ข่าว

เดือด ถามหาตำรวจนายไหน ? บอกแพทย์หญิง คดีฝรั่งทำร้ายร่างกาย แค่จ่ายก็จบ

ฟัง กรรชัย ถาม คุณหมอธารดาว แพทยหญิงถูกฝรั่งเจ้าของศูนย์อนุรักษ์ช้าง กร่าง ทำร้ายร่างกายคนอื่น พอเป็นข่าวดัง อ้างลื่นล้ม เล่าตอนตำรวจ 2 นายมาถึง

รายการโหนกระแส วันนี้ (1 มี.ค.67) ได้เชิญ แพทย์หญิงธารดาว จันทร์ดำ คุณหมอสาวที่ตกเป็นข่าวถูก MR.URS BEAT FEHR อายุ 45 ปี สัญชาติสวิตเซอร์แลนด์ และเป็นเจ้าของศูนย์อนุรักษ์ช้างที่ภูเก็ต ทำร้ายร่างกายจนต่อมาฝ่ายผู้เสียหายได้เข้าแจ้งความดำเนินคดี ข้อหาทำร้ายร่างกาย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 24 ก.พ.2567 บริเวณแหลมยามู หมู่ 7 ต.ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต

หลังเกิดเหตุ พญ.ธารดาว ได้เข้าแจ้งความที่สภ.ถลางเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2567 เพื่อร้องทุกข์และดำเนินคดี ขณะที่ในรายการของหนุ่ม กรรชัย ทางหมอหญิงผู้เสียหายได้ออกมาเล่าย้อนเหตุการณ์วันที่เกิดเรื่องอีกครั้ง เริ่มจากวันดังกล่าวเธอได้นัดรับประทานข้าวกับเพื่อนที่ร้านแห่งหนึ่ง ตอนประมาณ 1 ทุ่มครึ่ง ใกล้กับที่เกิดเหตุ

หมอปลาย
ภาพ @honekrasaeofficial

ต่อมา หลังจากรับประทานกันเสร็จราว 2 ทุ่ม ก็เดินเล่นไปเรื่อย ๆ จนถึงบริเวณริมชายหาด แล้วหันไปเห็นบันไดจึงไปนั่งกับเพื่อน โดยนั่งอยู่ประมาณ 2-3 นาที เมื่อถามว่าไปนั่งบ่อยหรือไม่ ? หมอก็ตอบว่าไม่บ่อย และหลังจากนั่งได้ 2-3 นาที ก่อนที่จะเกิดเหตุ คุณหมอก็รู้สึกมีคนเดินมาข้างหลัง กระซิบกับเพื่อนว่า “เหมือนมีคนเดินมา”

กระทั่งหมอเล่าว่า รู้สึกเหมือนหน้าแข้งเตะเข้าใส่อย่างแรงที่บริเวณแผ่นหลัง และจากนั้นเหตุการณ์ก็เป็นอย่างที่ทุกคนทราบดี หลังมีการโพสต์เล่าในเฟซบุ๊ก โดยมี นายเกษม จันทร์ดำ บิดาของแพทย์หญิง ช่วยกระจายข่าวพร้อมกับเรียกร้องขอความยุติธรรม

บันไดหมอนั่งที่ภูกเก็ต

taste yamu

กรรชัย ถาม ตำรวจ 2 คนมาพูดอะไรบ้าง ?

หลังจากเกิดเหตุทำร้ายร่างกายที่ พญ.ธารดาว เล่าต่อว่า พอเกิดเรื่องขึ้น ชายชาวสวิสคู่กรณีสบถลั่นว่า Get the F**ck off สื่อถึงไล่ให้ออกไป ซึ่งคุณหมอก็เล่าต่อว่า พอเกิดเรื่องเธอตกใจมาก จึงลุกเดินหนีไปที่สาธารณะอีกแห่งจนเจอกับพนักงานรักษาความปลอดภัย 2 คน จึงขอความช่วยเหลือ

จากนั้น เมื่อฝรั่งคู่กรณีเห็นว่า คุณหมอเดินกลับมากับรปภ. ทั้ง 2 คน ปรากฎ คู่กรณีก็ยังคงตะโกนโหวกเหวกโวยวายไม่ยอมหยุด จนภรรยาของอีกฝ่ายลงมาผสมโรงรุมด่าทอ ด้วยคำหยาบคายเพิ่มอีก

ฝ่ายภรรยาชายชาวสวิสยังอ้างว่ามีลูกเป็นตำรวจ เดี๋ยวจะโทรหานายตำรวจยศใหญ่ในภูเก็ตซึ่งตอนที่ยกหูโทรศัพท์ เมียฝรั่งก็อ้างกับปลายสาย “มีคนมาบุกรุกที่บ้านค่ะท่าน” มีการบอกชื่อยศตำรวจคนดังกล่าวให้ส่งคนมาได้หรือไม่ โดยที่ตอนนั้นภรรรยาอ้างว่า ผัวฝรั่งของตัวเองไปผลักคู่กรณี

ขณะที่เมื่อมีการถามว่า อีกฝ่ายเรียกนายตำรวจที่ว่ายศใหญนั้น เรียกแทนด้วยคำว่าอะไร คุณหมอ เผยว่า เรียกแทนด้วยคำว่า “ท่านรอง” จากนั้นหลังจากภรรยาฝรั่งคุยสายกับตำรวจยศใหญ่ที่อ้างถึงจบ ประมาณ 15 นาที ก็มีตำรวจ 2 นายมาถึงที่เกิดเหตุ คนหนึ่งเป็นนอกเครื่องแบบ ซึ่งคุณหมอเดินไปบอกกับนายตำรวจรายนี้ว่าเธอถูกทำร้ายร่างกาย แจ้งว่าอีกฝ่ายเตะ จากนั้นตำรวจอีกนายมาคุยกับฝั่งของเธอ

ตำรวจแจ้งกับฝ่ายแพทย์หญิงว่า เรื่องนี้ผิดกันทั้งคู่ โดยคุณหมอจะผิดฐานบุกรุก คู่กรณีผิดฐานทำร้ายร่างกาย

พอได้ยินดังนั้น แขกรับเชิญที่ตอนนี้กำลังมีคดีความกับชายชาวต่างชาติก็แย้งกลับไปทันทีว่า แต่เธอเองนั้น “ถูกทำร้ายร่างกายด้วยนะ” ฝั่งตำรวจก็อธิบายกลับมาว่า โทษบุกรุกนั้นรุนแรงกว่า ทำร้ายร่างกาย คือ ถ้าบุกรุกแบบนี้ คุณหมอจะติดคุก 4 ปี ส่วนคู่กรณีแค่จ่ายก็จบ เพราะเคสไม่ได้ใหญ่โตอะไร

พญ. ธารดาว ระบุด้วยว่า พอตำรรวจ 2 นายมาถึง เหมือนก็อยากให้เคลียร์กันให้เรื่องจบ

พ่อแพทย์หญิง

ต่อมา แพทย์หญิงผู้เสียหาย ยังบอกได้เสนอ 3 ทางเลือกให้คู่กรณี คือ

  1. ต่างคนต่าขอโทษเพื่อจบเรื่อง
  2. ไม่ขอโทษแต่แยกย้ายกันไป
  3. ไปโรงพัก

อย่างไรก็ตามพอตำรวจไปคุยกับอีกฝ่าย ตำรวจก็กลับมาแจ้งว่า ทางคุณหมอสามารถขอโทษได้ แต่คู่กรณียืนยันว่าอย่างไรก็ตามจะไม่ขอโทษ แล้วก็ไม่ว่ายังไงคู่กรณีชาวจางชาติก็บอกจะให้คุณหมอติดคุกให้ได้

สิ้นเสียงอธิบายของหมอสาว ทางนายกองตรี ดร. ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรีถึงกัหลุดพูดออกมาว่า “อยากไปเที่ยวภูเก็ต”

ขณะที่ ทนายแก้ว มนต์ชัย ถึงกับกล่าวเชิงสงสัยว่า เอ๊ะ ! ทำไมตำรวจบริการอีกฝ่ายดีจังเลย ก่อนจะสอบถามเพิ่มเติมอีกว่า นายตำรวจที่บอกว่า โทษบุกรุกจะติดคุกสี่ปี คือคนไหน แพทย์หญิงก็ตอบว่า คนที่เป็นนอกเครื่องแบบใส่ชุดสีขาว ก่อนนักกฎหมายจะแย้งข้อมูลว่า จริง ๆ แล้วโทษบุกรุกแค่ 1 ปี

ด้าน นายเกษม จันทร์ดำ พ่อของแพทย์หญิงธารดาว ยังกล่าวเสริม โดยเป็นการกล่าวถึงพฤติกรรมของคู่กรณี ซึ่งมักจะเปลี่ยนคำให้การไปตามสถานการณ์ โดยเจรจากับตน ตอนแรกเขาว่าเขาล้มใส่ ซึ่งพ่อของผู้เสียหายก็ไม่ปักใจเชื่อ จากนั้นคู่กรณีมาบอกไม่ใช่ แต่เป็นเขาลื่นล้ม ซึ่งทางบิดาของแพทย์หญิงก็เห็นว่าคำพูดคู่กรณีแกว่งไปแกว่งมา คือ เปลี่ยนตลอด

แถมยังปล่อยข่าวบอกลูกสาวของตนเป็นไบโพลาร์ด้วย พอเพลี่ยงพล้ำทางข้อมูล คู่กรณีจึงจะเปลี่ยนคำพูดใหม่

ส่วนล่าสุดที่อ้างว่า ไม่ได้ตั้งใจเตะใส่ เป็นเพียงการลื่นล้ม บิดาของผู้เสียหายรวมถึงตัวของหมอธารดาวเองย้ำชัดเจนว่า ไม่มีใครเชื่อคำกล่าวอ้างดังกล่าว

ขณะที่ ในรายการได้โฟนอินถาม ทราย ภรรยาของชายชาวต่างชาติที่เป็นคู่กรณี ก็ยังคงยืนกรานว่า สามีชาวสวิสของเธอไม่ได้เตะ ซึงคำตอบของฝ่ายภรรยา นายกองตรี ดร. ธนกฤต ก็โต้แย้งว่า คำกล่าวนี้ไม่มีน้ำหนัก เพราะตอนเกิดเหตุนางทรายไม่ได้เป็นคนที่เห็นหรืออยุ่ในเหตุการณ์ ส่วนถามว่ามีลูกเป็นตำรวจจริงหรือไม่ ก็ได้รับคำตอบกลับมาว่าจริง แต่ไม่ขอระบุถึงยศตำแหน่งของลูก

ทั้งนี้ ในส่วนของคดีความ พญ.ธารดาว ยืนยันว่า จะดำเนินคดีชายต่างชาติคนดังกล่าว ตามกฎหมายให้ถึงที่สุด ซึ่งทางตำรวจจะมีเรียกตัว MR.URS BEAT FEHR คู่กรณีมารับทราบข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกายมาตรา 295 ในเย็นวันนี้ (1 ก.พ.67) ต่อไป.

 

Pachara

นักเขียนประจำที่ Thaiger จบการศึกษาด้านศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา เคยผ่านประสบการณ์ผู้สื่อข่าวกีฬา เริ่มเขียนบทความกับ Thaiger ตั้งแต่ปี 2021 วิ่งกับการอ่านหนังสือ คือ กิจกรรมที่สนใจเป็นพิเศษ ช่องทางติดต่อ pachara@thethaiger.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to top button