เศรษฐา แจง ไม่ประกาศเชียงใหม่ เป็นพท.ฉุกเฉิน ฝุ่น PM พุ่ง ห่วงกระทบนักท่องเที่ยวต่างชาติ
เศรษฐา แจง ไม่ประกาศเชียงใหม่ เป็นพท.ฉุกเฉิน ฝุ่น PM พุ่ง ห่วงกระทบนักท่องเที่ยวต่างชาติ ประกันจะไม่คุ้มครองทันที
วันนี้ 15 มีนาคม 2567 คืบหน้าสถานการณ์ฝุ่นพิษ PM 2.5 ที่กำลังพุ่งสูงอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่ขณะนี้ หลายวันที่ผ่านมามีบางช่วงที่ค่าอากาศมีมลพิษแย่ติดอันดับ 1 ของโลก จนกระทบต่อสุขภาพประชาชน มีรายงานเด็กเล็กสูดควันจนมีเลือดกำเดาไหล ประชาชนร้อนเรียนไปยังรัฐบาลให้แก้ไขปัญหานี้โดยเร่งด่วน และควรเป็นวาระระดับชาติ
ล่าสุด นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งกำลังปฏิบัติภารกิจอยู่ในเชียงใหม่ และสองวันก่อนได้โพสต์รูปปั่นจักรยานที่สวนพฤกษชาติ นั้น ได้โพสต์ข้อความในทวิตเตอร์ x ตอบคำถามถึงกรณีว่าเหตุใดยังไม่ประกาศให้เชียงใหม่เป็นพื้นที่ฉุกเฉินไว้ว่า
“จากกรณีที่มีคำถามมาถึงผมว่า ทำไมจึงไม่ประกาศให้ จ.เชียงใหม่ เป็นพื้นที่ฉุกเฉิน ในขณะที่ค่าฝุ่นสูง ผมได้รับฟังความคิดเห็น และข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องแล้วครับ
เกรงว่าหากประกาศให้เชียงใหม่เป็นพื้นที่ฉุกเฉินจะส่งผลทางลบมากกว่า เพราะสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนั้นคือ จะกระทบกับจำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เพิ่งฟื้นตัวหลังจากผลกระทบโควิด-19 เพราะนักท่องเที่ยวที่ซื้อประกันมาจากบ้านเขา หากเข้ามาท่องเที่ยวในเขตภัยพิบัติ หรือ พื้นที่ฉุกเฉิน ประกันจะไม่คุ้มครองทันที
แน่นอนครับว่า จ.เชียงใหม่จะเสียนักท่องเที่ยวที่ตั้งใจมาเที่ยวทั้งระยะสั้น และ ระยะยาว เราเป็นห่วงกันตรงนี้ครับ
วิธีบริหารจัดการเรื่องฝุ่นมีหลายวิธี รัฐบาลพร้อมรับฟังทุกข้อเสนอแนะ แต่รัฐบาลต้องตัดสินใจเลือกทางที่ดี และมีประสิทธิภาพที่สุดสำหรับพี่น้องประชาชนที่ต้องทำมาหากินด้วยครับ
ส่วนเรื่องงบกลางที่รัฐบาลจัดสรรไปที่กรมอุทยานฯ กระทรวงทรัพย์ฯ นั้น พร้อมเบิกจ่ายเมื่อวานนี้ (16 มีนาคม) ครับ ผมขอย้ำว่า การจัดสรรงบกลางนี้ เป็นการจัดสรรงบตรงถึงมือพี่น้องอาสาสมัครที่อาสาเข้ามาดูแลเฝ้าระวังไฟป่า ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการจัดสรรงบฯในลักษณะนี้ เพราะเราต้องการจ้างคนในพื้นที่มาดูแลรักษาพื้นที่ของเขา ตามโจทย์ของพื้นที่ และงบฯที่ให้ไปมีจำนวนมากกว่างบฯ ฉุกเฉินด้วย”
ทั้งนี้ หลังโพสต์ของนายเศรษฐาเผยแพร่ออกไป ได้มีประชาชนเข้ามาแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก ทั้งไม่เห็นด้วยกับวิธีคิดดังกล่าว ที่มองในมุมมองเศรษฐกิจมากกว่าสุขภาพประชาชน ขณะที้หลายคนก็เห็นด้วยและเข้าใจว่าทางรัฐบาลมีมาตรการเตรียมพร้อมอยู่ การประกาศภาวะฉุกเฉินอาจสร้างผลกระทบมากกว่า ประกาศไปแล้ว ฝุ่นก็ไม่หายไปทันที แต่กระทบกับประกันนักท่องเที่ยว จะเสียในระยะยาวมากกว่า
“สิ่งที่นายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ปชช.ให้ความสนใจ ต้องทำคือ “สร้างความตระหนักรู้” แต่สิ่งที่คุณทำเมื่อวานที่ขี่จักรยาน ไม่ใส่หน้ากาก มันตรงกันข้าม .. จากปูมหลัง การงาน การศึกษา คุณน่าจะตระหนักคิดได้ได้มากกว่าที่เป็นอยู่”
“คนในท้องถิ่นรู้ดีถึงสภาวะต่างๆ ดีกว่าคนอื่นๆ อย่างแน่นอน แต่การที่พวกเขามีส่วนร่วมในการจัดการกับไฟป่าอาจไม่ได้ผลตามที่ต้องการ
คุณต้องผลักดันให้กรมป่าไม้ค้นหาสาเหตุของเพลิงไหม้ก่อนแล้วจึงใช้มาตรการที่เข้มงวด”
“เกรงว่าหากประกาศจะส่งผลทางลบมากกว่า”
“อ๋อก็เลยทำเหมือนประยุทธ์ ที่อะไรก็ตามมันเน่าก็จะซุกไว้ใต้พรม สร้างภาพว่าไทยยังอากาศดีนะ มาเที่ยวเยอะๆสิงี้สินะ ผลต่อสุขภาพประชาชนไม่สนใจ เอานักท่องเที่ยวไว้ก่อน เยี่ยมจริงๆ ยังไงเขาเข้ามาเขาก็เห็นเหมือนเดิม ซ้ำร้ายถ้าเขาโพสต์ความจริงเรื่องฝุ่นลงโลกออนไลน์ยิ่งแล้วใหญ่เลยคราวนี้
อะไรที่เป็นความจริงควรพูดออกมาอย่าปกปิด
ถ้ามันฉุกเฉินก็คือฉุกเฉินอยู่ดี
“ไม่ใช่บอกโปรดมาเที่ยวที่เมืองของฉัน ในขณะที่อากาศแย่โคตรๆ””
“แล้วชาวบ้าน พ่อค้าแม่ค้าภาคเหนือ จะหารายได้มาจากไหน”
“ทำไงได้ท่านกลัวนักท่องเที่ยวกังวลเลยปั่นจักรยานโชว์กลางแจ้ง ท่านอยู่ไม่กี่วันออกกลางแจ้งไม่กี่ชั่วโมง แต่ชาวบ้านเค้าต้องอยู่ที่นั่นใช้ชีวิตอยู่ตลอดเวลา เห็นเขาอยู่ได้เลยไม่วิกฤติงั้นรึ”
“ท่านนายกรัฐนตรีแก้ปัญหาต้องมองผลกระทบในภาพรวม โดยเฉพาะในเรื่องเศรษฐกิจของประชาชนในพื้นด้วย ถ้าไม่มีนักท่องเที่ยวปัญหาที่จะตามมาอีกคือประชาชนจะขาดรายได้ เท่ากับเพิ่มปัญหาซำ้ซ้อน”
“ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฝุ่นจะหายไปไหม ตามกฎหมายการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินผู้ว่าจะมีงบ 50 ล้านบาทในการบริหารจัดการ แต่ตอนนี้รัฐบาลอนุมัติงบให้ผู้ว่าอ250 ล้านเยอะกว่างบฉุกเฉินอีก แล้วจะประกาศเพื่ออะไร”
เป็นห่วงนักท่องเที่ยว แต่ไม่เป็นห่วงประชาชนในประเทศน้อ….
“นักท่องเที่ยวเค้าเห็นควันเห็นมลพิษแบบนี้ เค้าก็ไม่มาเที่ยวกันหรอกค่ะ เชียงใหม่ ทุกคนก็หลีกเลี่ยงการมาทางเหนือช่วงรอยต่อฤดูหนาวร้อน เพราะเค้าก็ทราบเรื่องมลพิษพวกนี้กัน”
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
- ทัวร์ลง เศรษฐา ปั่นจักรยาน ที่เชียงใหม่ ไม่ใส่แมส ทั้งที่ค่าฝุ่น PM 2.5 พุ่งสูงมาก
- ถอดภาษากาย “เศรษฐา” ขึ้นปกนิตยสาร TIME บอกอะไรได้บ้าง ?
- ‘ชญาภา’ ซัด อย่าเอาแต่จับผิด ‘เศรษฐา’ คิดแคบ จนมองข้ามโอกาส