ข่าว

‘สนธิญา’ ถอนฟ้อง ‘สุขชาวบ้าน’ ปมคลิปพระราม 2 ยืนยันไม่เสียฟอร์ม

สนธิญา ถอนฟ้อง สุขชาวบ้าน ปมคลิปพระราม 2 หลังพูดคุยทำความเข้าใจกัน ยืนยันไม่เสียฟอร์ม ฝากเตือนให้ใช้ความระมัดระวังในการผลิตเนื้อหาแบบนี้

จากกรณีที่ นายสนธิญา สวัสดี เดินทางมายัง ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) เพื่อร้องทุกข์ดำเนินคดีกับเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก “สุขชาวบ้าน” ซึ่งเป็นรายการที่ทำมาเสียดสีการก่อสร้างถนนพระราม 2 ที่ใช้เวลาสร้างรวมแล้ว 50 ปี ยังไม่เสร็จ โดยระบุว่า นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ จนสร้างความสับสนให้กับผู้คนในสังคม ตามที่มีรายงานไปก่อนหน้านี้นั้น

ล่าสุดมีรายงานว่า นายสนธิญา สวัสดี เดินทางมาที่ศูนย์รับแจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อขอยื่นหนังสือ ขอถอนคำร้องในการฟ้องกลุ่มกลุ่มแอดมินผู้ดูแลเพจ สุขชาวบ้าน ก่อนให้สัมภาษณ์ว่า ก่อนหน้านี้ตนเองเคยไปยื่นหนังสือกับกระทรวงมหาดไทย ขอให้มีการยื่นถอดถอนวีซาของนายเดวิด ที่เป็นประเด็นที่ภูเก็ต กลับไม่มีใครให้ความสนใจ แต่กับเรื่องนี้ทุกคนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก

โดยวันนี้ตนเองจะเดินทางมาถอนคำร้องที่ให้ทางตำรวจตรวจสอบคลิปของทางเพจสุขชาวบ้าน ที่ตนตนเองมายืนร้องก่อนหน้านี้ โดยสาเหตุหลักๆมาจากการที่ตนเองได้พูดคุยกับกลุ่มผู้ผลิตคลิปดังกล่าวทั้งในจอและนอกจอ หลังออกรายการทำให้เข้าใจปัญหาความเดือดร้อนของทางน้องๆทุกคน ที่บอกกับตนเองว่าหลังจากทราบว่าถูกฟ้องร้อง ทางครอบครัวไม่สบายใจมีบางคนเครียดไม่สบาย ประกอบกับตนเองได้รับการติดต่อจากผู้หลักผู้ใหญ่ในสังคม รวมถึงท่านเลขานายกรัฐมนตรี หรือเลขารัฐมนตรี ในการพูดคุยในประเด็นนี้ และยังรวมถึงยังมีการได้พูดคุยกับคุณสรยุทธ และคุณหนุ่ม กรรชัย ที่เป็นตัวกลางและการเจรจาให้ ทำให้มีความเข้าใจกันทั้งสองฝ่ายเป็นอย่างดี โดยสาเหตุของการจัดทำคลิปตนเองได้สอบถามและได้คำตอบว่าทำเพียงเพื่อการสนุกสนานเท่านั้น ตนเองจึงได้เตือนไปให้ใช้ความระมัดระวังในการผลิตเนื้อหาแบบนี้

ในวันนี้ตนเองจึงเดินทางมายื่นหนังสือขอถอนคำร้องดังกล่าว โดยไม่มีการตั้งเงื่อนไขใดๆ แต่ก็มีการขอร้องไปยังทางผู้ผลิตคลิปดังกล่าวว่าขอให้ระวังคำพูด ที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง หากอาจจะมีการนำผลิตทริปต่างๆเพิ่มเติม เพรา หากไม่ใช่ข้อเท็จจริง ตนเองก็จะเดินทางมาร้องอีกเช่นกัน

เมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่าหากมีคลิปในเวอร์ชั่นที่สาม จะเดินทางมาร้องอีกหรือไม่ นายสนธิญา ระบุเพียงว่าหากคลิปดังกล่าวมีการใช้ข้อความที่ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ตนเองก็จะเดินทางมาร้องอีกเช่นเดิมและจะไม่มีการถอนคำร้องเหมือนครั้งนี้เพราะถือว่าได้มีการพูดคุยกันแล้ว

โดย นายสนธิญา ยังระบุว่า การถอนคำร้องในครั้งนี้สำหรับตนเองถือเป็นครั้งแรกที่เคยมีการยื่นคำร้องต่างๆให้ตำรวจตรวจสอบและมีการถอนคำร้องแต่ถือว่าไม่เสียฟอร์ม เพราะอย่างน้อยจุดประสงค์ของการที่ตนเองต้องการให้ประชาชนทั่วไปรับรู้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับถนนพระรามสองที่ตนเองใช้ชีวิตและเดินทางผ่านมามากกว่า 30 ปีประสบผลสำเร็จ

ตนเองยังขอยืนยันว่าถนนพระรามสอง ในปัจจุบันถือว่ามีการสร้างเสร็จไปแล้วเป็นช่วงๆแต่ที่ยังเห็นว่ามีการก่อสร้างเป็นการต่อเติมเพิ่มระยะหรือขยายช่องทางการเดินรถ เพราะหากถนนสร้างไม่เสร็จจริงบริษัทก่อสร้างต่างๆที่รับช่วงในการทำถนนต้องถูกหน่วยงานของรัฐฟ้องกันหมดแล้ว

และส่วนตัวเดินทางผ่านเส้นนี้เป็นประจำเวลาที่ต้องเข้ามาในกรุงเทพ ก็ใช้เวลาเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 1 ชั่วโมง และจากประสบการณ์ทุกครั้งที่เดินทางผ่านการจราจรจะติดขัดช่วงบริเวณสะพานพระราม 9 เท่านั้นไม่ใช่ถนนพระรามสอง ซึ่งในส่วนของสะพาน พระราม 9 จะเห็นได้ว่ามีการทำถนนทางยกระดับสองชั้น เพื่อลดปัญหาการจราจร

ผู้สื่อข่าวสอบถามในประเด็นว่า เหตุใดจึงไม่มีการร้องเรียนบริษัทเอกชนที่ทำหน้าที่ในการก่อสร้างถนน หากต้องการร้องเพื่อความเป็นประโยชน์ต่อประชาชน นายสนธิญา ระบุว่า สำหรับในประเด็นนี้ตนเองเคยมีการร้องเรียนบริษัทเอกชนที่ทำหน้าที่ในการรับเหมาก่อสร้างถนนพระรามสอง ที่สร้างความเดือดร้อนในการปิดกั้นถนน หรือทำวัสดุก่อสร้างตกหล่นทำให้รถประชาชนเสียหายมาแล้วถึงสองครั้ง แต่ไม่เคยเป็นข่าวดังนั้นจึง ห้ามบอกว่าตนเองไม่ร้องเพื่อประโยชน์ของประชาชน ส่วนใครที่ยังคิดว่าถนน พระราม 2 มีการจราจรติดขัดตนเองขอท้าให้เดินทางไปพร้อมกับตนเองได้ทุกวันและเวลา

สำหรับบรรดาคอมเมนต์ที่เข้ามาแสดงความคิดเห็นขณะที่ตนออกรายการ โหนกระแส ที่ออกมาใช้คำพูดด่าทอตนเองนั้น ตนเองอย่าขอฝากให้คอมเม้นต์เหล่านั้นกลับไปทำหน้าที่ในการเป็นพลเมืองดีของตัวเองซะก่อนที่จะมาว่าคนอื่น หัดดูปัญหารอบตัวหากพบให้ดำเนินการช่วยเหลือสังคมไม่ใช่การออกมาด่าเพียงอย่างเดียว เพราะสุดท้ายแล้วบรรดาคนเหล่านี้ไม่ได้รู้บริบทที่แท้จริงของถนนพระรามสอง หรือบางคนไม่เคยผ่านเลยด้วยซ้ำ ตนเองยืนยันว่าไม่มีการดำเนินการทางคดีใดใดเพราะพวกนี้ไม่ได้ใช้ชื่อจริง

สุดท้ายขอฝากขอบคุณสื่อมวลชนทุกคนที่ให้ให้เกียรติสนใจลูกสาวตนเอง และยืนยันว่าลูกสาวและภรรยาไม่เคยมีการห้ามตนเองในการดำเนินการใดใดเกี่ยวกับเรื่องที่ตัวเองทำอยู่ และลูกสาวก็ให้ความสนใจกับสิ่งที่ตัวเองทำอยู่และมีการติดตามตนเองมาทุกครั้งจนถึงตอนนี้

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

Nateetorn S.

ผู้สื่อข่าว ทำงานกับ Thaiger มาตั้งแต่ปี 2020 จบการศึกษาจากคณะวารสารศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสคร์ เคยทำงานกับสถานีโทรทัศน์อันดับ 1 ของประเทศ ทำให้มประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ เจาะประเด็นข่าวการเมืองอาชญากรรม ข่าวแปลกๆ เรื่องน่าสนใจจากต่างประเทศ ช่องทางติดต่อ tee@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button