต่อกฎหมายไทย
ทั้งประเทศไทยไม่ได้รับประโยชน์จากการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวเหล่านั้นแต่อย่างใด ความเสียหายต่อสังคม เศรษฐกิจ การเมือง และความมั่นคงของประเทศไทย เพื่อเป็นการควบคุมและป้องกันคนต่างชาติที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวมากระทำผิดกฎหมาย หรือก่ออาชญากรรม หรือมีพฤติการณ์เป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคม หรือจะก่อเหตุร้ายให้เกิดอันตรายต่อความสงบสุขหรือความปลอดภัยของประชาชน หรือความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
จึงกำชับการปฏิบัติในการป้องกันปราบปรามชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมผิดกฎหมาย ดังนี้
1.เพิ่มความเข้มในการตรวจสอบคัดกรองคนต่างชาติที่เดินทางผ่านเข้า – ออกราชอาณาจักรตลอดจนการพิจารณาให้คนต่างชาติได้รับอนุญาตอยู่ต่อในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราว การตรวจลงตราและการเปลี่ยนประเภทการตรวจลงตรา โดยให้ถือปฏิบัติตามกฎหมาย กฎ ระเบียบและคำสั่งที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
2.ให้สืบสวนจับกุมการกระทำผิดกฎหมายทุกฐานความผิดตามกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคนต่างชาติให้ครบถ้วน ได้แก่ กฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง กฎหมายว่าด้วยการทำงานของคนต่างด้าว กฎหมายว่าด้วยสถานบริการ การประกอบกิจการหรือธุรกิจผิดกฎหมาย การทำนิติกรรมอำพราง (นอมินี) โดยให้คนไทยถือครองหุ้นบริษัท หรือครอบครองกรรมสิทธิ์อสังหาริมทรัพย์แทนคนต่างชาติ เพื่อประกอบธุรกิจโดยหลีกเลี่ยงการปฏิบัติตามกฎหมาย ฯลฯ ตลอดจนตรวจสอบพฤติกรรมชาวต่างชาติว่า มีพฤติการณ์เข้าข่ายเป็นผู้มีอิทธิพลหรือไม่ อย่างไร โดยให้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมบูรณาการในการตรวจสอบ และบังคับใช้กฎหมายโดยเคร่งครัด
3.กรณีตรวจสอบพบว่าคนต่างด้าวมีพฤติการณ์ที่อยู่ในราชอาณาจักร โดยไม่ได้เป็นไปตามเหตุแห่งความจำเป็น หรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนด หรือมีพฤติการณ์ที่เข้าข่ายในลักษณะเป็นบุคคลต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร หรือมีพฤติการณ์อื่นใดที่สมควรเพิกถอนการอนุญาต ให้ดำเนินการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร ตาม มาตรา 36 แห่ง พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522
4.ทั้งนี้ ให้กำชับหน่วยงานในสังกัดจัดทำแผนการปฏิบัติ และกำหนดวงรอบในการออกตรวจสืบสวนจับกุมอย่างต่อเนื่อง และครอบคลุมทุกพื้นที่ตามห้วงเวลาที่เหมาะสมอย่างเป็นรูปธรรม และเมื่อมีการจับกุมผู้กระทำความผิดได้ ให้สืบสวนขยายผลการจับกุมทุกราย และรายงานผลการปฏิบัติให้ทราบ ภายในวันที่ 10 ของทุกเดือน เริ่มรายงานผลการปฏิบัติครั้งแรกภายในวันที่ 10 เม.ย.67
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- แจ้ง 5 ข้อหา ฝรั่งแย่งปืนตำรวจภูเก็ต ยืนยันไม่ได้รับกระเช้า ขอจบเรื่อง
- หญิงวัย 42 ร้อง ถูกชาวรัสเซียทำร้ายร่างกายถึงบ้าน แต่โดนแจ้งความเอง
- ‘เดวิด’ ได้อยู่ไทยต่อ ประกันตัวสู้คดี ตั้งเงื่อนไข ต้องรายงานตัวทุก 15 วัน