จับแล้ว “ชายคลั่งทุบรถสาว” บนทางด่วน เผยเหตุฉุน เพราะเขาไม่มีน้ำใจ
จับได้แล้ว “หนุ่มคลั่ง” พังรถสาวคู่กรณียับกลางทางด่วนเลียบแม่น้ำ พบมีอาการคล้ายสติไม่ดี ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจ แจ้ง 2 ข้อหา ฐานทำให้เสียทรัพย์ และข่มขู่ทำให้ตกใจกลัวฯ พนักงานสอบสวนได้เปรียบเทียบปรับไป 200 บาท
อัปเดตความคืบหน้าล่าสุด เมื่อวันจันทร์ที่ 11 มีนาคม 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ทุ่งมหาเมฆ จับชายหัวร้อน ได้ที่ที่ย่านซอยรามคำแหง 81 กรุงเทพมหานคร หลังก่อนหน้านี้ได้ก่อเหตุคลุ้มคลั่ง เอาหมวกกันน็อคฟาดรถยนต์สาวผู้ประสบเหตุ บริเวณทางด่วนเลียบแม่น้ำ ถนนพระราม 3 เหตุเพราะโบกเรียกรถเพื่อขอติดไปด้วย แต่ไม่มีใครยอมให้ขึ้น จนเกิดความโมโหตามที่ปรากฏเป็นข่าวก่อนหน้านี้ โดยหนุ่มผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่าที่ทำไปเพราะโมโหที่เขา (เหยื่อเจ้าของรถยนต์) ไม่มีน้ำใจ ไม่ยอมรับตนให้ขึ้นรถไปด้วย
อย่างไรก็ตาม ชายผู้ก่อเหตุุ ยังเล่าต่ออีกว่า ตนโบกรถมาหลายคัน เพื่อต้องการออกจากเส้นทางด่วน แต่ก็ไม่มีใครหยุดจอดรับเลยสักคัน แต่เมื่อสื่อมวลชนแห่งหนึ่งถามถึงสาเหตุที่ไม่ยอมขอความช่วยเหลือแบบสุภาพ ด้านชายคลั่ง ก็ได้แต่ใบ้เงียบ ไม่ตอบคำถามดังกล่าว
ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้สาว (นางสาวแก้ม อายุ 35 ปี) ผู้เสียหาย เกิดความกลัวและระแวง แต่ก็ไม่ได้ต้องการเอาความให้ถึงที่สุด เพราะทราบมาว่า ผู้ก่อเหตุคุยไม่รู้เรื่อง เหมือนมีอาการทางประสาท ส่วนเงินชดเชยให้เป็นเรื่องของตัวแทนประกัน
เธอเล่าย้อนกลับไปในวันที่เกิดเหตุ ชายคนดังกล่าว ยืนอยู่บริเวณไหล่ทางฝั่งซ้าย และดินทางมาเพียงลำพัง แม้จะไม่ได้ตั้งใจรับตั้งแต่แรก แต่ด้วยสถานการณ์ ณ ขณะนั้น จึงจำต้องจอดรับ พร้อมเปิดไฟฉุกเฉิน ก่อนที่ผู้เสียหายจะเดินเข้ามาดึงประตูรถ แต่เข้าไม่ได้เพราะกดล็อคเอาไว้ แล้วชายหัวร้อนผู้ก่อเหตุ ก็ได้แสดงพฤติกรรมความรุนแรงตามคลิปที่สื่อมวลชนรายงานไปก่อนหน้านี้
อย่างไร ผู้กำกับการ สน.ทุ่งมหาเมฆ จะแจ้ง 2 ข้อหาเบื้องต้น 1) ฐานทำให้เสียทรัพย์ ที่สามารถไกล่เกลี่ยกันได้ เนื่องจากผู้ก่อเหตุเหมือนมีปัญหาทางจิต จึงต้องให้ญาติมาร่วมรับฟังเรื่องการดำเนินคดีด้วย และ 2) ข้อหาข่มขู่ทำให้ตกใจกลัวฯ เป็นข้อหาลหุโทษ ยอมความไม่ได้ ต้องดำเนินการตามขั้นตอน
ต่อมา ญาติของผู้ก่อเหตุ ได้ปฏิเสธที่จะรับผิดชอบ และตัดขาดผู้ต้องหาทุกกรณี พร้อมกับแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า ขอให้ตำรวจดำเนินการทุกเรื่องได้ทันที ทั้งเรื่องกฎหมายและการตรวจสอบสภาพอาการทางจิต
ท้ายที่สุดนี้ พนักงานสอบสวนได้อยู่ระหว่างการพิจารณานำตัวผู้ก่อเหตุส่งให้แพทย์พิจารณาสภาพทางจิตว่าอยู่ในขั้นใด มีสติสัมปชัญญะในระหว่างการก่อเหตุหรือไม่ เพื่อพิจารณาเตรียมดำเนินคดีตามกฎหมายในขั้นต่อไป
จากนั้น ก็มีข่าวอัปเดตเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว ผู้เสียหายไม่ติดใจเอาความ จึงไม่ต้องมีการดำเนินคดีในข้อหานี้ ส่วนข้อหาทำให้ผู้อื่นเกิดความกลัว หรือตกใจโดยการขู่เข็ญ พนักงานสอบสวนได้เปรียบเทียบปรับไป 200 บาท
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง