‘ทนายเดชา’ ตั้งโต๊ะแถลง โต้ใช้สื่อกดดัน โชว์แชตสุดท้าย ก่อนผูกคอลาโลก
ทนายเดชา – หลานอากู๋ ตั้งโต๊ะแถลง โต้ใช้สื่อกดดัน ชี้สื่อเป็นเหมือนกระบอกเสียงประชาชน พร้อมโชว์แชตสุดท้าย ก่อนคู่กรณีผูกคอโลก
ทนายเดชา หรือ เดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายความของอากู๋ น.ส.อำนวยพร มณีวรรณ์ หรือ ทนายกุ้ง และ นายซัน หลานของอากู๋ ได้ตั้งโต๊ะร่วมแถลง ภายหลังจากที่ หนึ่งในผู้ต้องหาคดีดังกล่าว ผูกคอตัวเองเสียชีวิตในห้องน้ำของบ้านหลังหนึ่งในท้องที่ สน.คันนายาว
โดยทนายเดชากล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตและญาติ เรื่องแบบนี้ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ทางเราพร้อมที่จะรอเจรจาที่ชั้นศาล แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นก่อน ซึ่งทิศทางทนายฝั่งนั้นกล่าวโทษฝั่งเรา ว่า เราพยายามใช้อำนาจสื่อกดดัน ทำให้รู้สึกไม่โอเค ทั้งนี้ ทางผู้เสียชีวิตเคยติดต่อไปทางหลานอากู๋ และได้ส่งข้อความขอโทษ แสดงความจริงใจ เสียใจในการกระทำ ได้บอกกับหลานอากู๋ว่า ถือว่าทำบุญให้คนป่วย
โดยก่อนเกิดเหตุ ทางครอบครัวอากู๋ได้พูดคุยกันถึงว่า ฝ่ายผู้ต้องหาแจ้งว่าจะดำเนินการไกล่เกลี่ยและถอนฟ้อง แต่เมื่อเช็กก็ยังไม่มีการถอนฟ้อง รู้ว่าทางกลุ่มผู้ต้องหาพยายามติดต่อหลายครั้ง แต่ทางครอบครัวยังติดใจอยู่ เพราะถูกบุกรุกซ้ำซ้อนหลายครั้ง ยอมรับว่ายังโกรธอยู่ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ ก็จะพูดคุยในครอบครัวกันอีกครั้ง สำหรับพิธีณาปนกิจผู้เสียชีวิต หลานอากู๋ระบุว่า ส่วนตัวคงไม่ไปร่วมงานศพผู้เสียชีวิต เพราะไม่อยากให้รู้สึกแย่ไปกันใหญ่
ส่วนความคืบหน้าของคดีขณะนี้ อัยการนัดผู้ต้องหา 5 คน ไปพบในวันที่ 6 มี.ค.นี้ เวลา 09.00 น. เมื่อผู้ต้องหาเสียชีวิตไป 1 ท่าน สิทธิในการดำเนินคดีอาญากับผู้ตายก็หมดไป หลังจากนี้ พนักงานอัยการอาจจะมีคำสั่งออกมา 3 แบบ ทางแรก อาจจะสั่งฟ้องทั้งหมด สอง คือ สอบเพิ่มเติม และ สาม สั่งไม่ฟ้อง ทั้งนี้ ที่ผ่านมา สามีของหนึ่งในผู้ต้องหา และสามีผู้เสียชีวิต ทั้ง 2 คนเป็นตัวแทนทั้ง 5 คน เข้ามาพูดคุยกับทางทนายเดชาเกี่ยวกับเรื่อง มีความสำนึกผิดในการบุกรุกบ้านอากู๋ ต้องการแสดงความรับผิดชอบค่าเสียหายทั้งหมด แล้วก็ติดต่อไปยังอากู๋ ต้องการไปกราบขอโทษอากู๋ แต่ทางอากู๋ยังมีความขุ่นเคืองอยู่บ้าง ตอนนี้ก็อยู่ในกระบวนการไกล่เกลี่ยทั้งหมด
ส่วนตัวมองว่า สื่อมวลชนเหมือนกระบอกเสียงของประชาชน เพราะคดีความทุกวันนี้ ประชาชนไปแจ้งความแล้วไม่มีความคืบหน้า พร้อมยกตัวอย่างถ้าคดีนี้ถ้าไม่มีนักข่าว เขาคงไม่ได้บ้านคืน ส่วนที่นักข่าวไปกดดันจนเขาฆ่าตัวตาย คงไม่ใช่ แต่อยู่ที่ทนายความของเขา มีส่วนเกี่ยวข้องมากกว่าไหมที่ไปยุยงให้เขาสู้คดี ทั้งๆ ที่หลักฐาน พยานทุกอย่างก็เห็นกันหมดแล้ว ซึ่งการที่ทนายความคู่กรณีพูดแบบนี้ ถือว่าไม่มีความรับผิดชอบ และขอย้ำว่า การนำเสนอความของสื่อมวลชนเป็นการนำเสนอข่าวที่ปกติ นักข่าวไม่ได้ไปบีบคั้นให้ผู้ก่อเหตุถึงแก่ความตาย
อยากขอถามกลับทนายความฝั่งคู่กรณีว่า ที่เขาต้องจบชีวิตตัวเองนั้นเป็นเพราะการยุแยงของตัวเองหรือไม่ การที่เขาบุกรุกเข้าบ้านเป็นครั้งที่ 2 เอาป้ายที่มีข้อความว่า บ้านนี้เป็นบ้านของ 1 ในผู้ต้องหามาติด แบบนี้ถือว่าเป็นทนายที่มีคุณธรรมหรือไม่ ซึ่งวันนี้ลูกความคุณตาย เพราะตัวคุณเองหรือเพราะสื่อ เพราะคุณเป็นคนแนะนำให้เขาบุกรุกครั้งที่ 2 ใช่หรือไม่ เพราะทนายความชุดแรกก็เจรจาไกล่เกลี่ยจนจะจบอยู่แล้ว ทนายคนเดิมก็ไม่ได้ให้ผู้ต้องหาบุกรุกเข้าไปแล้ว แต่วันดีคืนดีก็ไปเปลี่ยนทนายความคนใหม่ ตนเองได้คุยกับกลุ่มผู้เสียหาย เขาก็บอกว่าเขาเชื่อทนายความคนใหม่ ฝากถึงทนายความว่า คุณธรรมต้องนำกฎหมาย ส่วนสื่อมวลชนเองก็ทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงอยู่แล้ว ไม่ใช่เครื่องมืออะไรของตนเอง การไปบุกรุกหรือแย่งบ้านคนอื่น เป็นสิ่งไม่ควรทำ เรื่องนี้เป็นประเด็นสาธารณะ ถ้าวันนี้มีทนายความที่ไม่มีคุณธรรมไปแนะนำให้ไปยึดบ้านคนอื่น ก็จะเกิดความไม่สงบในบ้านเมือง
ขณะที่นายซันกล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิต ครอบครัว ตนไม่อยากให้มีเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ทางตนพร้อมเจรจาคลายเครียดในชั้นศาล ก่อนหน้านี้ ตนก็ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องราวแบบนี้เกิดขึ้น ทนายฝั่งคู่กรณีกล่าวหาว่าใช้อำนาจสื่อ ตนไม่โอเค และล่าสุด เรื่องราวนี้มีผู้เสียชีวิตด้วย
นอกจากนี้ ผมยังได้รับแชตจากผู้ตายส่งข้อความมาว่า “ยังไงคิดว่าทำบุญให้กับคนป่วยและพี่ด้วยนะคะ” เขาพยายามขอโทษ และแสดงความจริงใจ และเมื่อสัปดาห์-2 สัปดาห์ก่อน มีการโทร.มาเจรจาผ่านทนายเดชา และไม่มีสัญญาณอะไรมาก่อน เพราะก็เครียดด้วยกันทั้ง 2 ฝ่าย
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่า ถ้าไม่เกิดกรณีนี้ขึ้นจะไกล่เกลี่ย หรือไม่ นายซัน กล่าวว่า ตอนแรกพูดคุยกันอยู่ ทางคู่กรณีบอกว่า จะถอนคำร้องปรปักษ์ ก่อนจะเจรจา แต่ตนตรวจสอบตลอดแต่ก็ยังไม่เห็นว่าคู่กรณียังไม่ถอน ตอนนั้นยอมรับว่ายังโกรธอยู่ แต่ตอนนี้ผ่านมาสักพักแล้ว ส่วนแนวโน้มจะขายบ้านหลังนี้ให้คู่กรณีหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับอากู๋ เพราะตอนนี้ยังคงช็อกกับเหตุการณ์ เชื่อว่าหลังจากนี้อากู๋ก็อยากจะให้มีการไกล่เกลี่ย