‘ภวิน ธนิก’ ตั้งโต๊ะแถลง โต้ปมถูกกล่าวหาว่าทำร้ายร่างกายแฟนสาว งัดความจริงเข้าสู้ ยืนยันแค้ป้องกันตัว ไม่ได้มีเจตนาทำร้าย ยินดีสู้คดี เพราะมั่นใจในหลักฐานที่มี เผยน้อมรับความเห็นของต้นสังกัด ยอมพักงานจนกว่าคดีจะจบ
จากประเด็นร้อนระอุทั่วโซเชียลในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กรณีที่ ภวิน ธนิก กมลธรานนท์ นักแสดงหนุ่มในสังกัดของ GMMTV (จีเอ็มเอ็มทีวี) ถูกหญิงสาวรายหนึ่งอ้างตัวว่าเป็นแฟน ออกมาโพสต์แฉบนอินเทอร์เน็ตว่าเธอถูกแฟนหนุ่มที่เป็นนักแสดงวัยรุ่นจากค่ายดัง ทำร้ายร่างกายจนเต็มไปด้วยรอยฟกซ้ำ ซ้ำยังกระดูกและขาหัก
ไม่เพียงเท่านั้นยังมีเหตุการณ์ที่ฝ่ายหญิงทุ่มเคสคอมพิวเตอร์ของฝ่ายชายลงมาจากชั้น 33 ของคอนโด อันเป็นเหตุให้ผู้รับเหมาก่อสร้างที่อยู่ในบริเวณนั้นได้รับบาดเจ็บ
ล่าสุดวันนี้ (28 กุมภาพันธ์ 2567) ‘ภวิน’ ได้ออกมาตั้งโต๊ะแถลงถึงกรณีวิพากษ์วิจารณ์สุดร้อนแรงนี้ โดยตลอดการแถลงหนุ่มภวินได้ย้อนเล่าถึงเหตุการณ์ทั้งหมด และเท้าความไปถึงสาเหตุที่ทำให้ทะเลาะกันว่า เจ้าตัวต้องการจะเลิกกับอีกฝ่าย แต่ด้านฝ่ายหญิงไม่ยอม ซ้ำร้ายยังขู่ด้วยการทำร้ายร่างกาย แรกเริ่มเจ้าตัวก็ยอมกลับไปคบ เมื่อนานวันเข้าเรื่องราวกลับยิ่งไปกันใหญ่ เพราะเธอขู่แรงขึ้นจนเกิดการใช้กำลังเพื่อห้ามปรามกัน รวมถึงการใช้กำลังเพื่อปกป้องตัวด้วย
แรกเริ่มเมื่อถูกถามถึง ความสัมพันธ์ ทางหนุ่มภวินก็ตอบอย่างไม่อ้อมค้อมว่าเคยคบหากันจริง “ยอมรับว่าผมคบกับเขาจริง ๆ เป็นระยะเวลาประมาณ 1 เดือน จริง ๆ แล้วเหตุการณ์ทั้งหมดเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 9 กุมภาพันธ์ ผมบอกเลิกเขาครั้งแรก อีกฝ่ายไม่ยอมและจะกระโดดระเบียง ผมห้ามและยอมคบต่อ
หลังจากนั้นประมาณ 2-3 วัน เขาก็บอกเลิกผม ผมก็ยอมเลิก จึงเริ่มเก็บของออกจากคอนโด แต่ในระหว่างที่กำลังเก็บของเขาก็วิ่งไปหยิบเชือกเหมือนจะเอามาผูกคอ เพื่อทำร้ายตัวเอง เจ้าตัวจึงรีบเข้าไปห้าม และกลับไปคบต่ออีกครั้ง
ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ อีกฝ่ายก็ได้พูดว่าถ้าพรุ่งนี้ไปทำงานแล้วกลับมาเห็นเขาไม่มีลมหายใจแล้วจะทำยังไง เมื่อได้ยินแบบนั้นก็กังวลจึงให้เขาโทรหาโรงพยาบาล และนัดว่าจะไปพบแพทย์กัน”
ต่อมาทางด้านผู้สื่อข่าวก็ได้ถามถึง เหตุการณ์ที่ร้ายแรงที่สุดที่กลายเป็นสาเหตุของโพสต์แฉทั้งหมด ทางหนุ่มภวินก็ตอบว่า “วันที่ 22 กุมภาพันธ์ ผมคุยกับเพื่อน เขาไม่พอใจ ก็เลยไปหยิบเชือกมาจะผูกคอ ผมห้าม ผมเอาโทรศัพท์อัดเสียงไว้ เพราะเริ่มกังวลแล้วว่าเหตุการณ์ดูบานปลายไปมากกว่านี้ หลังจากนั้นเขามีจะกระโดดระเบียง ผมห้าม เลยเริ่มเกิดการทะเลาะกัน เขาก็วิ่งไปหยิบมีดมาจะแทงผม ผมก็ป้องกันตัวเอง แย่งมีดจากเขาเอาไปทิ้งหน้าห้อง
ผมเดินกลับมากั้นระเบียงไม่ให้เขาออก เขาก็ไปหยิบกรรไกรมาจะแทงผม เข้ามาประชิดตัวผมเลยต้องดันเขาออกไป พอดันออกไปครั้งแรก ก็วิ่งมาอีก ผมก็เลยดันอีกแล้วแย่งกรรไกรไปทิ้งหน้าห้อง พอทิ้งกรรไกรผมก็ตัดสินใจวิดีโอคอลหาเพื่อน ให้ช่วยคุยหน่อยเพราะรู้สึกว่าเราไม่ไหวแล้ว เริ่มเหนื่อย สู้เขาไม่ไหว อธิบายเหตุการณ์ทั้งหมดกับเพื่อน
ในระหว่างที่โทรเล่าเหตุการณ์ให้เพื่อนรู้ เขาวิ่งมาจะไปโดดตึก ผมรีบเอาโทรศัพท์ไว้ที่พื้น ห้ามเขา แล้วค่อยเล่าเหตุการณ์ต่อว่าเขาจะทำอะไร เขามีเดินเข้ามาตบหน้าผม พยายามแย่งโทรศัพท์ และบอกว่าถ้าไม่วางสายจะไลฟ์ไอจี ผมเลยวางสายเพื่อน
จากนั้นก็พยายามอุ้มเขาไปสงบสติอารมณ์ในห้องนอน แต่เข้าไม่ได้เพราะเก้าอี้บังอยู่ เลยอุ้มเขาเข้าห้องน้ำ แต่อีกฝ่ายดิ้น จนทำให้ตนเสียหลัก หลังของฝ่ายหญิงจึงไปกระแทกกับอ่างล้างหน้า จากนั้นเธอก็มีอาการชัก ผมเลย CPR จนดีขึ้น หลังจากที่ฝ่ายหญิงสงบลง จนจึงได้เปิดใจคุยว่าความสัมพันธ์นี้มันเป็นพิษ ทะเลาะครั้งต่อไปมันจะรุนแรงมากขึ้นขนาดไหน จึงคุยเพื่อยุติความสัมพันธ์ ซึ่งอีกฝ่ายก็ตกลง
ผมก็ไปเก็บของ เขาก็บอกให้ผมรีบออกไป พอผมเก็บกระเป๋า เขาก็เดินไปที่ระเบียง ผมวิ่งตามไปช่วยเขา ซึ่งเขาเอาขาสอดออกไปตรงซี่ระเบียง ตอนนั้นผมไม่เห็นว่าเขาเอาขาล็อกไว้ ก็ช่วยเขาออกมา แล้วบอกให้เขาไปอาบน้ำนอน
แม้เธอจะไปนอน แต่ผมก็ยังไม่สบายใจและยังรู้สึกกังวลว่าอีกฝ่ายจะทำอะไรที่ไม่คาดคิด จึงนั่งรอที่ห้องนั่งเล่นจนอีกฝ่ายตื่น พอตื่นมา ฝ่ายหญิงก็โวยวายว่าตนไม่เข้าไปนอนด้วย พร้อมกับไปที่ระเบียงอีกครั้ง ซึ่งตนก็ห้ามและเข้าไปนอนด้วยกันในห้อง
ต่อมาในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ เวลาประมาณ 12.28 น. แม่ของตนโทรมาตามไปทำธุระที่บ้าน จึงตื่นมาเตรียมตัวเก็บของและบอกอีกฝ่ายว่าจะกลับบ้านเพราะมีธุระที่บ้าน แต่อีกฝ่ายไม่ยอม จึงเกิดการทะเลาะกันอีกครั้ง และในระหว่างที่ผมเก็บของเขาก็รีบเข้ามากอดเรา และผมก็เลยรีบวางของลงบนพื้นเพราะกลัวของจะตก
ช่วงระหว่างนั้นก็มีการทะเลาะกันนิดหน่อย ซึ่งเป็นการทะเลาะเถียงกันไปเถียงกันมา และเขาก็เดินไปเหยียบจอคอมพิวเตอร์เราหนึ่งจอ พอเราเห็นว่าเชามีการทำร้ายของของเราแล้วเราก็เลยโทรแจ้งตำรวจว่าอยากจะย้ายออกจากคอนโด แต่ว่าตอนนี้มีคนไม่ให้ผมย้ายออก และมีการทำลายข้าวของผมด้วยช่วยมาดูหน่อย
ในระหว่างที่คุยเขาก็มีการทำลายข้าวของของผมเพิ่มด้วย ผมก็เลยแจ้งว่าที่เกิดเหตุมันอยู่ตรงนี้ และหลังจากนั้นผมเห็นข้าวของผมแตกผมก็เลยรีบชิ่งเก็บข้าวของออกเลย พอลงมาผมก็เลยโทรบอกเพื่อนว่าสถานการณ์ตอนเช้าเป็นยังไง มันไม่ดีแล้ว และผมก็เห็นคนมุงอยู่ข้างหน้าหน้าคอนโด ผมก็ออกไปดูว่าเขามุงอะไรกัน ซึ่งผมออกไปผมก็เลยเห็นเคสคอมถูกโยนลงมาแล้ว และผมก็ได้คุยกับพนักงานในคอนโด ว่าผมได้แจ้งความไปแล้วและเคสคอมพิวเตอร์ที่ถูกโยนลงมาเป็นแฟนผมโยนมา
ตอนนั้นเราไม่รู้เลยว่ามีคนเจ็บหรืออะไร พนักงานก็ไม่ได้บอกผม ผมก็เลยเข้าไปดูคอมแล้วก็รอตำรวจมา พอมีตำรวจและกู้ภัยมาเขาก็ให้ผมขึ้นไปที่ห้อง และกู้ภัยก็มาดูว่าเขาเป็นอะไรไหมและพาไปโรงพยาบาล พอลงมาผมก็เลยรู้ว่ามีคนเจ็บ ซึ่งตอนนั้นผมได้โทรคุยกับสามีคนเจ็บแล้ว และผมก็ได้คุยกับพี่รุ่งแล้วว่า ตอนนี้อาการเป็นยังไงบ้าง พี่เขาบอกว่าได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว แต่ยังมีการไปล้างแผลทุกวันและมีการตรวจเช็กร่างกาย อาการ ผมก็ได้มีการคุยแล้วก็มีเงินช่วยไปจำนวนหนึ่งแล้วครับ
อีกส่วนหนึ่งก็คือส่วนของงาน จากที่ทุกคนรู้กันว่าเมื่อวานทางบริษัทมีการโพสต์แจ้งข่าวว่าผมโดนพักงาน ส่วนนี้ผมก็ค่อนข้างกังวลมาก ๆ เพราะว่าที่ผ่านมาผมก็ตั้งใจทำงานตรงนี้มาโดยตลอด ผมรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ผมก็เข้าใจทางค่าย เพราะว่าเหตุการณ์แบบนี้ส่งผลกระทบต่อค่ายหนัก
ในส่วนของซีรีส์ ผมก็ทำการบอกทางค่ายว่าผมจะขอถอนตัวออกจากซีรีส์ เนื่องจากเหตุการณ์นี้ส่งผลกระทบให้ซีรีส์เช่นกัน ผมอยากจะขอโทษค่าย ทีมงาน ผู้กำกับ รวมถึงเพื่อน ๆ นักแสดงทุกคน ที่ทำให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นมา แล้วก็ขอโทษทุกคนที่ทำให้ได้รับผลกระทบนี้”
จากนั้นผู้สื่อข่าวก็ได้สอบถามต่อถึงคดีความ ซึ่งทางฝ่ายหญิงบอกว่านักแสดงหนุ่มได้ทำร้ายร่างกาย ในเหตุการณ์นี้ตั้งใจที่จะทำร้ายผู้หญิงจริงหรือไม่ หนุ่มภวินตอบว่า “เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ๆ ส่วนใหญ่มันจะเกิดจากการที่เราไปกอดหรือรั้งไม่ให้เขาทำร้ายร่างกายตัวเอง หรือในตอนที่เขาจะไปบริเวณระเบียง เหตุการณ์มันค่อนข้างชุลมุน ถ้าให้ผมพูดตรง ๆ ก็คือ ไม่มีการกระทืบใด ๆ เกิดขึ้น เหตุการณ์ส่วนใหญ่จะเป็นการที่ฝ่ายหญิงวิ่งไปที่ระเบียง เราวิ่งตาม แล้วก็รีบจับตัว รั้ง กอดเขาไว้ มีอุ้มด้วย ตัวเขาก็ดิ้น คือตัวเราเข้าไปห้าม ไม่มีการเตะ หรือต่อยใด ๆ ทั้งสิ้น”
เมื่อถูกถามว่า สิ่งที่ทำเพียงแค่จะป้องกันตัวเองและป้องกันเขาไม่ให้เกิดอันตรายใช่ไหม ทางภวินก็ตอบว่า “เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าเขาจะกระโดดจริงหรือไม่จริง แต่เราก็ต้องเข้าไปห้ามไว้ก่อน เราไม่อยากเห็นใครเสียชีวิตต่อหน้าเราอยู่แล้ว ในการที่เราช่วยเหลือเขาแล้ว เราห้ามไม่ให้เขาฆ่าตัวตาย แต่เขาถือมีดถือกรรไกรมาเนี่ย เราก็รู้สึกว่าเราก็ต้องปกป้องตัวไม่ให้บาดเจ็บด้วย ในส่วนของรอยเขียวที่หลังเขาคือตอนนั้นเราพยายามอุ้มเขาให้เขาสงบสติอารมณ์ ขณะนั้นผมเสียหลัก หลังเขาเลยไปโดนเข้ากับอ่างน้ำ”
จากนั้นเจ้าตัวก็ถูกถามถึง คลิปที่อัดไว้ว่ามั่นใจในหลักฐานใช่ไหมว่าเราไม่ได้ทำอะไรแบบนั้น เจ้าตัวก็ตอบว่า “ถ้าให้พูดก็คือ มีคลิปเสียงตั้งแต่ต้นเหตุการณ์เลย ตอนนั้นผมไหวตัวทัน เพราะครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกด้วยที่เราทะเลาะกัน อัดทิ้งไว้จนลืมไปเลย และหลังจากเกลี้ยกล่อมเขาเสร็จ พอผมไปเข้าห้องน้ำก็เลยเพิ่งเห็นว่าโทรศัพท์อัดเสียงอยู่ ผมมีหลักฐานที่เป็นคลิปเสียง และที่วิดีโอคอลคุยกับเพื่อน เพื่อนผมอัดหน้าจอไว้ และในส่วนของภาพจากกล้องวงจรปิดที่อีกฝ่ายมี เป็นเพียงภาพจากหน้าห้องอย่างเดียว”
สาเหตุที่บอกเลิก หนุ่มภวินได้เผยว่า “เกิดจากที่ฝ่ายหญิงเทรดหุ้นแล้วเสีย จากนั้นก็มาโทษเรา ตรงที่บอกว่าเราเล่นเกมจนไม่สนใจเขา คือผมจะบอกว่าเล่นเกมกับเพื่อมันก็ต้องใส่หูฟังเล่นแหละ แต่ผมก็มองเขาตลอด แต่พอช่วงกลางคืนเขาจะเริ่มเทรด พอเราคุยอะไรด้วยเหมือนเขาก็จะไม่รับสารแล้ว ผมก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงบอกว่าไม่สนใจ ผมเล่นวันนึงก็ไม่ได้เยอะ เรามีประวัติการเล่นบอกหมดทุกอย่าง ผมเล่นวันนึงประมาณ 2-3 ชั่วโมงครับ และการเล่นเกมก็ไม่ได้มีผลต่อความสัมพันธ์ เอาจริงผมเล่นเฉพาะเวลาเห็นเขาจับโทรศัพท์ ไม่งั้นก็จะนั่งอยู่ด้วยกัน หาอะไรดูไปเรื่อย”
ต่อมาทางผู้สื่อข่าวก็ได้ถามถึง ผลกระทบจากเรื่องที่เกิดขึ้น เครียดมากขนาดไหน เจ้าตัวก็ยอมรับว่าเครียดมาก ถึงขนาดเก็บตัวอยู่ในห้อง ทางบ้านก็เป็นห่วง “เอาจริง ๆ เครียดมาก จนแม่ถึงขั้นต้องมาเช็กอาการที่ห้องนอนตลอดว่าเป็นไงบ้าง ถามตลอด เครียดไหม กินอะไรไหม เพราะผมก็ไม่กินอะไรเลย เก็บตัวอยู่ในห้อง แม่ก็เลยเข้ามาดูเป็นระยะ ๆ”
เมื่อถูกถามว่า หลังจากนี้เราจะดำเนินการกับเรื่องทั้งหมดยังไงต่อไป ด้านภวินก็ตอบว่า “ตอนนี้ผมโดนเขาแจ้งความไว้ ก็ต้องเป็นไปตามรูปคดีก่อน ซึ่งทางตำรวจยังไม่ได้ติดต่อมาหาผม ถ้าติดต่อมาผมก็ยินดีให้ความร่วมมือเต็มที่ ตอนนี้ยังไม่ได้แจ้งความกลับ เรารอเคลียร์ไปทีละอย่างก่อน ผมยังไม่สามารถบอกได้ ผมไม่ได้แจ้งความ ที่ผมไปคือไปเป็นพยานที่เขาโยนเคสลงมา ผมยืนยันในสิ่งที่ตัวเองพูดในวันนี้ ส่วนเรื่องกล้องวงจรปิดหน้าห้อง ต้องพูดตรง ๆ ว่ามันเป็นเคสของเราด้วยที่ทางตำรวจให้เราไปเอามาเพื่อยืนยันตัวว่าเรา ไม่ได้อยู่ในห้องในขณะที่เขาโยนเคสคอมพิวเตอร์”
ทั้งนี้ ในตอนท้ายของการแถลงข่าว หนุ่มภวินก็ได้บอกว่าสำหรับความรักครั้งนี้ เจ้าตัวรู้สึกเสียใจที่สุดที่ใช้อารมณ์ เราทะเลาะกันการที่ฝ่ายหนึ่งพยายามคุย อีกฝ่ายใช้อารมณ์มันจบกันไม่ได้ดี ๆ รู้สึกว่าถ้าเกิดมันเป็นอย่างนี้ คราวหน้าก็อาจจะเป็นเราที่หนีออกมาเลย แยกกันอยู่ไปเลย พออารมณ์เย็นค่อยกลับมาคุยกันอย่างนี้ดีกว่า สถานะตอนนี้โสดครับ ส่วนฝ่ายหญิงก็คืออดีตแฟน
อย่างไรก็ดี ขณะนี้คดีความยังไม่เป็นที่สิ้นสุด หากมีความคืบหน้าอย่างไร ทาง Thaiger จะรายงานให้ทราบอีกครั้ง