ข่าว

“พระครูปลัด” ขอตกนรก โพสต์บูลลี่นางรำ สาวสองจ่อบุกวัด ทวงศักดิ์ศรี

สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ลงพื้นที่ จบดราม่า พระครูปลัดโพสต์ดูถูกนางรำ กรณีสาวสองรวมตัวทวงศักดิ์ศรี โดนพระครูปลัดเหยียดหยาม ดูถูกนางรำ

เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2567 มีรายงานกรณีพิพาทระหว่างนางรำกสตรีข้ามเพศกลุ่มหนึ่ง กับพระสงฆ์ ลำดับชั้น ครูปลัด ในวัดดังจังหวัดสุรินทร์ หลังจากพระครูปลัดรูปดังกล่าว โพสต์รูปนางรำ 7 คน ในงานพิธี พร้อมระบุข้อความว่า “นางฟ้านางสวรรค์สภาพนี้ฉันขอตกนรกตลอดกาล….”

นอกจากนี้ ยังพบว่ามีกลุ่มสาวประเภทสองโพสต์ข้อความนัดรวมตัว หวังทวงศักดิ์สิทธิ์พระสงฆ์หยามเกียรติ ด้วยการโพสต์ขอนัดรวมตัวสตรีเหล็กทั่วประเทศ หากมีโอกาสอยากให้มารวมตัว ณ วัดแห่งนี้ โดยระบุว่า

“พรุ่งนี้ (12 มี.ค) นัดรวมตัวกันนะ บรรดาเพื่อน ๆ สาวสองทั้งหลาย .. บ่ายโมงตรง ที่ อบต.ท่าสว่าง…ไปวัดกัน”

สรุปดราม่า นางรำข้ามเพศ ลือเปิดศึกวัดดังซ้ำรอยเดิม?

หลังจากโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ก็สร้างความไม่พอใจให้กับชาวเน็ตจำนวนมาก ทั้งหมดต่างวิพากษ์วิจารณ์ว่า พระครูปลัด มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ดูถูกเหยียดหยามนางรำ เป็นการบูลลี่และไม่เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

ต่อมา นางรำกลุ่มดังกล่าวได้โพสต์ข้อความตอบโต้ ระบุว่ารู้สึกเสียใจและโกรธแค้นกับข้อความของพระครูปลัด เนื่องจากพวกตนตั้งใจรำถวายด้วยความศรัทธา ไม่สมควรถูกดูถูกเหยียดหยาม

ด้านพระครูปลัด อ้างว่าไม่ได้ตั้งใจจะดูถูก เพียงแค่หยอกล้อเล่นเท่านั้น แต่เมื่อเข้าใจผิดก็ได้ขอโทษกับสิ่งที่โพสต์ลงไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความเสียหายต่อชื่อเสียงของวัดและพระพุทธศาสนา ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสุรินทร์ จึงลงพื้นที่ตรวจสอบและประสานทำความเข้าใจกับทั้งสองฝ่าย

ทั้งนี้ พระครูปลัด กล่าวอีกว่า ภาพที่โพสต์ออกไปเป็นงานพระราชทานเพลิงศพพระครู บ้านอาม็อง ต.ท่าส่วง อ.เมือง จ.สุรินทร์ เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2567 ซึ่งตนได้นำมาโพสต์เมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2567 ก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เพราะคิดว่าโพสต์ที่เขียนเป็นการหยอกล้อเหย้าแหย่กัน ซึ่งอาจเป็นการเข้าใจผิดเกิดขึ้น ถ้าผิดตนก็โพสต์ขอโทษ ขออภัย โดยตนนั้นไม่รู้จริง ๆ และก็ได้ส่งข้อความไปทางอินบอกซ์เฟซบุ๊กส่วนตัวของนางรำแล้ว 2 คน เพื่อบอกขอโทษ แต่ทางนางรำก็ยังไม่เปิดอ่านตอบกลับมา

นางรำสาวสอง นัดไปวัดสุรินทร์ 2567 เบลอ

เรื่องราวทั้งหมด จบลงด้วยดี เลี่ยงสงครามเดือด วัดระอุ

ต่อมาทางด้านของเฟซบุ๊กเพจ อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ก็ได้โพสต์อัปเดตรายละเอียดความคืบหน้าเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว เล่าตั้งแต่เหตุเริ่มต้นไปจนถึงข้อสรุปยุติเหตุที่อาจเกิดขึ้นไว้ได้ โดยระบุเอาไว้ว่า

“อัพเดท…จากเคสเจ้าอาวาสวัดดังแห่งหนึ่งในจังหวัดสุรินทร์ที่มีประเด็นกับสาวนางรำ สุรินทร์-คืบหน้า..กระเทยรวมตัว-คน ไม่พอใจพระครูปลัด โพสต์บูลลี่นางรำสาวสอง 7 คน แม้พระปลัดขอโทษผ่านสื่อ แต่ยังไม่ยอม ต้องการให้สึก ด้านพระต้นเรื่องประสานขอพบกลุ่มสาวสอง เพื่อขอโทษกับตัวคืนนี้ 1 ทุ่ม(ภาพข่าวในคอมเม้นต์)

วันที่ 12 มี.ค.67 จากกรณีที่เพจดัง ที่ใช้ชื่อว่า”อยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ Part 6”ได้มีการโพสต์ข้อความระบุว่า” พี่สื่อข่าวท้องถิ่นแจ้งเรื่องมา วัยวุฒิคุณวุฒิของพระคุณท่านระดับเจ้าอาวาสแล้วไม่น่าจะคิดน้อยนะ ดราม่า ระดับสาวประเภทสอง นัดรวมตัวกันไปที่วัด ที่ตำบลเฉนียง อำเภอเมืองจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งพระ เป็นเจ้าอาวาสวัดดังแห่งหนึ่ง-สาวสองรวมตัวกันไปวัดวันพรุ่งนี้ 14:00 น.”พร้อมรูปภาพของเฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า”วิทยา หลวงแอร์ ผิวงาม”ที่ได้มีการโพสต์ข้อความว่า”ถ้านางฟ้านางสวรรค์สภาพนี้ ฉันขอตกนรกตลอดกาล”

พร้อมรูปภาพนางรำที่สวมชุดนางอัปสรา ที่กำลังร่ายรำ จำนวน 7 คน และมีภาพเพสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า”หม่อมแม่มัช บิวตี้ซาลอน” โพสต์ข้อความว่า”ยางไง กะเทย”พร้อมรูปภาพที่พิมพ์ข้อความวว่า”พรุ่งนี้นัดรวมตัวกันน่ะบรรดาสาวๆสองทั้งหลาย บ่ายตรงโมง ที่ อบต.ท่าสว่าง ไปวัดกัน” ก่อนที่จะมีชาวโซเชี่ยลเข้าไปวิพากย์วิจารณ์เฟสบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า”วิทยา หลวงแอร์ ผิวงาม”ถึงความไม่เหมาะสมที่ใช้คำพูดบูลลี่ดูถูกกลุ่มนางรำทั้ง 7 คน เป็นจำนวนมาก ก่อนที่ล่าสุดพบว่าเฟสบุ๊คของที่ใช้ชื่อว่า”วิทยา หลวงแอร์ ผิวงาม”ได้ลบข้อความและรูปภาพออกไปแล้ว เมื่อวานนี้ (11 มี.ค.67)

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้สอบถามข้อมูลกับกลุ่มนางรำเบื้องต้นยังไม่สะดวกเปิดเผยชื่อ และจะขอเปิดเผยความจริงในช่วงบ่ายวันนี้อีกครั้ง ผู้สื่อข่าวทราบเบื้องต้นว่า ผู้ที่โพสต์ดังกล่าว เป็นพระ อยู่วัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.เฉนียง (ฉะ-เนี๋ยง) อ.เมือง จ.สุรินทร์ กลุ่มนางรำ จึงเกิดความไม่พอใจ และได้รวมตัวกัน แจ้งความเอาผิดไว้แล้ว เมื่อเวลา 19.00 น.ของคืนที่ผ่านมา ที่ สภ.เมืองสุรินทร์ โดยนางรำทั้ง 7 คนเป็นสาวประเภทสอง ที่ไปรำอาสาด้วยใจ

เป็นภาพในงานพระราชทานเพลิงศพพระครูโสภณธรรมาภิมณฑ์ (วิรัติ โสภณสีโล) ผศ.ดร. อายุ 85 ปี อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดยานนาวาพระอารามหลวง กรุงเทพมหานคร อดีตรักษาการเจ้าอาวาสวัดอาม็อง ต.ท่าสว่าง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ณ เมรุวัดอาม็อง เมื่อวันที่ 5 ม.ค.2567 ที่ผ่านมา ซึ่งภาพกลุ่มนางรำดังกล่าวได้เคยถูกเฟสบุ๊คเดิม โพสต์ตำหนิในลักษณะนี้มาแล้วหลังจากงานพระราชทานเพลิงศพได้ 1-2 วัน ก่อนจะลบทิ้งไป และพึ่งมาโพสต์อีกครั้ง เมื่อวานนี้ (11 มี.ค.67) ก่อนจะเป็นเรื่องดังกล่าว

ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังวัดอาม็อง ต.ท่าสว่าง อ.เมืองฯเพื่อดูพื้นที่จัดงานพระราชทานเพลิงศพ ภาพต้นเหตุ ก่อนจะเดินทางไปยังวัดโสภณธรรมาราม ต.เฉนียง อ.เมือง จ.สุรินทร์ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงกับพระรูปดังกล่าว คือ พระครูปลัดวิทยา โสภณวัณโณ เจ้าอาวาสวัดโสภณธรรมาราม โดยที่วัดพบว่า ตำรวจนอกเครื่องแบบ 2 นาย เข้าไปเฝ้าระวัง รักษาความสงบเรียบร้อยหลังมีการโพสต์รวมตัวกันของกลุ่มสาวสองดังกล่าว ทั้งนี้พบว่างสิ่งก่อสร้างภายในวัด จะใช้สีม่วงทาสีเป็นหลัก เกือบจะทั้งหมด อาทิ ห้องน้ำ เมรุ ห้องพัก ศาลาการเปรียญ และหอระฆัง เป็นต้น

พระครูปลัดวิทยา โสภณวัณโณ เจ้าอาวาสวัดโสภณธรรมาราม กล่าวกับผู้สื่อข่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่า ภาพที่ปรากฏในโซเชี่ยลเฟสบุ๊คส่วนตัวและมีภาพน้องๆนางรำ 7 คนมาออกสื่อ เราไม่ได้มีเจตนาทำร้าย ไปว่าอะไรนให้เขาเสียหาย เป้นการหยอกล้อเล่นกันเหมือนพี่เหมือนน้อง เราเห็นแล้วก็หัวเราะกันไปแบบนี้

พอถึงเวลาสื่อออก เราก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เราก็ขอโทษเขาไปตั้งแต่เมื่อวาน แต่เมื่อขอโทษแล้ว เขาจะว่าอย่างไรก็เป็นศิษย์ของเขา เราไม่มีปัญหาอะไร คำพูดนี้ เราล้อเล่นกัน เหมือนพี่น้อง ถ้ามีปัญหาอะไรก็ขออภัยน้องๆไว้ ณ โอกาสนี้ด้วย ทีได้ทำให้น้องๆอาจจะเสียชื่อเสียง เป็นภาพที่สื่อเขาถ่ายกันเนอะ เห็นภาพจากเฟสเลยก็อปมา ก็มาลงแซว ส่วนสังคมก็อาจไปโยงไปดราม่าเกี่ยวกับวงการของท่าน ก็ขออภัยด้วย ส่วนคณะสงฆ์เป็นเรื่องส่วนตัวของตนเอง ส่วนทางปกครองอาจไม่สบายใจก็กราบขอโทษขออภัย พระครู ครูบาร์อาจารย์ทั้งหลายด้วย พระครูปลัดวิทยาฯกล่าว

นางรำสาวสอง นัดไปวัดสุรินทร์ 2024 เบลอ

จากนั้นเวลาประมาณ 14.20 น. กลุ่มนางรำได้มีการรวมตัวกันที่ อบต.ท่าสว่าง ตามที่นัดหมาย โดยพบสาวประเภทสองที่มารวมตัวกันประมาณ 30 คน ระหว่างนั้นสำนักพทธศาสนา จ.สุรินทร์ และเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ ได้เข้ามาร่วมประชุมเพื่อรับทราบปัญหาและหาข้อยุติที่เกิดขึ้น แต่กลุ่มนางรำไม่พอใจ แม้พระครูปลัดจะขอโทษผ่านสื่อมวลชนไปแล้ว โดยระบุว่า เป็นการขอโทษที่ไม่จริงใจ ต้องการให้สึกอย่างเดียว

หม่อมแม่มัช บิ้วตี้ซาลอน ตัวแทนสาวประเภทสอง (เสื้อแดง ไม่ขอเปิดเผยชื่อจริง) กล่าวว่า การรวมตัวไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรงแต่เหตุการณ์นี้ไม่ควรเกิดขึ้นกับใคร ไม่ว่าจะเป็นพระหรือคนธรรมดา เรื่องการบูลลี่การเหยียดควรหมดไปได้แล้ว และยิ่งรู้ซึ้งถึงเจตจำนงค์ที่น้องเขามารำ ไม่ได้ถูกว่าจ้างมารำ มารำด้วยใจให้พระครู

เป็นงานพระราชทานเพลิงศพด้วย ที่สำคัญน้องเขาเป็นตัวแทนของชาวบ้านให้ออกมารำ ไม่ใช่ใครก็จะมารำได้ ให้มองตรงนี้ จริงๆถ้าหยุดเรื่องอัตตาไม่ได้ก็ยาก ยังติดภาพลักษณ์อัตลักษณ์อยู่เลย ข้างในที่มารำถวายด้วยใจก็สวยที่สุดแล้ว จะมาพิจารณากับรนูปลักษณ์ภายในอกก็ไม่ได้ เพราะว่าความสามารถพวกนี้ไม่ได้มีอยู่กับทุกผู้ตัวตน ต้องเกิดจากจิตที่บริสุทธิ์ จิตอาสา

ถ้ามองลึกวึ้งถึงเรื่องนี้ ก็จะไม่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น อีกเรื่องคือภูมิคุ้มกันแต่ละคนไม่เท่ากัน ความเซ้นเซอร์ถีปรับเรื่องพวกนี้ได้ไม่เหมือนกัน คนที่แข็งแรนงก็จะมองว่าเรื่องแค่นี้เอง นั่นคือคนที่มีภูมิคุ้มกันแข็งแรง ส่วนคนที่เขา เซ้นเซอร์ถีปอ่อนแอ หรือมีตจิตใจอ่อนไหวกับเรื่องพวกนี้ คำพูดฆ่าคนได้ การกระทำแบบนี้ฆ่าคนได้ มันลดทอนความมั่นใจกับการกระทำดีด้วย รูปชั่วตัวดำ พฤติกรรมสร้างความดี ประพฤติดี ก่อแต่กรรมดีมันก็สวยจากภายในแล้ว

ด้าน คุณอาทิตย์ พิมพ์ศร หนึ่งในนางรำ สาวประเภทสอง (เสื้อน้ำเงิน) กล่าวว่า ภาพที่พระรูปดังกล่าวออกมาขอโทษ พวกเราก็ยังคงไม่พอใจอยู่ เพราะไม่ได้ออกจากใจจริง ขอโทษให้จบๆ เคยทำคนอื่นแล้วขอโทษให้จบๆมันดูออกว่าปลอมหรือไม่ปลอม ถ้าเป็นพระแล้ว ไม่สำรวม พระพุทธศาสนาไม่ได้ช่วยอะไร

ไม่ได้ช่วยความคิดให้ดีขึ้นกว่านี้ ก็ควรสึก เพราะครั้งนี้ไม่ใช่ครั่งแรก แตจ่ถ้าไม่ทำอะไรเลยก็จะมีครั้งต่อไปเรื่อยๆกับคนอื่น บางทีไปเจอกับคนที่ทำให้เขาเสียความรู้สึก บางคนก็อาจทำร้ายตัวเองได้เลย ไม่ใช่เป็นเรื่องเล็กๆเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ควรคิดไตร่ตรองให้มากกว่านี้ เพราะเป็นถึงพระครู สามารถไปเทศน์สอนคนอื่นได้ แต่ไม่สามารถไปเทศน์สอนตัวเองได้เลย

จากนั้น กลุ่มนางรำก็ไม่ได้เดินทางไปที่วัดของพระครูปลัดแต่อย่างใด เนื่องจากพระครูปลัดคนต้นเรื่อง ได้นัดพบกับกลุ่มนางรำ คืนนี้เวลาประมาณ 1 ทุ่ม ที่วัดสามัคคี ต.ท่าสว่าง แทน เพื่อขอเจรจาไกล่เกลี่ยและขอโทษในสิ่งที่เกิดขึ้นอีกครั้ง โดยจะมีผู้หลักผู้ใหญ่จากหลายภาคส่วนมาเป็นตัวกลางในการเจรจาเพื่อยุติปัญหาด้วย”

เหตุการณ์นี้นำเสนอประเด็นที่น่าสนใจหลายประการ ประการแรก สะท้อนให้เห็นถึงการใช้โซเชียลมีเดียของพระสงฆ์ที่อาจไม่เหมาะสม ประการที่สอง เผยให้เห็นมุมมองต่อ LGBTQ+ ในสังคมไทยที่ยังคงมีอคติอยู่บ้าง และประการสุดท้าย แสดงให้เห็นถึงบทบาทของสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดในการกำกับดูแลพระสงฆ์

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

อ้างอิง : พิพิทธภัณฑ์พระพุทธรูปไม้โบราณวัดบ้านอาม็อง, อยากดังเดี๋ยวจัดให้

Thosapol

นักเขียนบทความที่ Thaiger จบการศึกษาจากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เชี่ยวชาญเรื่องบทความท่องเที่ยว บันเทิง ไลฟ์สไตล์ ผ่านการค้นหาข้อมูลโดยละเอียดพร้อมด้วยประสบการณ์ตรงของตัวเอง งานอดิเรกมีความสนใจในกระแสข่าวรอบตัวต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านสุขภาพ สังคม การเมือง และที่สำคัญคือเป็นทาสแมวร้อยเปอร์เซ็นต์ครับ ช่องทางติดต่อ thospol@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button