ตำรวจวิเคราะห์จดหมาย เศรษฐีนี-เลขา ถูกยิงเสียชีวิตคาบ้านพัก เร่งหาความจริง
เร่งสอบพิรุธ ตำรวจวิเคราะห์จดหมายสั่งเสีย คดีเศรษฐีนี-เลขา ถูกยิงเสียชีวิตในบ้านพักที่หัวหิน ยังไม่สรุปว่าเป็นอุบัติเหตุหรือฆ่าตัวตาย
จากกรณีคดีสลด เมื่อลูกชายของเศรษฐีเจ้าของโรงหล่อพระ มาพบศพแม่และเลขาคนสนิทเสียชีวิตในบ้านพัก ทราบชื่อคือนางภัทร อายุ 63 ปี และ นางสุ อายุ 46 ปี (เลขา) โดยสถาพศพถูกยิงเสียชีวิต พร้อมอาวุธปืนขนาด 9 มม. และมีจดหมายสั่งเสีย ตลอดจนพินัยกรรมยกทรัพย์สมบัติให้ลูกคนละครึ่ง ล่าสุดตำรวจเก็บหลักฐานไปตรวจสอบแล้ว แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่า เป็นอุบัติเหตุหรือการฆ่าตัวตายกันแน่
ลูกชายของผู้เสียชีวิตเล่าว่า ตนติดต่อแม่ไม่ได้จึงกังวลใจ และเดินทางจากกรุงเทพมหานครมายังหัวหิน ก่อนจะพบว่าบ้านพักถูกปิดล็อค โดยมีรถยนต์ของแม่จอดอยู่ อีกทั้งแอร์ในบ้านยังทำงาน แต่ไร้เสียงคนตอบรับ ตนจึงปีนเข้าไปด้านใน กระทั่งได้กลิ่นเหม็นลอยออกมา จึงตัดสินใจแจ้งตำรวจ
เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบด้านใน พบศพของเศรษฐีสาวและเลขาอยู่ใกล้กัน ซึ่งคาดว่านางภัทรเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 7 วัน ในขณะที่นางสุ น่าจะเสียชีวิตไปได้ราว 5 วัน โดยภายในบ้านพักไม่มีร่องรอยการต่อสู้ มีเพียงอาวุธปืนขนาด 9 มม. ที่ตกอยู่เท่านั้น
ทั้งนี้ในบริเวณใกล้เคียงยังพบจดหมายและพินัยกรรมถูกเขียนเอาไว้ 2 ฉบับ โดยฉบับแรกนางสุซึ่งเป็นเลขาได้เขียนเอาไว้ว่า “ข้าพเจ้า ได้ทำพินัยกรรมฉบับนี้ไว้เพื่อแสดงว่า ข้าพเจ้าได้เสียชีวิตลงด้วยเหตุอันใดก็ตาม ข้าพเจ้าขอมอบบ้านและที่ดินให้กับลูกสาวของข้าพเจ้าเอง แบ่งให้คนละ 50% และสามีของข้าพเจ้าอยู่ได้จนวันตาย แต่ไม่มีสิทธิ์ในที่ดินและบ้าน”
นอกจากนี้ ยังมีจดหมายอีกหนึ่งฉบับที่ระบุถึงเหตุสลดที่เกิดขึ้นว่า “ทุกอย่างเป็นอุบัติเหตุ เอาปืนมาเล่นโชว์กัน แล้วปืนเกิดลั่นใส่พี่ภัทร ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก”
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้เก็บหลักฐานและจดหมายไปตรวจสอบอย่างละเอียด เพื่อวิเคราะห์ว่าเป็นจดหมายที่เขียนโดยเลขาสาวจริงหรือไม่ พร้อมเดินหน้าสืบความจริงเกี่ยวกับปมการเสียชีวิตต่อไปว่า นี่คือคดีที่เกิดจากอุบัติเหตุ การฆาตกรรม หรือเหตุฆ่าตัวตายกันแน่.
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติม