ตำรวจบุกจับ ‘พระนักธรรมเอก’ เปิดกลุ่มค้าคลิปกามเด็กชาย เจอ 7,000 คลิป
เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกกุฏิ จับ พระนักธรรมเอก ในกาฬสินธุ์ เปิดกลุ่มขายคลิปกามเด็กชาย ตำรวจผงะเจอคลิปในครอบครอง 7,000 คลิป
เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เกี่ยวข้องร่วมกันแถลงข่าว CYBER GUARD OPERATION หลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจบุกกุฏิ รวบพระหนุ่มนักธรรมเอก เปิดกลุ่มลับค้าสื่อลามกเด็กชาย สืบเนื่องจากที่ กลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต บก.ตอท. ได้รับแจ้งเบาะแสจาก The Scientia Program (โปรแกรมซายเอนเทีย) ซึ่งเป็น NGO ที่ดำเนินการในประเทศไทยเพื่อสนับสนุนผู้บังคับใช้กฎหมายของไทยในการต่อสู้กับการค้ามนุษย์และการแสวงหาประโยชน์จากเด็ก
โดยเบาะแสข้างต้น พบว่ามีการโฆษณาชักชวนเข้ากลุ่มลับในแอปพลิเคชันไลน์ ได้โพสต์โฆษณาให้ผู้ที่สนใจสมัครสมาชิกเข้ากลุ่มลับ มีข้อความลักษณะเชิญชวนให้บุคคลทั่วไปเข้าดูวิดีโอคลิปเด็กมัธยมชายกระทำอนาจารในบริบทต่างๆ จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ
ต่อมา พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.ชูศักดิ์ ขนาดนิด ผบก.ตอท. เร่งส่งเจ้าหน้าที่เข้าสืบสวนกรณีดังกล่าว เนื่องจากเป็นการกระทำผิดที่ส่งผลกระทบเด็กและเยาวชน โดยจากการตรวจสอบพบว่า มีเด็กอายุไม่เกิน 18 ปี ที่สามารถระบุตัวตนได้ปรากฏในคลิปจำนวน 5 ราย และยังมีที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้อีกเป็นจำนวนมาก โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกันสืบสวนจนทราบว่าผู้จัดการบัญชี หรือ แอดมิน LINE คือ พระสงฆ์รูปหนึ่ง อายุ 23 ปี ปัจจุบันบวชอยู่ในวัดแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอหมายค้นต่อศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ เพื่อเข้าตรวจค้นเป้าหมาย
ต่อมาช่วงเช้าของวันที่ 21 ก.พ. 67 เจ้าหน้าที่ตำรวจกลุ่มงานต่อต้านการล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเทอร์เน็ต บก.ตอท. ได้นำหมายค้นศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ เข้าตรวจค้นกุฏิภายในวัดแห่งหนึ่งใน อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ พบพระสงฆ์แอดมินกลุ่มลับดังกล่าวข้างต้น เมื่อขอตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือ พบภายในติดตั้ง แอปพลิเคชั่น LINE โดยลงชื่อเข้าใช้งานบัญชีที่ประกาศขายคลิปสื่อลามกอนาจารเด็กชาย(CSAM) ซึ่งเป็นผู้จัดการหรือแอดมินกลุ่มเองจำนวน 2 กลุ่ม และเป็นสมาชิกกลุ่มอื่น (CSAM) อีกกว่า 100 กลุ่ม รวมสมาชิกทั้งหมด 16,206 คน และพบสื่อลามกอนาจารเด็กเก็บไว้ในโทรศัพท์มือถือ, Notebook(โน๊ตบุ๊ก),Flash Drive (แฟลชไดร์ฟ) และที่จัดเก็บจัดการไฟล์ออนไลน์ (MEGA) รวมจำนวน 78.2 GB ซึ่งมีคลิปวิดีโอ อีกเกือบ 7,000 ไฟล์
เบื้องต้น เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงร่วมกันแจ้งข้อหา ดังนี้
1. นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ
2. ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็กและส่งต่อซึ่งส่งสื่อลามกอนาจารเด็ก เพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองหรือผู้อื่น, เพื่อความประสงค์แห่งการค้า หรือโดยการค้า เพื่อการแจกจ่ายหรือเพื่อการแสดงอวดแก่ประชาชน ทำ ผลิต มีไว้ นำเข้าหรือยังให้นำเข้าในราชอาณาจักร ส่งออกหรือยังให้ส่งออกไปนอกราชอาณาจักร พาไปหรือยังให้พาไปหรือทำให้แพร่หลายโดยประการใดๆ ซึ่งสื่อลามกอนาจารเด็ก
3. เพื่อจะช่วยการทำให้แพร่หลาย หรือการค้าสื่อลามกอนาจารเด็กแล้ว โฆษณาหรือไขข่าวโดยประการใดๆ ว่ามีบุคคลกระทำการอันเป็นความผิดตามมาตรานี้ หรือโฆษณาหรือไขข่าวว่าสื่อลามกอนาจารเด็กดังกล่าวแล้วจะหาได้จากบุคคลใด หรือโดยวิธีใด นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.สหัสขันธ์ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป